บาสพาแทนเดินกลับไปโต๊ะหลังจากที่ยืนปลอบกันอยู่พักหนึ่ง ดวงตากลมแดงช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มา ปลายจมูกรั้นเองก็แดงและเจ่อบวมขึ้นไม่ต่างกัน ทุกคนบนโต๊ะพร้อมใจกันเงียบไม่มีใครถามอะไรออกมาเนื่องจากรู้ว่าอารมณ์ของแทนในตอนนี้นั้นยังไม่คงที่พอที่จะเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นให้กับพวกเขาฟังได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะรออย่างใจเย็นเพื่อให้เพื่อนพร้อมและเปิดปากเล่าเอง
“ให้กูไปจ่ายค่าข้าวให้มั้ย” ทิมมี่ที่นึกได้ว่าแทนยังไม่มีมื้อกลางวันตกถึงท้องเลยพูดขึ้น “ร้านประจำเน๊อะ”
“อือ” แทนพยักหน้าตอบ หัวตาเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง “สองจานนะ ของปลื้มจานหนึ่ง”
“โอเค” ทิมมี่ที่ยังไม่รู้เื่ระหว่างแทนกับปลื้มพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป เขาจัดการจ่ายค่าข้าวแล้วยกมันกลับไปให้แทนที่โต๊ะ
“แล้วปลื้มมันจะมาเมื่อไรอะ” ขิมถามพลางยืดคอมองหาเงาของร่างสูงที่มักตัวติดกับเพื่อนเขาอยู่เสมอไปด้วย
“มันเดินไปไหนไม่รู้...อึก” ร่างบางกลั้นเสียงสะอื้นไว้ในลำคอ “เดี๋ยวก็กลับมามั้ง” มือเรียวจับช้อนตักอาหารตรงหน้าเข้าปากพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม
“พอเถอะแทน มึงทะเลาะกับไอ้ปลื้มก็บอกพวกกูมาตรงๆเถอะ” บาสที่ทนเห็นสภาพของแทนต่อไปอีกไม่ได้แล้วพูดโพล่งขึ้นมา
“หนักเลยหรอวะมันถึงได้มีสภาพแย่ขนาดนี้เนี่ย” เจสหันไปถามบาสที่ดูเหมือนจะเป็อีกคนนอกจากเ้าของเื่ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“กูก็ไม่รู้หรอกว่าแม่งทะเลาะกันหนักแค่ไหน แต่จากที่เห็นสภาพของมันกูว่าก็น่าจะหนักเอาเื่อยู่แหละ”
“แล้วมึงรู้ป่ะว่าทะเลาะกันเื่อะไร”
“...” บาสส่ายหัวให้สกาวฟ้าแทนคำตอบ
“มันรู้แล้ว” เสียงทุ้มของแทนที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งโต๊ะได้ไม่ยากนัก “มันรู้เื่กูกับเรนหมดแล้ว”
“O-M-G” เจสยกมือขึ้นมาทาบอกด้วยท่าทีใ
“กูอยากอธิบายให้มันฟัง” ช้อนยาวในมือถูกวางลงบนจานข้าวเพราะมือบางไม่มีแรงมากพอที่จะจับมันเอาไว้อีกต่อไป “แต่กูพูดอะไรไม่ออกเลย”
“...”
“ถ้าพูดไปก็คงกลายเป็แค่คำแก้ตัวของคนเหี้ย”
“อิแทนนนน” เจสซี่เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนเสียงยานคราง เขาลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองเดินเข้าไปหาแทนแล้วคว้าตัวร่างบางมากอดเอาไว้ ยิ่งแรงสั่นไหวของคนในอ้อมแขนมากขึ้นเท่าไรเจสก็ยิ่งออกแรงกอดอีกคนแน่นมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าคำที่จะใช้ปลอบคนที่เสียใจควรเป็คำพูดแบบไหน แต่เจสซี่คิดว่าสิ่งที่แทน้ามากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช้คำพูดสวยหรูพวกนั้น เพื่อนของเขาแค่้าใครสักคนที่โอบกอดตัวเองเอาไว้
“กูไม่อยากให้มันเป็แบบนี้” ร่างบางเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา “แต่กูทำเองตัวเองทั้งนั้นเลย ที่มันต้องเป็แบบนี้ก็เพราะกูทำตัวเองทั้งนั้น”
คำพูดของปลื้มยังคงดังก้องอยู่ในหัวของแทนเหมือนเทปที่ถูกเปิดวนซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้นซ้อนทับกับแววตาผิดหวังที่อีกคนใช้มันมองมาที่เขา มันเหมือนมีดที่กรีดลงในหัวใจของแทนสร้างความเ็ปให้กับเขาจนไม่อาจฝืนทนทำเหมือนว่าตัวเองเข้มแข็งได้อีกต่อไป
แต่จะโทษปลื้มก็ไม่ได้ที่ทุกอย่างมันเป็แบบนี้ล้วนเป็เพราะตัวของเขาเองทั้งนั้น
“มึงอย่าคิดแบบนั้นดิ ใครจะไปรู้วะว่าอิปลื้มกับอิเรนจะมาคบกันอะ” ขิมพูดแย้งขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มโทษตัวเองทั้งที่จริงแล้วเื่นี้แทนไม่ได้ทำผิดอะไรเลยด้วยซ้ำ
“จริงค่ะ มึงไม่ใช่พระพุทธเ้าสักหน่อยที่จะตรัสรู้ได้ว่าสองคนนั้นจะคบกัน แล้วอิปลื้มกับมึงจะมาชอบกันต่ออีกทีอะ”
จริงๆความสัมพันธ์ของแทนกับปลื้มมันยากมาั้แ่ต้นแล้ว เขาเคยชอบเรนแถมยังเคยนอนด้วยกันมาก่อนส่วนปลื้มก็เป็แฟนเก่าของเรน เราสองคนเหมือนเส้นขนานที่มีเรนอยู่ตรงกลางไม่ควรมากันเลยด้วยซ้ำ
“กูไม่น่าปล่อยตัวเองให้มาถึงตรงนี้เลยว่ะ” ไม่สิไม่ควรก้าวเข้ามาแต่แรก
ถ้าหากวันนั้นเขาเลือกที่จะทิ้งปลื้มให้นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่ต้องสนใจมันแล้วพาตัวเองเดินกลับไปหามันอีก เื่ราวทุกอย่างมันก็คงไม่เดินทางมาถึงตรงนี้
“กูชอบคนแบบมึงลงไปได้ยังไงวะ”
“แม่งโคตรเจ็บเลยว่ะ”
ดวงตากลมโตของอัลฟ่าหนุ่มร่างบางนั่งเหม่อมองไปยังบนท้องฟ้ายามเย็นที่เริ่มเปลี่ยนสีเข้าสู่่เวลาค่ำคืน ขาเรียวยาวเหยียดตรงทั้งสองข้าง กระป๋องเบียร์ที่ถูกดื่มหมดไปแล้วสองกระป๋องถูกวางทิ้งไว้ข้างตัว รอบกายมีแต่ความเงียบ ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไรที่ร่างบางเอาแต่นั่งอยู่อย่างนั้น
มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เลื่อนกดเข้าไปบนรายชื่อผู้ติดต่อที่บันทึกเอาไว้สายตาจดจ้องไปยังชื่อของใครบางคนตาไม่กะพริบ อยากกดโทรออกใจแทบขาดอยากคุยอยากอธิบายให้เข้าใจแต่ก็ทำได้แค่เลื่อนผ่านไปแล้วกดโทรออกรายชื่ออื่นแทน มือบางยกโทรศัพท์ไว้แนบหูเพื่อรอให้ใครบางคนกดรับสาย
(ไง)
“น้าเล็ก” เสียงทุ้มฟังดูเหนื่อยหน่ายเอ่ยเรียกชื่อของคนที่อยู่ปลายสาย
(มีอะไรหรือเปล่า เสียงเราฟังดูเหนื่อยๆนะ) ผู้เป็น้าเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
“แทนเหนื่อย”
(...)
“แทนไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอย่างไงต่อไปดีเลยน้าเล็ก” ดวงตากลมหลุบลงมามองที่ปลายเท้าของตัวเอง ตอนนี้ในหัวของแทนมันมืดไปหมดหันไปทางไหนก็ไม่เจอทางออกเลย
(ทะเลาะกับเขาคนนั้นมาหรอ)
“เขารู้ความจริงแล้ว เื่ที่แทนเคยมีอะไรกับแฟนเก่าเขา”
(อ๋อ)
คนที่อยู่ปลายสายคือคนที่รู้เื่ราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตของแทนมาตลอด ญาติผู้น้าคนนี้มักเป็ที่ปรึกษาที่ดีให้กับแทนในหลายๆเื่ดังนั้นร่างบางจึงโทรไปเล่าเื่ของตัวเองให้น้าเล็กฟังอยู่เสมอ การที่เขาได้ระบายเื่ราวที่อึดอัดอยู่ในใจออกไปให้ใครสักคนฟังมันทำให้เขารู้สึกดีขึ้น และยิ่งรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมเมื่อได้รับคำแนะนำที่หวังดีกลับมา
“ตอนนั้นแทนทำตัวไม่ถูกเลย รู้ว่าต้องอธิบายอะไรสักอย่างเพื่อให้เขาเข้าใจ แต่ดันพูดไม่ออกสักคำ” ในหัวมันตื้อไปหมด มีแต่คำว่าทำยังไงดี ทำยังไงดี ดังขึ้นแต่กลับตอบตัวเองไม่ได้เลยว่าควรจะทำเช่นไร สุดท้ายก็ทำได้แค่ยืนนิ่งๆฟังเขาพูดคำพูดทำร้ายจิตใจใส่หน้า
(ไม่เป็ไร รอให้มีสติกันมากกว่านี้แล้วค่อยพูดก็ได้)
“...”
(ตอนนั้นเขากำลังโกรธแทนพูดไปเขาก็คงไม่รับฟังหรอก ถ้าพูดออกไปเขาน่าจะมองว่าเรากำลังแก้ตัวอยู่มากกว่า)
“แทนควรทำอย่างไงดีน้าเล็ก” มือบางจับกระป๋องเบียร์ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ขึ้นมากระดกดื่มหลังพูดจบ “แทนควรถอยดีหรือเปล่า” เปลือกตาบางกะพริบถี่เพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาให้หายไป
ไม่ได้อยากยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้เลย แต่เหมือนว่ามันจะไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้วจริงๆ
(ทำไมถึงพูดอะไรที่ดูขี้แพ้แบบนั้นล่ะ)
“ไม่ได้ขี้แพ้แค่ยอมรับความจริงต่างหาก” แทนกำกระป๋องเบียร์ในมือแน่นจนมันบุบลงไปนิดหน่อยตามแรงบีบที่เขาใช้
ไม่มีใครยอมรับเื่แบบนี้ได้หรอก ถ้าเป็ตัวแทนเองก็คงจะยอมรับไม่ได้เช่นกัน
(อุตส่าห์ชอบเขามาตั้งหลายปี สู้เพื่อตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิหลานน้า)
“หลายปีอะไร แค่ไม่กี่ปีเอง” ร่างบางเอ่ยงึมงำออกมาเสียงเบา แต่คนที่อยู่ปลายสายก็ยังได้ยินอยู่ดี
ก็แค่ชอบมาั้แ่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ไม่เห็นว่ามันจะนานตรงไหนเลย
(ลองไปคุยกับเขาก่อน บอกเขาว่าเื่ราวจริงๆมันเป็อย่างไง ถ้าเขาได้ฟังแล้วยังตัดสินว่าเราผิดก็ค่อยมานั่งคิดยอมแพ้ แบบนี้โอเคมั้ย)
“แล้วถ้าโดนว่ากลับมาล่ะ ถ้าเขาไม่ฟังแถมยังพูดจาแย่ๆใส่แทนกลับมา” เขาก็แค่ไม่อยากรับฟังคำพูดพวกนั้นอีกแล้วคำพูดที่มันทำร้ายจิตใจของเขาจนเป็แผลเจ็บช้ำไปหมด แค่ได้ยินจากปากคนที่ไม่รู้จักก็ว่าแย่แล้วแต่พอมันออกมาจากปากของคนที่สำคัญกับเรามันยิ่งเ็ปกว่าหลายเท่านัก
(แล้วแทนจะยอมเสียเขาไปโดยที่แทนไม่ได้อธิบายอะไรเลยหรอ)
“...”
(อย่างน้อยก็คิดว่าทำเพื่อตัวเองก็ได้ ไปพูดกับเขาเพื่อตัวเอง ไม่ต้องคาดหวังให้เขายอมรับได้ แค่ให้เขาเข้าใจว่าเราไม่เคยหลอกเขา ไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายความรู้สึกของเขา ทำให้ตัวเราในสายตาของเขามันดีขึ้นกว่าที่เขามองเราอยู่ในตอนนี้ แค่นั้นก็ได้)
นั่นสินะ อย่างน้อยขอแค่ในสายตาคู่นั้นเขาดูเป็คนที่ดีขึ้นมาบ้าง เป็คนที่ไม่ทำให้รู้สึกผิดเมื่อเผลอใจมาชอบคนอย่างเขา ก็คงจะดี
แก๊งเพื่อนรัฐศาสตร์ทั้งสามคนต่างก็นั่งมองหน้ากันไปมาด้วยความไม่เข้าใจเมื่อรู้สึกได้ถึงความอึมครึมที่แผ่ออกมาจากตัวของปลื้ม พีคกับเก่งพยักพเยิดหน้าใส่จีนเหมือนบอกให้จีนนั่นแหละเป็คนถาม โอเมก้าคนเดียวในกลุ่มรอบมองบนพร้อมกับถอนหายใจออกมาที่ถูกบังคับให้เป็หน่วยกล้าตาย
“อะ...”
ครืด
ยังไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้เอ่ยเรียกชื่อของเพื่อนสนิทออกมาจนจบประโยคโทรศัพท์ราคาแพงของปลื้มที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมาเสียก่อน จีนแอบเสียมารยาทมองดูรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาก่อนจะพบว่ามันคือเบอร์ของแทนนั่นเอง
“แทนโทรมาอะ มึงจะไม่รับหน่อยหรอ”
ร่างสูงปรายตามองไปยังหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองหลังจากที่ปล่อยให้มันสั่นอย่างนั้นอยู่พักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปหยิบมันมากดล็อกหน้าจอแล้ววางคว่ำลงที่เดิม ทำเอาเพื่อนทั้งสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กกว่าเดิม
“ทำไมถึงไม่รับสายวะ”
“...” ปลื้มไม่ยอมตอบเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านชีทตรงหน้าเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เพื่อนพูด
“่นี้งอนกันอยู่หรอ” เก่งไม่สามารถอดทนเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ได้อีกต่อไป
“เปล่า” สุดท้ายปลื้มก็ยอมตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
อัลฟ่าหนุ่มยังไม่ได้เล่าเื่ที่ตัวเองไปล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแทนกับเรนให้ใครฟัง เขาไม่รู้ว่าต้องเล่ามันออกมาอย่างไง ใจหนึ่งก็ไม่อยากเป็ตัวตลกที่ถูกมองว่าโดนคนอื่นสวมเขา อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้เพื่อนรู้สึกกับแทนไม่ดีตามเขาไปด้วย แค่เขารู้สึกแย่คนเดียวมันก็เกินพอแล้ว
“แม่งงอนกันชัวร์” เก่งหันไปกระซิบกระซาบกับพีค ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นวันนี้ไปกินข้าวที่สินกำกันป่ะ”
“เออเอาดิ คิดถึงชาวแก๊งสินกำว่ะ”
“มึงก็คงคิดถึงไอ้ทิมมี่ใช่ป่ะถึงชวนไปสินกำอะ” พีคอดจะแซวจีนขึ้นมาไม่ได้ ่นี้ตัวติดกันแจไม่เหมือน่แรกๆเลย สงสัยจะมีแววว่ารัฐศาสตร์จะได้ลูกเคยเป็เด็กศิลปกรรมฯจริงๆ
“หุบปากไป” จีนชี้นิ้วสั่ง “ยิ้มห่าพ่อมึงหรอ”
“สงสัยต้องเตรียมตัวรับสินสอดจากสินกำแล้วว่ะไอ้เก่ง”
“มึงถือประตูเงินประตูทองคู่กูป่ะพีค” ไม่เสียชื่อลูกคู่กันจริงๆ
“ถ้ามึงสองคนยังไม่หยุดกูจะแช่งให้พวกมึงได้กันเอง”
“ขอร้องเลยจีน ฟ้าจะผ่าตายเอา” พีคบอกพลางยกมือขึ้นมาลูบแขน รู้สึกขนลุกขนพองกับคำพูดนั้นไม่น้อย
“กูไม่ไปนะ พวกมึงไปกันเลย” เพื่อนซี้ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันหน้าไปมองปลื้มอีกครั้ง
“ทำไมวะ”
“ก็แค่ไม่อยากไป” ปลื้มในตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับแทนตรงๆ ในใจของเขามันยังมีความผิดหวังในตัวของอีกคนฉายชัดอยู่ เขาอยากขอเวลาอยู่กับตัวเองเพื่อทบทวนเื่ต่างๆและถามตัวเองว่าเขารู้สึกกับแทนมากพอที่จะมองข้ามเื่นี้ไปได้หรือเปล่า
“มึงทะเลาะไรกับแทนมันก็เล่าได้นะเว้ย”
“ใช่ พวกกูจะได้ช่วยคิดวิธีง้อมันไง”
“สี่หัวดีกว่าหัวเดียวนะมึง”
“ไม่มีอะไร ถ้าพวกมึงจะไปสินกำงั้นกูกลับก่อนนะ” ปลื้มเอ่ยตัดบท ก่อนจะกวาดข้าวของยัดใส่กระเป๋าแล้วรับเดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนทั้งสามคนมองตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“พวกมันงอนกันเื่ไรวะ”
“จะรู้มั้ยเื่ของมันไม่ใช่เื่ของกูอะ”
“ด่ากูเสือกเลยเถอะ”
“ด่าทำไมมึงก็รู้ได้ด้วยตัวเองแล้วนี่ไง”
“โถ่ ไอ้สัด”
“มึงไม่รู้จริงดิจีน” เก่งหันไปมองหน้าจีนอย่าง้าคำตอบ ในบรรดาพวกเขาทั้งสามคนจีนคือคนที่สนิทกับปลื้มมากที่สุดดังนั้นจึงน่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง
“ไม่ต้องมองกูเลย กูก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เดี๋ยวไปถึงสินกำก็รู้เองแหละ”
“งั้นไปกันเลยป่ะ พวกมันก็น่าจะพักแล้วแหละอีกไม่กี่นาทีก็เที่ยงแล้ว” จีนว่าพลางยกนาฬิกาที่สวมไว้บนข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลา
โรงอาหารคณะสินกำยังคงเต็มไปด้วยความวุ่นวายเหมือนเช่นทุกวัน จีนชี้ให้พีคชะเง้อมองหากลุ่มของทิมมี่ตามพิกัดที่อีกฝ่ายบอกมา เก่งเองก็ช่วยมองหาอีกแรงเมื่อเห็นว่าเป้าหมายนั่งอยู่ตรงไหนพวกเขาทั้งสามคนก็ไม่รั้งรออะไรอีกรีบเดินเข้าไปหาทันที
“ปลื้มไม่มาด้วยหรอ” เป็แทนที่เอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองไปยังด้านหลังของพวกเขาทั้งสามคนเพื่อมองหาสมาชิกอีกคนที่หายไป
“ปลื้มมันมีธุระนิดหน่อยอะ” เป็เก่งที่คิดขึ้นมาได้ก่อนจึงเอ่ยตอบไป
“หรอ” อัลฟ่าหนุ่มมีสีหน้าท่าทางที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นยิ่งชัดเจนว่าระหว่างสองคนนี้ต้องมีเื่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“ทิม” คนที่โดนเรียกชื่อรีบเงยหน้าขึ้นจนขนาดไปกับพื้นโลกเพื่อมองใบหน้าของคนที่เดินมายืนค้ำหัวเขาอยู่ จนน่ากลัวว่าคอจะหักเอา “ไปเป็เพื่อนซื้อข้าวหน่อยดิ” จีนบอกพร้อมกับวางกระเป๋าทับลงบนกระเป๋าของทิมมี่อีกที
“ได้ดิ อยากกินไรอะ” ทิมมี่ปรับศีรษะของตัวเองให้กลับมาอยู่ในท่าที่ปกติก่อนจะลุกยืนขึ้น
“ยังไม่รู้เลย ขอเดินดูก่อนแล้วกัน” ร่างสูงหลุบตามองลงไปยังฝ่ามือขาวที่จับลงบนแขนของเขา ก่อนขายาวจะรีบก้าวเดินตามแรงดึงของอีกคนไป
“มาจับมือถือแขนกันแบบนี้ได้ไง คนเขามีพ่อมีแม่นะ” เดินออกมาได้ไม่ไกลหนุ่มหล่องของคณะศิลปกรรมฯก็พูดขึ้นมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงรูปประโยคจะฟังดูถือเนื้อถือตัวแต่ใบหน้ากลับเคลือบไปด้วยความพออกพอใจอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด
“ทีมึงกอดกูเอากอดกูเอา ไม่คิดว่ากูมีพ่อมีแม้บ้างหรอ” คนตัวเล็กสวนกลับมาพร้อมกับปล่อยแขนของอีกคนให้เป็อิสระ
“พร้อมรับผิดชอบนะ จะให้ยกขันหมากไปวันไหนก็บอกจะได้จองคิวกลองยาวไว้”
“ยังจะมีอารมณ์มาพูดเล่นพูดหัวอีกนะ” คนตัวเล็กหันไปทำหน้าเหวี่ยงใส่ร่างสูง มือเรียวดึงให้อีกคนให้หลบผู้คนที่้าจะเดินผ่านพวกเขาไป ก่อนจะลากทิมมี่ให้หลบออกมาคุยกันแค่สองคน
“ดูมีลับลมคมในแปลกๆนะเราอะ”
“มึงรู้เื่ที่แทนกับปลื้มงอนกันมั้ย” คนตัวเล็กเอ่ยเข้าประเด็นทันทีไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำกับคนตรงหน้าอีกต่อไป
“มึงรู้มาแค่ไหนล่ะ” แต่แทนที่จะได้คำตอบอีกฝ่ายกลับถามย้อนเขามาเสียอย่างนั้น
“ไม่รู้เหี้ยอะไรเลย”
“ไอ้ปลื้มมันไม่ได้เล่าอะไรเลยหรอ”
“ไม่เลยสักนิด”
“...” ทิมมี่ทำท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดเพื่อตัดสินใจว่าเขาควรที่จะบอกในสิ่งที่อีกคนอยากรู้ไปดีมั้ย แต่มันก็ไม่ใช่เื่ของเขาถ้าเ้าตัวไม่พูดแล้วคนนอกแบบเขาพูดออกไปมันจะดีหรอก็คงจะไม่ดีสักเท่าไรนัก
“รู้อะไรก็พูดมา” จีนเอ่ยเร่งอีกคน
“มันเป็เื่ของเขาสองคนกูเลยไม่ค่อยอยากพูดเท่าไร” อีกอย่างถ้าพูดออกไปไม่รู้ว่าพวกเพื่อนปลื้มจะโอเคหรือเปล่า ถึงแม้ว่าวันนั้นบาสจะเล่าเื่ของแทนกับเรนให้ทั้งสามคนฟังแล้วแต่ก็ไม่ได้เล่าในส่วนของเื่ที่เป็ประเด็นให้แทนกับปลื้มทะเลาะกันให้ฟังด้วย “กูว่าให้พวกมันเป็คนพูดเองจะดีกว่า”
“มึงพูดมาขนาดนี้แล้วมึงก็เล่ามาเถอะ กูสัญญาว่ากูจะแยกแยะให้ได้ไม่หลับหูหลับตาเข้าข้างเพื่อนตัวเองแน่นอน”
“มึงรู้เื่ของแทนกับเรนแล้วใช่ป่ะ”
“อือ ก็รู้เท่าที่ไอ้บาสมันเล่าให้ฟังวันนั้นแหละ”
“แต่ความจริงมันยังมีอะไรมากกว่านั้นอีก”
“อะไรที่ว่าคืออะไร”
“ระหว่างแทนกับเรนมันไม่ใช่แค่คนที่แอบชอบกัน แต่มันมากกว่านั้น” เขาเองก็หนักใจเหมือนกันนะที่ต้องเป็คนเล่าเื่นี้ออกไปโดยที่ไม่ได้ถามแทนก่อนเลยว่าเล่าได้หรือไม่
กูขอโทษด้วยนะไอ้แทน
“ยังไง”
“แทนเคยนอนกับเรน” ดวงตากลมเบิกกว้างก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากของตัวเองเอาไว้
นี่มันเื่บ้าอะไรกันวะเนี่ย
แทนกับเรน...สองคนนั้นแทงข้างหลังเพื่อนสนิทของเขาอย่างนั้นหรอ
“อย่าบอกนะว่าที่สองคนนั้นเป็แบบนี้ก็เพราะ...”
“อือ” ใบหน้าหล่อพยักขึ้นลงช้าๆ “ปลื้มมันรู้เื่นี้เข้า สองคนนั้นเลยทะเลาะกัน”
“แล้ว...” จีน้าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ยังไม่สามารถที่จะเรียบเรียงคำพูดของตัวเองได้ “แปบนึงนะ” มือบางยื่นไปตรงหน้าของอีกคนเพื่อขอเวลาให้ตัวเองรวบรวมสติที่หลุดไปให้กลับมาเป็รูปเป็ร่างมากขึ้น
“...” ทิมมี่เห็นแสงแดดที่ตกกระทบลงบนใบหน้าของอีกคนก็หันหน้าไปมองยังทิศทางที่แดดลอดผ่านลงมา ก่อนจะจับตัวของอีกคนให้ย้ายตำแหน่งแล้วใช้ตัวเองยืนบังแดดให้คนตัวเล็กเอาไว้
“แล้วทำไมแทนถึงทำแบบนั้น”
“ก็ตอนนั้นแทนมันชอบเรน”
“เดี๋ยวนะ เื่มันเกิดก่อนหรือหลังเรนคบกับไอ้ปลื้ม” จากที่ฟังในตอนแรกจีนเข้าใจว่าแทนกับเรนน่าจะมีอะไรกันตอนที่เรนยังเป็แฟนของปลื้มอยู่แต่พอได้ยินในสิ่งที่อีกคนพูดออกมาเมื่อกี้เขาว่ามันไม่น่าจะใช่อย่างที่เขาเข้าใจแล้ว
“ก่อนดิ แทนมันรู้จักกับเรนก่อนที่เรนจะมาเจอกับปลื้มอีกนะ”
“แสดงว่าแทนก็ไม่ผิดดิ เื่มันเกิดก่อนที่ปลื้มกับเรนจะคบกันเท่ากับว่ามันไม่ใช่การนอกใจ”
“ใช่ แต่จะบอกว่าผิดมั้ย ก็คงจะผิดที่ไม่บอกไอ้ปลื้มไปั้แ่แรกมั้ง”
หลังจากที่จีนได้รู้สาเหตุที่ทำให้เพื่อนของเขาพยายามหลบหน้าแทนเขาก็เอาเื่นี้ไปปรึกษากับพีคและเก่งเพื่อจะได้ช่วยกันหาวิธีที่จะทำให้ปลื้มกับแทนได้คุยกันและปรับความเข้าใจกันก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ลงไปมากกว่านี้
“วันนี้เตะบอลนะ” พีคพูดขึ้นหลังจากที่อาจารย์ประจำวิชาเดินออกไปจากห้องเรียน
“วันนี้กูว่าจะกลับบ้าน พวกมึงไปกันเลย” ปลื้มบอกก่อนจะเตรียมตัวลุกเดินออกไปแต่ก็ถูกเก่งคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวดิจะรีบกลับไปไหนวะ”
“นั่นดิ”
“ทำไม่นี้มึงดูหลบหน้าหลบตาไอ้แทนจังวะ”
“เมื่อก่อนเห็นตัวติดกันตลอด ที่ไหนมีแทนที่นั่นมีปลื้ม ที่ไหนมีปลื้มที่นั่นก็ต้องมีแทน”
“ทำไม ตอนนี้ไม่ปลื้มเขาแล้วหรือไง”
“เออไม่ปลื้มแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยตอบพร้อมกับพยายามดึงแขนของตัวเองให้หลุดออกมาจากมือของเก่ง แต่อีกคนกลับจับแน่นกว่าเดิมขึ้นเสียอย่างนั้น “มึงจะปล่อยกูได้ยังไอ้เก่ง”
“ยัง จนกว่ามึงจะยอมบอกว่ามึงทะเลาะอะไรกับไอ้แทน” ถึงจะรู้ดีอยู่เต็มอกแต่ก็ยังอยากให้เพื่อนเปิดปากเล่าทุกอย่างออกมาเองอยู่ดี
“เฮ้อ” อัลฟ่าหนุ่มถอนหายใจออกมาก่อนจะยอมทิ้งตัวลงนั่งทีเดิม ตอนนี้เพื่อนคนอื่นๆเดินออกไปจากห้องเรียนหมดแล้วเหลือแค่พวกเขาสี่คนเท่านั้น
"ที่จริงกูก็ไม่ค่อยอยากพูดถึงมันสักเท่าไร" พอปลื้มเริ่มเปิดปากเล่าเพื่อนทั้งสามคนก็พร้อมใจกันยื่นหน้าเข้าไปฟังทันที
“ทำไมวะ”
“กูไม่อยากให้พวกมึงรู้สึกแย่ไปกับกูด้วย”
“เื่มันหนักขนาดนั้นเลยหรอ” พีคล่ะอยากจะลุกขึ้นมอบรางวัลการแสดงดีเด่นให้กับจีนจริงๆตีหน้าซื่อถามได้เนียนเหมือนคนไม่รู้เื่อะไรมาก่อนเลยจริงๆ
“แทนเคยมีอะไรกับเรน”
ทั้งห้องเงียบสนิทไม่มีเสียงใครพูดอะไรออกมาอีก พอได้พูดออกไปปลื้มก็รู้สึกดีขึ้นมันเหมือนเขาได้ยกก้อนหินออกจากอกหลังจากที่เอาแต่เก็บเื่นี้ไว้กับตัวไม่กล้าเล่าออกไปให้ฟัง
“กูรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหักหลังเลยว่ะ เหมือนเป็คนโง่อย่างไงก็ไม่รู้”
“...”
“วันแรกที่กูถามเื่มันกับเรน มันบอกกูว่าเป็แค่คนรู้จักกันเฉยๆ” เล่าไปก็ยิ้มสมเพชให้กับความโง่ของตัวเองไป “แล้วเรนก็มาบอกกูว่าเรนชอบแทน ต่อมามันก็บอกกับกูว่ามันเคยชอบเรน”
“...”
“กลายเป็ว่าความรู้สึกของคนสองคนตรงกันส่วนกูแม่งเป็ใครในความสัมพันธ์นี้ก็ไม่รู้ กูไม่ยอมบอกมันด้วยซ้ำว่าเรนชอบมัน” เขายอมเป็คนที่เห็นแก่ตัว “เพราะกลัวว่าถ้ามันรู้แล้วมันจะทิ้งกูแล้วไปเลือกเรน”
“...” อันนี้เป็ข้อมูลใหม่สำหรับพวกเขาและจีนก็เชื่อว่าเพื่อนฝั่งแทนเองก็ไม่น่าจะรู้เื่นี้เช่นกัน
“แล้วกูก็มารู้ว่าทั้งสองคนนั้นเคยมีอะไรกันอีก ตอนนี้ในหัวกูมันตีกันไปหมดกูไม่กล้าที่จะคิดเลยว่าเื่เหี้ยนี่มันเกิดขึ้นตอนไหน ไม่อยากเรียบเรียงอะไรทั้งนั้น กูกลัว กลัวว่าถ้ายิ่งรู้แม่งจะยิ่งเจ็บมากไปกว่านี้”
“...”
“มึงรู้ป่ะกูอดคิดไม่ได้เลยเว้ย ว่าที่เรนเลิกกับกูไปก็เพราะแทน กูตกหลุมรักคนที่ทำให้หัวใจของกูโดนเขี่ยทิ้งอย่างไร้ค่า มันไม่ตลกเลยสักนิด”
“กู...” พีคอยากจะพูดออกไปว่าเขาเข้าใจปลื้ม แต่ก็ไม่กล้าเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของปลื้ม จึงเปลี่ยนไปพูดอย่างอื่นแทน “กูว่าทางที่ดีที่สุดมึงควรไปคุยกับแทนมันนะเว้ย”
“มึงอย่างพึ่งตีโพยตีพายอะไรไปก่อนเลย มันอาจจะไม่ได้เป็แบบที่มึงคิดก็ได้ยนะเว้ย”
“ลองถามมันว่าเื่ระหว่างมันกับเรนเกิดขึ้นตอนไหน”
“มันอาจจะเกิดขึ้นก่อนมึงคบกับเรนก็ได้นะ”
“สุดท้ายก็คือทั้งสองคนนั้นเคยมีอะไรกันอยู่ดี มันยากนะเว้ยที่จะต้องยอมรับให้ได้ว่าคนที่เราเอาแม่งเคยเอาแฟนเก่าของเรามาก่อนอะ”
“ใช่สุดท้ายเราก็เปลี่ยนความจริงข้อนี้ไม่ได้ แต่มึงอย่าทำเหมือนมึงไม่เคยผ่านคนอื่นมาก่อนดิ อย่าทำเหมือนมึงทำได้แต่คนอื่นทำไม่ได้” ปลื้มหันไปมองใบหน้าของจีนที่กำลังพูดอยู่ “มันไม่แฟร์เว้ย”
ถึงแม้ว่าปลื้มจะเป็เพื่อนของเขาแต่เขาก็ยังมีสติมากพอที่จะไม่หลับหูหลับตาเข้าข้างเพื่อนของตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล และเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆเพื่อดึงสติของปลื้มให้กลับมาเข้าที่เข้าทางอีกครั้งด้วย
“จริงที่เรนเป็แฟนเก่ามึง แต่ถ้ามองในมุมแทนนั่นก็คนเก่ามันเหมือนกัน และถ้ามันชอบเรนอย่างที่มึงเล่าจริง” อย่างที่บาสเล่าให้พวกเขาฟังด้วย “มึงนั่นแหละที่แย่งเขามาแค่ไม่รู้ตัว”
“พอคิดแบบนี้แล้วมึงว่าคนที่ควรจะโกรธคือใครวะ”
“มึงจะบอกว่ากูผิด” คิ้วคมเลิกขึ้นข้างหนึ่ง ทำไมถึงกลายเป็เขาที่ผิดไปได้วะ ทั้งที่เขาโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจแท้ๆ
“มันไม่มีใครผิด ถ้ามึงสองคนเปิดใจคุยกันให้มันเคลียร์ แทนที่จะปล่อยให้คาราคาซังอยู่แบบนี้”
“พูดง่ายแต่ใครจะไปทำได้วะ”
“มันก็แค่คุยอะปลื้ม ยากตรงไหน”
“ยากตรงที่กูในตอนนี้ยังไม่พร้อมแม้แต่จะเจอหน้ามันเลยด้วยซ้ำไง”
ตกดึกคืนนั้นปลื้มไม่สามารถที่จะทนต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจได้ไหว เขาคว้ากุญแจรถออกจากบ้าน บอกแม่ว่าจะกลับไปเอาของที่คอนโด แต่เสือกขับรถไปที่บ้านหลังหนึ่งแทน นับเป็ความย้อนแย้งกับตัวเองอย่างถึงที่สุด ปลื้มตัดสินใจจอดรถไว้เยื้องกับบ้านของแทน เขานั่งมองไปยังห้องที่ยังถูกเปิดไฟสว่างเอาไว้
ทำไมถึงยังไม่นอนอีกนะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้วสิ
“มันก็แค่คุยอะปลื้ม ยากตรงไหน”
อยู่ดีๆคำพูดของจีนมันก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา
นั่นน่ะสิแค่เขาเดินลงจากรถไปกดกริ่งหน้าบ้านเราก็จะได้คุยกันแล้ว ง่ายนิดเดียวไม่เห็นจะยากตรงไหน แต่ทำไมเขาถึงทำมันไม่ได้นะ ความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นในใจของเขามันเกิดขึ้นมาจากอะไรทำไมแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังหวาดกลัวอะไรอยู่
“ยากตรงที่กูในตอนนี้ยังไม่พร้อมแม้แต่จะเจอหน้ามันเลยด้วยซ้ำไง”
ตรงข้ามกับหัวใจที่แม่งคิดถึงเขาฉิบหายแล้ว