จุนห่าวหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ออกมาจากเทศะ เนื้อชิ้นนี้คือเนื้อหมูเนื้อแดงที่เป็ชั้น ๆ หมูเนื้อแดงคล้ายกับหมูที่สุ่ยหลานซิง เพียงแค่มันมีเขี้ยวแหลมคมสองซี่ในปาก ตรงกลางปากพ่นลูกไฟออกมาได้ และมีหางหนาแข็งแรงราวกับแส้เหล็ก หมูเนื้อแดงเป็เนื้อหมูที่นุ่มละเอียด มีรสชาติอร่อย และยังมีพลังปราณอ่อน ๆ หานรุ่ยชอบกินมาก จุนห่าวก็ชอบกินเช่นกัน จุนห่าวจึงเก็บเนื้อนี้ไว้ในเทศะอยู่จำนวนหนึ่ง ครานั้นเสี่ยวไป๋ไม่ยอม และกล่าวว่าพื้นที่ในเทศะมีไว้สำหรับใช้เพาะปลูกพืชเซียน ไม่ใช่ที่ที่ใช้เก็บของเบ็ดเตล็ดเช่นนี้ แต่จุนห่าวเพิกเฉยต่อเสียงโห่ร้องของเสี่ยวไป๋ ใครใช้ให้เขายากจนล่ะ เขาไม่มีปัญญาซื้อพื้นที่ไว้เก็บของนี่ มีเทศะ แต่ไม่ใช้เก็บของสดก็เสียเปล่า อย่างไรเทศะก็เป็ของเขา
จุนห่าวตัดชิ้นเนื้อ เลือกส่วนที่ติดมันและเตรียมทำหมูตุ๋นน้ำแดง ส่วนเนื้อสันในที่ติดมันบาง ๆ ก็ใช้ทำหมูสันในเปรี้ยวหวาน และทำการหั่นเนื้อไม่ติดมัน เพื่อทำหมูสับบะช่อนึ่ง เมื่อเตรียมเนื้อหมูเสร็จแล้ว จุนห่าวก็หยิบเนื้อปลาออกมาจากเทศะ เป็เนื้อปลาธรรมดา แต่ทว่ามีเนื้อที่สดและอร่อย บางทีเขาก็ไม่ได้กินอะไรที่มีพลังปราณแฝงบ้างเป็ครั้งคราว
เมื่อจุนห่าวเตรียมส่วนผสมเรียบร้อยแล้ว การทำครัวของจุนห่าวนั้นคล่องแคล่วมาก ด้วยฝีมือของจุนห่าว เพียงครู่เดียวอาหารทุกจานก็เสร็จออกจากหม้ออย่างน่ารับประทานและหอมฟุ้ง จุนห่าวยังทำผัดผักอีกสองอย่าง และทำซุปอีกหนึ่งอย่าง อาหารมื้อใหญ่อลังการได้พร้อมแล้ว
เมื่อเสี่ยวไป๋ได้กลิ่นหอม ๆ จึงส่งเสียงว่า หอม... หอมยิ่งนัก อยู่ในหัวของจุนห่าว เสี่ยวไป๋อยากกินจนน้ำลายไหล แม้ว่าเสี่ยวไป๋จะส่งเสียงโอดครวญเพียงใด ทว่าเสี่ยวไป๋ก็ได้แต่มอง ไม่อาจกินได้ เสี่ยวไป๋ร้องโอดครวญใส่จุนห่าว จนจุนห่าวหน้าดำเมี่ยม
เสี่ยวไป๋: จุนห่าว รอข้าออกไปฝึกตนเองได้จริง ๆ ก่อน เ้าจะทำอาหารอร่อย ๆ มากมายอย่างนี้ให้ข้าบ้างได้ไหม
จุนห่าว: ได้ซิ จุนห่าวนึกคิด ขอแค่เสี่ยวไป๋ไม่ส่งเสียงหอมยิ่งนักอย่างโหยหวนในหัวของเขาก็พอแล้ว
เมื่อเสี่ยวไป๋ได้ยินจุนห่าวพูดว่าได้ ก็พลันพูดขึ้นอย่างตื้นตันใจว่า “จุนห่าว เ้าช่างดียิ่งนัก ดีกว่าพ่อข้าเสียอีก แม่ข้าก็ทำอาหารอร่อย ๆ ให้ข้ากิน แต่พอพ่อข้ามาเห็นกลับไม่ยอม แถมยังมาแย่งอาหารของข้าไปอีก พ่อข้าทำเกินไปแล้ว”
จุนห่าว: ...... เสี่ยวไป๋ เ้าพูดถึงพ่อเ้าแบบนี้จะดีเหรอ? เสี่ยวไป๋ยังเป็แค่เด็ก ใครที่ให้เขากินของอร่อยก็ถือว่าเป็คนดีแล้ว เขากลัวเสียจริงว่าจากนี้ไปเสี่ยวไป๋จะถูกลักพาตัวเพราะของกิน
จุนห่าวทำอาหารเสร็จแล้ว ก็มานั่งกินอาหารพร้อมกับหานรุ่ย หานรุ่ยกินอย่างรวดเร็ว จุนห่าวคอยพูดอยู่ข้าง ๆ ตลอดว่า “ค่อย ๆ กิน ค่อย ๆ กิน ไม่มีใครแย่งเ้าหรอก ทั้งหมดนี่เป็ของเ้า” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยอยู่ตลอดว่าให้ค่อย ๆ กิน แต่ทว่ามือก็ขยับไม่หยุด เขาคอยตักอาหารให้หานรุ่ยอยู่ตลอด
หานรุ่ยกินอาหารที่จุนห่าวตักให้ พลางกล่าวว่า “จุนห่าว เ้าก็กินด้วยสิ อย่ามัวแต่ตักให้ข้า หมูเนื้อแดงตุ๋นนี้อร่อยนัก ติดมันแต่ไม่เลี่ยน ละลายในปาก ช่างอร่อยจริง ๆ เ้าก็ต้องกินด้วยนะ” พูดจบหานรุ่ยก็ตักหมูเนื้อแดงตุ๋นลงในชามของหานรุ่ยหนึ่งชิ้น
จุนห่าวกินอาหารที่หานรุ่ยตักให้ เขารู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ “เ้าชอบกินอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะทำให้เ้ากิน ถึงเนื้อจะมีไม่มากแล้ว แต่ไม่เป็ไร เราอยู่ติดกับป่าหลานอู ถ้าเนื้อไม่มี ข้าก็ออกไปล่าได้” เพราะการล่าสัตว์ได้สะดวก คือเหตุผลที่เขาเลือกที่นี่ เนื้อที่ซื้อมาไม่สดเท่าเนื้อที่ล่ามาเองหรอก
หานรุ่ยรู้ว่าป่าหลานอูรอบนอกไม่มีอันตรายอะไร จึงกล่าวขึ้นว่า “ถ้าคลอดลูกแล้ว ข้าจะไปกับเ้า แต่ก่อนข้าเก่งกาจมากเลยนะ” หานรุ่ยถูกจุนห่าวตามใจ จนเป็กลายคนที่ชอบพูด ชอบหัวเราะ ละทิ้งความเ็าก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น
จุนห่าว: เสี่ยวรุ่ยของเราคืออัจฉริยะ ต้องเก่งกาจแน่นอนอยู่แล้ว
หานรุ่ย: ...... น้ำเสียงออดอ้อนของจุนห่าวเช่นนี้ เขาไปเอามาจากไหนกัน ตัวเขาตอนนี้อายุมากกว่าจุนห่าวสองปีนะ
เสี่ยวไป๋: ข้าต่างหากล่ะ ที่เป็อัจฉริยะ
จุนห่าว: ......
พอกินข้าวเสร็จ จุนห่าวและหานรุ่ยก็คลอเคลียกันครู่หนึ่ง แม้ว่าจะเคลื่อนไหวไม่ได้มาก แต่จุนห่าวก็ไม่ลืมที่จะกอบโกยไปทุกวัน แม้จะยังกินไม่ได้ แต่ได้ลูบ ๆ หอม ๆ นิดหน่อยก็ยังดี
“เสี่ยวรุ่ย เ้านอนก่อนเถอะ ข้ารู้สึกว่าพลังปราณของข้าใกล้จะสกัดกั้นไม่ไหวแล้ว ข้าต้องเลื่อนขั้นแล้ว” จุนห่าวกล่าว ยามนี้เขาสกัดกั้นพลังปราณไว้อย่างยากลำบากยิ่ง
“จุนห่าว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้เ้าไปบำเพ็ญเพียรเถอะ เดี๋ยวข้าจะปกปักษ์รักษาเ้าเอง การบุกทะลวงจากลมปราณขั้นที่หนึ่งไปยังลมปราณขั้นที่สองไม่มีอันตรายอันใด” หานรุ่ยกล่าว บัดนี้จุนห่าวต้องเลื่อนขั้น เขาจะนอนหลับอย่างสบายใจได้อย่างไร
เมื่อจุนห่าวเห็นหานรุ่นยืนหยัดอย่างตั้งใจจริงจึงตอบรับ เขารู้สึกว่าเขาคงใช้เวลาอีกไม่นาน ก็จะบุกทะลวงสำเร็จ จุนห่าวเตรียมตัวพร้อมแล้ว และเริ่มออกวิชา ลมปราณภายในร่างกายที่ไหลเวียนดั่งคลื่นน้ำจากเส้นลมปราณเข้าสู่จุดตันเถียน จุนห่าวดูดซับพลังปราณจากภายนอก และเค้นพลังปราณจากภายในที่จุดตันเถียนอย่างไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าใช้เวลานานเท่าไหน จุนห่าวก็สามารถทะลวงปราการเข้าสู่ลมปราณขั้นที่สองได้สำเร็จ หลังจากที่เข้าสู่ลมปราณขั้นที่สอง เขาก็รู้สึกว่าทั่วร่างกายของเขาเปี่ยมไปด้วยพละกำลังและดีกว่าจุดสูงสุดของร่างกายในอดีตชาติของเขาเสียอีก นี่คงจะเป็ประโยชน์ของการบำเพ็ญเพียร
จุนห่าวเลื่อนขั้นครั้งนี้ ดั่งน้ำมา คลองก็เกิด [1] เมื่อจุนห่าวลืมตาขึ้น ก็เห็นหานรุ่ย จึงนึกอยากกอดและแบ่งปันความสุขของเขากับหานรุ่ย ทันทีที่เขาเอื้อมมือออกไปััหานรุ่ย ก็พลันถูกหานรุ่ยปัดออก
เมื่อเห็นว่าหานรุ่ยปัดมือออก จึงกล่าวอย่างน้อยใจว่า “เสี่ยวรุ่ย เ้าจะทอดทิ้งข้าหรือ?”
หานรุ่ยมองมือที่ดำทะมึนของจุนห่าว พลางมองไปที่สีหน้าอันเศร้าสร้อยของจุนห่าว และกลืนคำว่า ‘ทอดทิ้ง’ สองคำนี้ทิ้ง พร้อมพูดว่า “เ้ารีบไปล้างมือเถอะ เ้าไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ หรือ?”
เมื่อหานรุ่ยพูดจบ จุนห่าวก็พลันได้กลิ่นแปลก ๆ เขาดมไปดมมาก็รู้ว่านี่คือกลิ่นที่ออกมาจากตัวของเขา ยิ่งเห็นมือที่ดำทะมึนของตัวเอง ก็ะโลงจากเตียงอย่างอับอาย แล้วรีบออกจากห้องไป
หานรุ่ยมองจุนห่าวที่หลบหนีไปด้วยรอยยิ้ม พูดพลางหัวเราะออกมาว่า “กระต่ายตื่นตูมอะไรเพียงนี้ นี่เป็เพียงการชำระล้างเท่านั้น ทุกคนผ่านประสบการณ์นี้มาหมด เ้าไม่จำเป็ต้องตื่นเต้นเยี่ยงนี้”
เมื่อจุนห่าวได้ยินหานรุ่ย จึงคิดในใจว่า เขาไม่ได้กระต่ายตื่นตูม เขาแค่อยากล้างให้สะอาดโดยเร็วที่สุด เขาจะได้แบ่งปันความสุขกับหานรุ่ย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] น้ำมาคลองก็เกิด คือ เมื่อเงื่อนไขต่าง ๆ สุกงอม เื่ต่าง ๆ ก็จะสามารถบรรลุผลได้สำเร็จ