สิ่งที่เข้ามาในคลองจักษุคือเงาร่างด้านหลังของชายหนุ่มคนหนึ่ง เขามีผิวขาวราวหิมะที่แทบจะเรียกได้ว่าโปร่งแสง เนียนละเอียด คล้ายเคลือบด้วยน้ำแข็งบางๆ ชั้นหนึ่ง ซ้ำยังเปี่ยมไปด้วยความชุ่มชื้นราวกับว่าหากดื่มสักอึกก็จะละลายได้อย่างไรอย่างนั้น แต่ที่ทำให้นางตกตะลึงที่สุดก็คือเส้นผมที่ปล่อยสยายลงมานั้นเป็สีเงินทั้งศีรษะ ความยาวของผมอยู่ราวๆ ระดับเอว เส้นผมที่ปลิวไสวนั้นสะท้อนแสงให้ความรู้สึกเหลือเชื่อ!
ที่แท้บนโลกนี้ยังมีคนหนุ่มที่มีเส้นผมเป็สีเงินจริงๆ ด้วย!
ทันใดนั้นบุรุษคนนั้นหันกลับมา หน้ากากสีเงินยวงรูปจันทร์เสี้ยวปรากฏเบื้องหน้านาง ลำดับต่อมาคือริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนและคางได้รูปงดงาม คนทั้งคนดูเหมือนเทพเซียนลงมาจุติก็ไม่ปาน งดงามเสียจนทำให้คนลืมหายใจ
เฟิ่งเฉี่ยนมองจนลืมตัว เท้าของนางไถลลื่นสูญเสียความสมดุล ร่างของนางล้มไปด้านหน้า นางร้องขึ้นด้วยความใ คนทั้งคนโผเข้าไปหาบุรุษเส้นผมสีเงิน!
โครม!
หลังจากเสียงชนดังขึ้น มือของเฟิ่งเฉี่ยนปะทะเข้ากับร่างนุ่มนิ่มร่างหนึ่ง ทว่ากลับแผ่รังสีเย็นเยียบออกมา นางใราวกับอยู่ท่ามกลางาเย็น
ที่ย่ำแย่ที่สุดก็คือ นางรับรู้ได้ว่าริมฝีปากของนางัักับความนุ่มนิ่มและเ็าที่เสียดลึกแทบจะถึงกระดูก ขนตาดกหนาของนางกระพริบถี่ๆ นางค่อยๆ จับจ้องสายตา จากนั้นนางถึงกับตะลึงงัน!
นาง...นางถึงกับขโมยจุมพิตบุรุษผมเงินคนนั้น!
ร่างของบุรุษใต้ร่างนางดูเหมือนแข็งเกร็ง เขานอนแน่นิ่งอยู่ใต้ร่างของนาง ลืมกระทั่งว่าควรมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร
เวลาดูเหมือนหยุดลงชั่วขณะ!
บรรยากาศกระอักกระอ่วนทำให้คนแทบสิ้นสติ
ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี เฟิ่งเฉี่ยนคิดอย่างรวดเร็ว...
ประการแรก รีบลุกขึ้นมาขอโทษเขา!
ประการที่สอง แสร้งทำเป็สูญเสียความทรงจำ ทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!
ประการที่สาม ตีเขาให้สลบ จากนั้นหลบหนีไป!
ยังไม่ทันรอให้นางตัดสินใจว่าจะใช้แผนการใด บุรุษคนนั้นพลันอ้าปาก เสียงนั้นรอดไรฟันออกมา “ข้าขอออกคำสั่งให้เ้าลุกจากตัวข้าเดี๋ยวนี้...อื้อๆ!”
ไม่รอให้เขาพูดจบ เฟิ่งเฉี่ยนเอามืออุดปากของเขาเอาไว้ “ชู่วว! ห้ามส่งเสียง!”
บุรุษผมเงินถลึงตาใส่นาง ในแววตานั้นแทบจะมีเปลวไฟแลบออกมา
เฟิ่งเฉี่ยนอดสูดปากไม่ได้ บุรุษรูปงามก็คือบุรุษรูปงาม กระทั่งถลึงตาใส่ผู้อื่นก็ยังชวนมองเช่นนี้ นางหัวเราะแห้งๆ “พวกเราปรึกษากันหน่อยเถิด ขอเพียงเ้าไม่ส่งเสียง ข้าก็จะปล่อยเ้า!”
บุรุษผมเงินสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นท่าทีของเขาไม่เหมือนให้ความร่วมมือ จึงได้แต่โน้มน้าวต่ออีกว่า “อย่าเพิ่งโมโหสิ! ข้าไม่ได้ตั้งใจ! อีกอย่าง ผู้ที่เสียเปรียบควรจะเป็ข้า เหตุใดเ้าต้องแสดงท่าทีเหมือนเป็ฝ่ายเสียเปรียบด้วย”
ร่างของบุรุษผมเงินสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม
เฟิ่งเฉี่ยนเบ้ปาก “ยังมีอีก เมื่อสักครู่ข้าเคาะประตูแล้ว ทั้งๆ ที่เ้าอยู่ข้างใน แต่กลับไม่ตอบ”
บุรุษผมเงินชักกระตุกอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งคู่เหลือกให้เห็นเพียงตาขาว จากนั้นหมดสติไปทันที
ครั้งนี้กลายเป็เฟิ่งเฉี่ยนบ้างที่ถึงกับตะลึงงัน
เหตุใดจึงหมดสติไปเฉยๆ
ก็แค่ถูกจุมพิตครั้งหนึ่งเท่านั้นมิใช่หรือ ต้องถึงกับหมดสติหรือ
นางยกมือขึ้นััริมฝีปากของตนเองพลางครุ่นคิดว่าจุมพิตของตนเองร้ายกาจเพียงนี้เลยหรือ
ถึงกับจุมพิตผู้อื่นจนหมดสติ
นางไหนเลยจะรู้ว่า บุรุษผมเงินผู้นี้จะหมดสติเพราะโรครักความสะอาดกำเริบ เขารับััใกล้ชิดของนางไม่ได้ จึงหมดสติไป!
เฟิ่งเฉี่ยนตบๆ ใบหน้าของเขา แล้วจับชีพจรของเขา เพื่อแน่ใจว่าเขาเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น จากนั้นนางไม่สนใจเขา รีบเปิดหน้าต่างะโหนีออกไป!
ซือคงจวินเย่รออยู่เนิ่นนาน ไม่เห็นน้องชายออกมา จึงเริ่มร้อนใจอยู่บ้าง
เขาลุกขึ้นเดินไปทางห้องลองเสื้อ
“อาเซิ่ง เ้าลองเสื้อเสร็จแล้วหรือไม่”
ไม่มีเสียงตอบรับ
เขาเดินเข้าไปใกล้อีกสองก้าว “อาเซิ่ง ใกล้จะถึงเวลาแข่งขันหมากล้อมแล้ว”
ยังคงไม่มีเสียงตอบรับ
ซือคงจวินเย่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เขาจึงผลักประตูห้องลองเสื้อทีละห้อง ทุกห้องล้วนแต่ว่างเปล่ากระทั่งถึงห้องสุดท้าย ประตูถูกขัดเอาไว้ เขาเคาะประตูอีกครั้งแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อาเซิ่ง เ้าอยู่ข้างในหรือไม่”
ยังคงไม่มีเสียงตอบกลับมาดังเดิม สีหน้าของซือคงจวินเย่เปลี่ยนไป เขารวบรวมพลังลมปราณมาที่ฝ่ามือจากนั้นซัดฝ่ามือใส่ประตูห้องลองเสื้อ!
ประตูถูกซัดจนแตกกระจุย
ประตูห้องเปิดออก เขามองร่างของน้องชายนอนหมดสติอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าตกตะลึง!
ซือคงเซิ่งเจี๋ยฟื้นคืนสติในเวลาต่อมา ซือคงจวินเย่ถามอย่างเอาใจใส่ “อาเซิ่ง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไฉนเ้าจึงหมดสติ”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยสะบัดศีรษะ เขาคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ั์ตาดำขลับของเขาพลันปรากฏให้เห็นเปลวไฟแห่งโทสะ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนนั้นถูกขบกัดจนเป็รอยฟัน
ซือคงจวินเย่เรียกเขาอีกครั้ง “อาเซิ่ง”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเม้มริมฝีปากแน่น รอบๆ กายถูกกลิ่นอายเย็นเยียบครอบคลุมเอาไว้ ในแววตานั้นปรากฏให้เห็นแสงสีน้ำเงินที่คล้ายมีคล้ายไม่มี “สตรีสมควรตาย ช้าเร็วข้าต้องหาเ้าให้พบ!”
พูดแล้วเขาก็ยกมือขึ้นเช็ดริมฝีปากของตนเองแรงๆ ราวกับ้าเช็ดให้มันปริแตก!
“สตรีรึ” ซือคงจวินเย่ตะลึงงัน ไม่รอให้เขาตั้งตัวได้ ซือคงเซิ่งเจี๋ยเดินออกจากร้านตัดเสื้อด้วยโทสะ
เฟิ่งเทียนรุ่ยรออยู่ในร้านตัดเสื้อ เห็นบุรุษชุดขาวผมสีเงินเดินออกมาจากร้านตัดเสื้อ ดวงตาของเขาเปล่งประกายเล็กน้อย ในดวงตานั้นปรากฏให้เห็นความตื่นตะลึง!
หลังจากได้สติ เขาเก็บงำสายตาของตนและจดจำอีกฝ่ายได้ “เขามิใช่องค์ชายสามแห่งแคว้นหนานเยียน เซียนหมากล้อมผมสีเงิน ซือคงเซิ่งเจี๋ย หรอกหรือ”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยเพิ่งจะเดินผ่านไป ซือคงจวินเย่ก็เดินผ่านหน้าเขาไปอีกคน เขาตกตะลึงอีกครั้ง “ซือคงจวินเย่? ไท่จื่อแห่งแคว้นหนานเยียนหรือ”
หลังจากตกตะลึงแล้วเขาพลันกระจ่างแจ้ง “ถูกต้องแล้ว วันนี้เป็วันประลองหมากล้อมระหว่างซือคงเซิ่งเจี๋ยและชุมนุมหมากล้อมเป่ยเยียน มิน่าเล่าพวกเขาจึงปรากฏตัวที่นี่”
หลังจากมองส่งพวกเขาทั้งสองคน เฟิ่งเทียนรุ่ยเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ “เหตุใดน้องหญิงสี่จึงเข้าไปนานเช่นนี้ ยังไม่ออกมาอีกหรือ คงไม่ได้เกิดเื่อะไรขึ้นกระมัง?”
คิดแล้วเขาก็รีบพุ่งเข้าไปในร้านตัดเสื้อ...
ไม่นานนัก เขาเดินออกมาด้วยสีหน้าท่าทางร้อนรน เขาพูดกับเซี่ยอีและเซี่ยเอ้อร์ที่อยู่ในที่มืดว่า “คุณหนูสี่หายไปแล้ว รีบไปตามหานางให้พบ!”
เฟิ่งเฉี่ยนที่เพิ่งจะหนีออกมาจากร้านตัดเสื้อมาถึงหน้าประตูเรือนของหานไท่ฟู่อย่างรวดเร็ว นางกำลังจะเคาะประตู ประจวบเหมาะกับที่ประตูเปิดดังแอ๊ด
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นประสานสายตาทั้งสี่กับหานไท่ฟู่เข้าพอดิบพอดี ต่างฝ่ายต่างงงงัน
หานไท่ฟู่ตั้งสติได้ก่อน เขาทำท่าจะปิดประตู
“ช้าก่อน!” เฟิ่งเฉี่ยนเบียดร่างของตนเข้าไปขวางประตูใหญ่ที่กำลังจะปิดลงต่อหน้าต่อตา
หานไท่ฟู่ยันประตูอีกด้านหนึ่งเอาไว้ และพูดเสียงดัง “เ้าเด็กคนนี้ แมวเทพก็มอบให้เ้าแล้ว เ้ายังมาที่นี่ทำอันใดอีก”
เฟิ่งเฉี่ยนพูดอย่างมีน้ำโห “หานไท่ฟู่ ท่านจะไร้ศีลธรรมเกินไปแล้ว ถึงกับมอบแมวเทพตัวปลอมมาหลอกข้าเชียวหรือ”
หานไท่ฟู่ถลึงตาโต้กลับ “จริงอันใดปลอมอันใด ที่เ้า้ามิใช่แมวเทพสองหางหรือ ที่ข้ามอบให้เ้าก็คือแมวเทพสองหาง ข้าไม่ได้เสียคำพูด”
เฟิ่งเฉี่ยนโมโหจนต้องหัวเราะออกมา “ดังนั้น ท่านได้วางแผนไว้ั้แ่แรกแล้ว โดยการเตรียมแมวเทพสองหางไว้สองตัว หากท่านแพ้ ท่านก็จะมอบตัวปลอมให้กับข้า ถูกต้องหรือไม่”
หานไท่ฟู่ร้องฮึอย่างลำพองใจ “ใช่แล้วอย่างไรเล่า เ้าพูดว่าแมวเทพสองหาง ไม่ได้พูดว่าเป็แมวเทพตัวไหน ต่อให้เ้าเปิดโปงเื่นี้ข้าก็ไม่กลัว!”
ระหว่างคนทั้งสองมีบานประตูคั่นอยู่ คนหนึ่งอยู่ด้านนอกอีกคนหนึ่งอยู่ด้านใน คนหนึ่งผลักคนหนึ่งดัน ไม่มีใครยอมใคร
เฟิ่งเฉี่ยนไม่เคยพบคนที่พูดไม่รู้เื่เช่นเขามาก่อน ทั้งหนังเหนียว หน้าหนา พาลพาโลและเ้าเล่ห์เพทุบาย!
หลังจากโมโหสุดขีดแล้วนางสงบสติอารมณ์ลงได้ นางสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ คิดจะพูดกับเขาด้วยเหตุผล “ก็ได้ เื่แมวเทพตัวนั้นเป็ตัวปลอม เป็เพราะข้าพูดจาไม่ชัดเจน ข้ายอมรับ! แต่ที่ข้า้าคือแมวเทพตัวจริง ทำอย่างไรท่านจึงจะยอมมอบแมวเทพตัวจริงให้กับข้า มีเงื่อนไขอันใด ขอให้พูดออกมา!”