ท้องฟ้าเข้าเพลาพลบค่ำ แสงสว่างจากดวงดาวสาดส่องลงมา
จวินอู๋เสียในชุดสีขาวย่างกรายเข้าสู่งานเลี้ยงทีละก้าว สีหน้าไร้ซึ่งความคับแค้นใจ ดวงตาจิ้งจอกเรียวรีคู่นั้นกวาดสายตามองโดยรอบ ทำให้คนเ่าั้ที่เดิมทีคิดอยากเปิดปากเอ่ยว่าเขาไม่ใช่คนถึงกับปิดปากลงฉับพลันอย่างอธิบายไม่ได้!
จวินอู๋เสียทำราวกับไม่เห็นเหยียนอู๋อวี้ เขาเดินไปบนแท่นประทับ คำนับอย่างเ็าพลางอธิบายเหตุผลที่ตนเองเอ้อระเหยลอยชายจนทำให้มาสาย
กล่าวว่าเขาได้ปะการังเรืองแสงชิ้นหนึ่งที่สวยงามยิ่งมา ทว่ากลัวผู้อื่นจะขโมยไปจึงเฝ้าดูด้วยตนเองจึงมาสาย
ไม่รู้เพราะเหตุใดเหยียนอู๋อวี้จึงได้รู้สึกว่าคำพูดนี้ของเขาคล้ายตั้งใจบอกเป็นัยว่านางเหมือนฮวารั่วซี เพียงแต่สิ่งที่เรียกว่าเฝ้าของล้ำค่าด้วยตนเองนั้นคล้ายไม่เป็ความจริงเลยสักนิด!
นางไม่ได้ลืมว่ายามที่นางไปแอบฟัง บุรุษผู้นี้ช่วยนางไว้ครั้งหนึ่ง หากเฝ้าของล้ำค่าด้วยตนเองจะมีเวลาไปช่วยนางได้อย่างไร?
เป็เพียงแค่ข้ออ้างหนึ่งเท่านั้นเป็แน่! ภายในใจเหยียนอู๋อวี้รู้ดี ทว่าไม่ได้แสดงออกมาภายนอก ชั่วขณะที่กำลังจะละสายตาไป นางกลับสบสายตากับอีกฝ่าย ไม่นานต่างคนต่างเบือนหน้าหนีกัน
“ในเมื่อเื่นี้มีสาเหตุ เช่นนั้นก็ไม่ต้องซักไซ้แล้ว! เจิ้นอยากดูเสียหน่อยว่าปะการังเรืองแสงจะสวยงามสักเพียงใด ทหาร ดับไฟ” ซ่งอี้เฉินแย้มยิ้ม คล้ายกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
ไม่นานพลันมีคนในวังทยอยมาดับแสงตะเกียงทั้งหมด
ในคราแรกทุกคนเพียงรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้ามืดลงจนแทบจะมองไม่เห็นสิ่งใด
ฉับพลันนั้นวัตถุเรืองแสงชิ้นหนึ่งค่อยๆ ถูกยกจากด้านนอกเข้ามาวางยังใจกลางสวน เมื่อดูจากระยะไกลเป็รูปร่างของปะการังที่สดใสแวววาวชวนมองอย่างแท้จริง
ขณะที่แววตาของทุกคนกำลังถูกปะการังชิ้นนี้ดึงดูด จู่ๆ เสียงของเซียวหรูเสวี่ยกลับดังขึ้นมาอย่างพอเหมาะพอดี
“พวกท่านดูผ้าอายุยืนของเหยียนเป่าหลินเร็ว!”
แววตาของทุกคนที่แต่เดิมกำลังจดจ่ออยู่บนปะการังพลันมองขึ้นไป้า
้านั้นเห็นเพียงผ้าอายุยืนในตอนแรกที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนเริ่มเรืองแสงขึ้นมาั้แ่เมื่อใดไม่มีผู้ใดรู้ ลวดลายดั้งเดิมกลายเป็รูปเทพธิดาหมากูอวยพรวันเกิด!
“เหยียนเป่าหลินเฉลียวฉลาดยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะมีภาพวาดซ้อนอยู่ในภาพวาดด้วย!” เหลียงเจาอี๋กล่าวชมเชย
แววตาของทุกคนในงานเลี้ยงเคลื่อนจากปะการังบนแท่นไปยังรูปเทพธิดาหมากูอวยพรวันเกิดเรืองแสงทันที
อู๋เจี๋ยอวี๋ที่ดูถูกเหยียนอู๋อวี้ในตอนแรกมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตาตนเอง นางพึมพำเสียงเบา “เป็ไปไม่ได้ ผ้าอายุยืนจะเรืองแสงได้อย่างไร? เ้าต้องใช้เวทมนตร์บางอย่างเป็แน่!”
นางเกือบจะะโประโยคสุดท้ายออกมา ทำให้ทุกคนในบริเวณยากจะเพิกเฉย
เหยียนอู๋อวี้สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง นางยกยิ้มมุมปาก วันนั้นยามที่นางเป็กังวลเื่ของขวัญ ได้มีนางกำนัลนางหนึ่งแนะนำผ้าอายุยืนแก่นาง เวลานั้นนางจึงสงสัยขึ้นมา
ทว่านางเลือกวิธีใช้แผนซ้อนแผน!
“ฝ่าา ไม่กี่วันก่อนหม่อมฉันเห็นไข่มุกราตรีเปล่งแสงเจิดจ้าในยามกลางคืนจึงเกิดความคิดจะนำไข่มุกราตรีมาทำเป็ผงโรยบนเส้นด้าย เพื่อที่จะได้ส่องแสงในยามกลางคืนเพคะ!”
เหยียนอู๋อวี้เอ่ยอย่างไม่รีบร้อน แววตานางหยุดอยู่บนใบหน้าของฮวารั่วซีโดยมิได้ตั้งใจ
แม้แสงตะเกียงจะมืดสลัว ทว่านางยังคงมองเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของฮวารั่วซีได้ชัดเจน
ต้องรู้ว่าไข่มุกราตรีหนึ่งเม็ดหายากยิ่งนัก ผ้าอายุยืนปักดิ้นทองล้ำค่าอย่างยิ่ง ทว่ามันสามารถเทียบกับผ้าอายุยืนที่ทำจากไข่มุกเย่ิหนึ่งเม็ดได้หรือ?
“ไม่แปลกเลยที่สองสามคืนก่อน เ้านอนกระสับกระส่ายทุกคืน” คำพูดเอ็นดูของซ่งอี้เฉินดังอยู่เหนือศีรษะนาง
ไม่รู้ผู้ใดกล่าวชมเชยอีกประโยค “ปะการังที่องค์ชายจวินนำมาแปลกและล้ำค่า ทว่ารูปเทพธิดาหมากูอวยพรวันเกิดของเหยียนเป่าหลินก็เป็ความคิดที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก!”
วัตถุเรืองแสงทั้งสองชิ้นเรืองแสงในยามราตรีส่องแสงนุ่มนวลงดงามมากจริงๆ
ทุกคนชื่นชมมันอยู่ครู่หนึ่ง ไทเฮาที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้างพลันกล่าวเสียงเบา “เหยียนเป่าหลินมาหาอายเจีย”
เหยียนอู๋อวี้รับคำสั่งพลางเดินไปหาด้วยท่าทีนอบน้อม
นางกำนัลกับขันทีที่อยู่ด้านข้างจุดแสงตะเกียงทั้งหมดนานแล้ว
นางเดินไปอยู่เบื้องหน้าไทเฮาพร้อมก้มศีรษะคุกเข่าลง ยังไม่ทันส่งเสียงพลันรับรู้ได้ถึงน้ำหนักบางอย่างเหนือศีรษะ เมื่อได้สติกลับมานางจึงััศีรษะตนเองโดยไม่รู้ตัวและพบว่าบนนั้นมีปิ่นปักผมเพิ่มมาหนึ่งอันั้แ่เมื่อใดไม่รู้
“นี่เป็สิ่งของที่เสด็จพี่ของอายเจียส่งมาให้ใน่วัยปักปิ่น ยามนี้อายเจียขอมอบให้เ้า” ไทเฮากล่าวพลางยื่นมือไปบีบมือเหยียนอู๋อวี้พร้อมตบเบาๆ “หวังว่าเ้าจะผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้กับราชวงศ์ได้ในเร็ววัน!”
“เพคะ” เหยียนอู๋อวี้ตอบกลับเสียงเบาพลางมองซ่งอี้เฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสน่หา
แววตาทั้งสองประสานกันราวกับมีความรู้สึกลึกซึ้งมากมาย
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของจวินอู๋เสีย ภายในดวงตาของเขาพลันเกิดประกายดำมืดเคลื่อนผ่านอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้กับราชวงศ์ ? ช่างน่าสนใจจริงๆ!
มีเพียงเหยียนอู๋อวี้ที่รู้ว่าตนเองเพียงแค่ถือโอกาสมองไปทางซ่งอี้เฉิน เพราะทั้งสองคนต่างรู้ชัดเจนว่าพวกเขายังไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายกัน จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่าผลิตเืเนื้อเชื้อไขให้กับราชวงศ์อยู่จริง
จวินอู๋เสียเดินไปยังที่นั่งตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยามที่มองหญิงงามบนแท่นผู้นั้น ในดวงตาพลันปรากฏระลอกคลื่นเอ่อคลอ
หลังได้รับพระราชทานรางวัลจากองค์ไทเฮา เหยียนอู๋อวี้จึงเดินกลับไปยังที่นั่งตนเอง กระนั้นกลับยังคงรู้สึกได้ถึงสายตาเร่าร้อนจับจ้องอยู่บนร่างของตนเอง
นางมองไปยังจุดที่สายตานั้นมองมาด้วยท่าทีราวกับกำลังคิดบางสิ่งอยู่ จึงพบว่าเป็องค์ชายแห่งราชวงศ์ใต้
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน นึกถึงยามที่คนผู้นี้ช่วยนางในตอนแรก นางจึงยกจอกสุราขึ้นมาคารวะจากระยะไกล พร้อมดื่มรวดเดียวจนหมดจอก
ภาพที่ทุกคนเห็น ทั้งสองคนเพียงพยักหน้าทักทายกันเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
หลังจากนั้นไม่ว่าผู้ใดส่งของขวัญมาย่อมเทียบกับผู้ที่เรียกได้ว่าเป็ตัวประกันต่างเมืองไม่ได้เลยสักนิด พวกเขาจึงค่อยๆ หมดความสนใจแล้วเปลี่ยนไปร้องเล่นเต้นระบำกันแทน นางสนมแต่ละตำหนักกำลังเปรียบเทียบเหยียนอู๋อวี้กับฮวารั่วซีลับหลัง
เมื่อนำอันดับตำแหน่งพระสนมของฮวารั่วซีมาเทียบกับสนมเป่าหลินต่ำต้อย ในใจนางพลันโกรธเป็ฟืนเป็ไฟและรู้ชัดเจนว่าเหยียนอู๋อวี้คงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แล้ว!
ั้แ่เริ่มจนจบงานเลี้ยงก็เป็เวลาดึกดื่นแล้ว
ซ่งอี้เฉินส่งไทเฮากลับตำหนักอี้คุนไปก่อน จากนั้นจึงกลับไปที่ตำหนักเฟิ่งชัย
เหยียนอู๋อวี้ในเวลานี้ล้างเครื่องประทินโฉมออกจนหมด ใบหน้าไร้ซึ่งการตกแต่งใด เส้นผมสีน้ำหมึกสยายบนแผ่นหลังเนียนละเอียด ประหนึ่งผลไม้หวานฉ่ำรอให้คนมาเก็บ
คำพูดของไทเฮาในงานเลี้ยงถาโถมเข้าสู่ความคิดเขา ไม่รู้เหตุใดเขาจึงอดที่จะััแก้มของเหยียนอู๋อวี้ไม่ได้
เหยียนอู๋อวี้ก้มหน้าลงอย่างขวยเขิน นางแสดงท่าทีปฏิเสธแกมยินดี
ซ่งอี้เฉินเกิดความคิดพลางหันไปจุมพิตแก้มนาง ขณะที่กำลังจะเคลื่อนไปยังริมฝีปาก ทันใดนั้นใบหน้าหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในใจเขาโดยไร้ซึ่งสัญญาณเตือน
อู๋เหยียน!
เขาตื่นขึ้นมาจากความสับสน ขณะมองรูปโฉมสตรีที่อยู่เบื้องหน้า ไม่รู้เหตุใดใบหน้าที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงสองใบหน้ากลับทำให้เขานึกถึงคนคนเดียวกัน
“ฝ่าา?” เสียงของเหยียนอู๋อวี้เหนียมอายคล้ายกำลังสงสัยบางอย่าง
ซ่งอี้เฉินคืนสติ เขาหยิบหนังสือภาพที่พบจากกองฎีกาบนโต๊ะเมื่อครั้งก่อนมาวางตรงหน้าเหยียนอู๋อวี้พลางกล่าวเสียงเบา “คำพูดเจิ้นยังเหมือนวันนั้น!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้างดงามของนางพลันแดงระเรื่อ นางก้มหน้าลงแสดงท่าทีขวยเขิน ทว่าภายในดวงตากลับเหยียดหยามอย่างยิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้