เมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างเหนียนอีหลานพยายามลุกขึ้นนั่ง ขมวดคิ้วและเอ่ยออกมาว่า"ขอบคุณเ้าค่ะเปี่ยวเกอ แต่...แต่เปี่ยวเกอไปแล้ว อีหลาน...อีหลานต้องอยู่คนเดียวข้ากลัวว่า...สำนักหมอหลวงแห่งนี้...บรรยากาศน่ากลัวยิ่ง"
สีหน้าเหนียนอีหลานซีดเซียว จ้องมองหนานกงจื้ออย่างออดอ้อนเพียงแค่มองก็แทบจะทำให้หัวใจของชายร่างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าละลายและยอมจำนนอย่างสมบูรณ์
"แต่เหนียนยวี่..."หนานกงจื้อ้าอยู่ที่นี่กับเหนียนอีหลาน แต่ถ้าเขาอยู่กับอีหลาน แล้วใครจะไปตามหาเหนียนยวี่?
“เปี่ยวเกอ ท่านมักจะเดินไปเดินมาอยู่ในวังหลวงท่านควรจะมีคนรู้จัก ไม่สู้ให้ท่านใช้ให้คนไปตามหายวี่เอ๋อร์ ไม่ต้องพานางมานี่ ข้าแค่อยากหานาง สั่งให้คนไปบอกแทนก็ได้หากสั่งนางกำนัลธรรมดาไป อีหลานก็ไม่ค่อยเชื่อใจนัก ดังนั้นเมื่อครู่ก็เลยอยากไปหาด้วยตัวเอง…”เหนียนอีหลานขมวดคิ้วและมองที่มือที่าเ็ของตัวเอง"เป็เพราะอีหลานไม่ได้เื่ เล่นฉินตัวเดียวก็ทำให้มือาเ็หากแผลนี่ไม่หาย เช่นนั้น..."
เหนียนอีหลานเอ่ยจบน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่คาดคิด
หนานกงจื้อที่มองอยู่ ในใจก็ยิ่งรู้สึกตื่นตระหนกเขานั่งลงบนตั่ง ดึงเหนียนอีหลานเข้ามาในอ้อมอก "ไม่ มือของเ้าจะต้องหายดีแน่เ้าไม่ต้องกลัว ข้าจะอยู่ที่นี่เป็เพื่อนเ้า"
เหนียนอีหลานพิงอกหนานกงจื้อยามที่เขาไม่ได้มองมา ในดวงตาคู่นั้นเดิมที่พรั่งพรูเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาก็ฉายแววเย้ยหยันออกมา "นั่น ยวี่เอ๋อร์..."
หนานกงจื้อใเล็กน้อย รู้สึกไม่ค่อยสมัครใจที่จะปล่อยเหนียนอีหลานจ้องมองดวงตาใสกระจ่างที่น่าสงสารของเหนียนอีหลาน "เ้ารอข้านะ ข้าจะสั่งให้คนไปหานางเพียงแต่...จะฝากคำพูดอะไรไป?"
มุมปากเหนียนอีหลานยกยิ้มเล็กน้อย"รบกวนเปี่ยวเกอแล้ว ท่านให้คนไปบอกนางว่าสวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋รอสาวงาม!"
สวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋ รอสาวงามหรือ?
"สวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋เป็ที่ต้องห้าม..." หนานกงจื้อขมวดคิ้ว"ผู้ใดนัดเหนียนยวี่ให้ไปที่นั่น?"
“เปี่ยวเกอ ท่านถามอะไรมากมายขนาดนั้น?” ใบหน้าของเหนียนอีหลานมืดมนลงเล็กน้อยมีความไม่พอใจปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือ “ข้าเองก็ส่งต่อคำพูดนั้นมาข้ารับปากเขาแล้ว ข้าจะไม่บอกยวี่เอ๋อร์ก่อน ให้นางประหลาดใจ อีกอย่างสวนร้อยสัตว์แล้วอย่างไร?คนที่เชิญยวี่เอ๋อร์...เขาต้องปกป้องนางได้แน่ ช่างเถิด เปี่ยวเกอ ให้ข้าไปเอง...”
เหนียนอีหลานเอ่ย พลางคิดอยากจะลงจากตั่ง หนานกงจื้อไม่กล้าลังเลอีกต่อไปรีบห้ามเหนียนอีหลานทันที "ข้าไป ข้าจะไปเดี๋ยวนี้"
กล่าวจบก็เหลือบมองเหนียนอีหลานอย่างลึกซึ้งแล้วเดินออกจากเรือนเซียงฝางไป
รอจนแผ่นหลังหนานกงจื้อลับจากสายตาไปท่าทีอ่อนแอเมื่อครู่ของเหนียนอีหลานก็เปลี่ยนไป ใบหน้าผุดรอยยิ้มเย็นะเื
สวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋ รอสาวงาม!
หึ เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ เมื่อเ้าได้ยินคำเชื้อเชิญนี้เ้าจะคิดว่าผู้ใดเป็คนเชิญ?
ด้วยฐานะต่ำต้อยเช่นเ้า แม้จะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็คนส่งคำเชิญเกรงว่าคงอดใจรอไม่ไหวที่จะไปแน่!
และเมื่อนางไป ก็จะไม่มีทางได้หวนกลับมาอีก
ยามนี้ด้วยความช่วยเหลือจากเปี่ยวเกอต่อจากนี้... เหนียนอีหลานคิดอะไรบางอย่างได้ นางก็ลุกจากตั่งและเดินออกจากเรือนเซียงฝาง...
ตกกลางคืน ทั่วทั้งวังหลวงแทบจะกลายเป็มหาสมุทรตะเกียง
บรรดาคุณหนูคุณชายตระกูลขุนนางมาชื่นชมโคมไฟและต่อบทกวีพวกเขาให้ของขวัญกัน ราวกับว่าทุกคนกำลังดึงตัวเองออกจากงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวอันน่าหวาดผวาที่จบลงไปตอนบ่ายไม่มีผู้ใดลืมเื่ราวสำคัญในวันนี้ไปได้
ในสวนยวี่ฮวาเต็มไปด้วยความคึกคัก
เมื่อครู่ องค์หญิงใหญ่ชิงเหอรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อยจึงกลับพักผ่อนที่ตำหนักฉิ่นที่อยู่ในวัง และยามนี้ เหนียนยวี่อยู่ตามลำพังท่ามกลางฝูงชนในสวนยวี่ฮวาที่รายล้อมไปด้วยโคมไฟความคิดของนางยังคงติดอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นใน่บ่าย
ชิงหร่าน...ในชาติก่อนสตรีผู้นี้มีบทบาทสำคัญในการยึดวังหลวงของจ้าวเยี่ยน
นางเป็ศัตรู ศัตรูที่ไม่ควรมองข้ามตอนนี้ศัตรูคนนี้ยังอยู่ในแผนการขั้นแรก หากสกัดนางไว้...จะทำให้อำนาจของหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนอ่อนลงอย่างเลี่ยงไม่ได้แต่...
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว กำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงจากด้านข้างดึงความสนใจของเหนียนยวี่
"รบกวนถามขอรับท่านใช่แม่นางเหนียนยวี่หรือไม่?"
เหนียนยวี่ได้สติทันที มองไปที่ขันทีข้างหน้าพยักหน้ายกยิ้ม "ใช่ ไม่ทราบว่ากงกงมีเื่อะไรหรือ?"
"ข้าน้อยมาเพื่อส่งข้อความถึงแม่นางเหนียนยวี่ข้อความว่าสวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋ รอสาวงาม" ขันทีคนนั้นกระซิบเสียงเบา
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว สวนร้อยสัตว์ตำหนักชีอู๋ รอสาวงามหรือ?
ตำหนักชีอู๋ สวนร้อยสัตว์ ผู้ใด...ผู้ใดเป็คนเชิญ?
เหนียนยวี่กำลังจะถามแต่ขันทีก็จากไปอย่างเร่งรีบ
เหนียนยวี่ยืนอยู่ท่ามกลางโคมไฟผู้ใดเชิญนางไปที่นั่น?
ภาพเงาร่างของคนสองสามคนแวบเข้ามาในหัว จ้าวอี้หรือ? เหนียนยวี่ปัดตกไป ด้วยนิสัยของจ้าวอี้ ไม่มีทางเชิญนางด้วยวิธีนี้แน่แต่จะลากนางออกไปตรงๆ มากกว่า
นอกจากจ้าวอี้ จะเป็ผู้ใดได้อีก?
ฉู่ชิงหรือ?ในหัวของเหนียนยวี่ผุดเงาร่างสูงตระหง่านสวมหน้ากากสีเงิน ใต้เท้าเสนาบดีกรมทหาร ยามนี้กำลังยุ่งนี่ ไหนเลยจะมีเวลามาผ่อนคลายสบายๆได้
รอสาวงามหรือ?หึ กลับกันน่าจะเป็สำนวนของจ้าวเยี่ยน
จ้าวเยี่ยน..เหนียนยวี่นึกขึ้นได้ ตอนที่เขาออกจากตำหนักฉวินฟาง จ้าวเยี่ยนมองมาที่ดวงตาของนาง เหนียนยวี่ยกยิ้มบางๆอาจเป็เขาได้หรือไม่?
ถ้าเป็เขา นางคงอยากไปลองดูว่าท่านอ๋องหลีผู้นี้ท้ายที่สุดแล้ว้าจะทำอะไร
ตำหนักฉางเล่อ
หลังจากงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวจบลง จ้าวเยี่ยนก็กลับมาที่นี่
ในห้องพระ ฉางไทเฮากำลังคัดลอกคัมภีร์ใต้ตะเกียงแสงสีเหลืองอ่อนส่องลงบนใบหน้าที่สงบเยือกเย็น สตรีวัยกลางคนสายตาจดจ่อและเคร่งในศาสนาความคิดจิตใจทั้งหมดอยู่กับการตวัดปลายพู่กัน
ความเคยชินของฉางไทเฮา ยามคัดลอกพระคัมภีร์มักจะไม่ชอบให้ใครมารบกวน
ดังนั้นยามนี้จ้าวเยี่ยนจึงนั่งดื่มชาโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ
เื่ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยววันนี้เขาที่กำลังทบทวนความคิดั้แ่ต้นจนจบ โคมม้าวิ่งหมุนไปหนึ่งรอบ ความคิดของเขาถูกครอบงำโดยสตรีผู้หนึ่งเสียงบรรเลงฉินของเหนียนยวี่ ดูเหมือนจะยังดังวนเวียนอยู่ในหูของเขา ทำอย่างไรก็สะบัดออกไปไม่ได้
เขาไม่รู้เลยว่าฝีมือบรรเลงฉินของเหนียนยวี่จะยอดเยี่ยมอย่างคาดไม่ถึงขนาดนี้ และเขาฟังออกว่า การแสดงของนางในวันนี้ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้ใช้ฝีมืออย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ
และจี้หยกเกล็ดันั่น...คิดอะไรบางอย่างได้จ้าวเยี่ยนก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้แต่รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าในยามปกติก็ยังไม่ปรากฏ
"เ้ากำลังคิดอะไรอยู่"จู่ๆ ฉางไทเฮาก็เอ่ยปากขึ้นมา ดึงสติของจ้าวเยี่ยนกลับมา
มือของจ้าวเยี่ยนที่ถือถ้วยน้ำชาสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัดมองไปที่ฉางไทเฮาที่ยังคงคัดลอกพระคัมภีร์อย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาเป็ประกายจากนั้นเขาก็กล่าวว่า "ท่านแม่วันนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นที่งานเลี้ยงฉีเฉี่ยว"
"เื่อะไร? ไหนเล่าให้ข้าฟัง" พู่กันในมือของฉางไทเฮาเปื้อนหมึกเล็กน้อยยังคงไม่เงยหน้ามองจ้าวเยี่ยน ใบหน้าเปี่ยมเมตตาสงบนิ่ง
จ้าวเยี่ยนขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงสิ่งที่มารดาเคยบอกก่อนหน้านี้"เสด็จแม่ หม่อมฉันทำตามที่เสด็จแม่ทรงสั่งสอน แสดงท่าทีไม่ติดใจเื่การลอบสังหารทว่าท้ายที่สุดแล้ว ฝ่าาก็ยังคงสั่งให้สืบหาต่อไป"
เมื่อจ้าวเยี่ยนเอ่ยจบฉางไทเฮาที่สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านอะไรมาตลอด มือของนางกลับสั่นออกมาเล็กน้อย
มือที่สั่นนั้นแม้แต่ตัวหนังสือใต้พู่กันก็ยังเปื้อนหมึก ทันใดนั้นพระคัมภีร์ทั้งเล่มก็ถูกทำลายเพราะไม่เข้ากัน
แม้การกระทำนั้นจะดูเล็กน้อยทว่าจ้าวเยี่ยนก็ยังสังเกตเห็น
“ดูเหมือนว่าหน้านี้จะต้องเขียนใหม่อีกครั้ง”ฉางไทเฮาถอนหายใจ ดวงตามีประกายความเสียดาย หยิบแผ่นที่เสียออกไปเปลี่ยนกระดาษใหม่ จ่อปลายพู่กันลงบนกระดาษ เขียนคัดลอกใหม่อีกครั้งราวกับเื่เมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น