ด้านนอกเขตที่ถูกปิดกั้น ร่างจำแลงของซุยจื่อเมิ่งยืนอยู่เหนือขอบฟ้า มองลงไปยังพื้นที่ด้านล่างที่ถูกบดบังด้วยม่านพลังของใครบางคน ั์ตาของนางสะท้อนถึงอารมณ์หลากหลาย ผสมกับความรู้สึกบางอย่างที่แทบจะอธิบายไม่ได้
เด็กหนุ่มคนนั้น...สามารถล่อลวงเต๋า์ได้สำเร็จ และดูเหมือนว่า โอกาสรอด ของเต๋า์ในโลกนี้...จะเท่ากับศูนย์
ทันใดนั้น นางพึ่งเห็นเด็กสาว 7 คนถูกการโจมตีด้วยพลังบางอย่างจนกระเด็นออกมา ทว่าพวกนางก็ไม่ได้รับาเ็อะไรมากเพราะแต่ละคนล้วนมีผู้คุ้มกันเป็ของตัวเอง คนชุดดำ 5 ออกมาจากความว่างเปล่าช่วยเหลือพวกนางเอาไว้ทันที ยกเว้นหญิงสาวที่มีการบ่มเพาะระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ 2 คน
…….
…….
เวลาผ่านไปชั่วครู่ ไม่มีใครรู้ว่าในพื้นที่ที่ถูกปิดกั้นนั้นเกิดอะไรขึ้น ยกเว้นแค่หานิคนเดียวเท่านั้น ที่ยังคงอยู่ภายใน
…….
…….
…….
…….
ผ่านไปอีกสักพัก ม่านพลังที่ปิดกั้นทุกอย่างไว้ก็สลายไปอย่างเงียบงัน เผยให้เห็นภาพเบื้องหน้า
หานิยืนอยู่เพียงลำพังกลางพื้นที่ราบ ที่พังทลายเละเทะไปหมด แต่มันไม่มีร่องรอยของเต๋า์อีกต่อไป
เสื้อผ้าของเขาสะอาดเรียบร้อยเหมือนไม่เคยผ่านการต่อสู้ใดๆ ใบหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ปล่อยพลังหรือออร่าใดออกมา ราวกับเป็เพียงคนธรรมดาที่เพิ่งเดินผ่านทางมา
ซุยจื่อเมิ่งหรี่ตามอง ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ล้มเหลวอย่างงั้นเหรอ?”
ทว่านางไม่้าเดาผลลัพธ์ มือขวายกขึ้น นิ้วเรียวยาวเริ่มขยับอย่างรวดเร็ว รูปแบบการทำนายดวงชะตาค่อยๆ แผ่ซ่านออกจากฝ่ามือ ก่อนที่จิตััของนางจะกระจายไปทั่วโลก
แล้วนางก็พบ เต๋า์ยังคงมีอยู่ ไม่ได้สูญสิ้นไป แต่มันาเ็หนักจนแทบจะสลายไปได้ทุกเมื่อ แต่ว่าพลังบางอย่างกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูมันอย่างเชื่องช้า
ในขณะที่ซุยจื่อเมิ่งกำลังจะทำนายต่อ เสียงบางอย่างกลับแทรกเข้ามาในจิตของนาง นางลืมตาขึ้น ช้าๆ ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็การตอบตกลงโดยไม่พูดอะไรอีก
ด้านล่าง หานิยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตานิ่งสงบ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเหลือบไปเห็นร่างหนึ่งที่พยายามจะคลานหนีออกไปอย่างเงียบๆ มันคือ ฮัวจินหรู อดีตอาจารย์ของเย่หลิน
แม้นางจะเจ็บหนัก แขนขาไร้แรง แต่อย่างน้อยนางก็ยังพอจะคลานได้ และนั่นคือสิ่งที่นางพยายามทำ...หลบหนีอย่างเงียบที่สุด
แต่มันก็ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาของหานิได้ เขาเริ่มก้าวเดิน...ช้าๆ ...ไม่เร่งรีบ แต่มั่นคง
เสียงฝีเท้าเหยียบพื้นดินเบาๆ ดังในความเงียบ ฮัวจินหรูสะดุ้ง นางพยายามพลิกตัวหันกลับมา พร้อมพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเครือ
“ได้โปรด...อย่า...”
เสียงของนางสั่นจนแทบไม่เป็คำ ดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว นางไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรระหว่างความตาย...หรือชายตรงหน้าคนนี้
แต่หานิไม่สนใจ เขาเดินเข้าไปใกล้ก่อน...แล้วเหยียบลงบนศีรษะของนางโดยไม่ลังเล
แครก!
เสียงกะโหลกแตกดังสนั่น เืสีแดงสดกระเซ็นเป็วงกว้าง เศษสมองกระจายเต็มพื้น
ร่างของฮัวจินหรูแน่นิ่งทันที หานิยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้น ชั่วพริบตา พลังลึกลับบางอย่างก็ดูดกลืนโชคทั้งหมดของนางออกมาเป็เส้นแสงสีทองพุ่งเข้าร่างของเขา ก่อนที่หานิจะมองเห็นเศษจิติญญาของนางค่อยๆลอยจากไปพร้อมกับพยักหน้าให้นางช้าๆ โดยไม่ทำอะไร
“ข้าช่วยพวกเ้าได้เท่านี้แหละ…”
จากนั้นดวงตาของเขาก็ค่อยหลับลงไปเพื่อเริ่มคำนวณบางสิ่งบางอย่างในใจ เงาดำหลายเงาปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า...เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเงียบงัน ท่ามกลางซากความพินาศร่างของหานิลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ
หญิงสาวทั้งห้าแห่งยอดเขาไผ่์ก็ถูกคนชุดดำอุ้มและลอยอยู่เหนือท้องฟ้า เหมือนดอกไม้ที่ถูกสายลมประคอง ไม่มีาแรุนแรงเพิ่มเติม ไม่มีความเ็ปใดๆ พวกนางถูกช่วยไว้ได้อย่างปลอดภัย
เสียงแรกดังขึ้นจากเงาดำที่กำลังอุ้มร่างของ หวังฟางเซียน ศิษย์คนโตแห่งยอดเขาไผ่์
"ขอบคุณนายน้อยเป็อย่างยิ่งสำหรับการช่วยเหลือคุณหนูของตระกูลหวัง หากท่านมีเวลาว่าง ตระกูลจักรพรรดิะหวังพร้อมเปิดประตูต้อนรับท่านตลอดเวลา"
อีกมุมหนึ่ง เงาดำที่อุ้ม เซินเยว่ฮัว ศิษย์คนที่ 2 แห่งยอดเขาไผ่์เอ่ยตามขึ้นมาในทันที
"ข้าขอขอบคุณนายน้อยจากใจจริงสำหรับการช่วยชีวิตองค์หญิง ราชวงศ์หมื่นอสูรจะจัดเตรียมของตอบแทนที่คู่ควรที่สุดให้กับนายน้อยอย่างแน่นอน"
ต่อมา หญิงสาวในชุดดำสนิทที่อุ้ม เหมยจิ้งหยา กล่าวด้วยความจริงใจ
"ขอบคุณนายน้อยที่ช่วยให้นายหญิงของข้าสามารถทะลวงผ่านอุปสรรคได้ และช่วยเหลือนางจากอันตราย ทางร้านอาหารดอกไม้ราตรีขอมอบสิทธิ์ทานฟรีให้ท่านตลอดชีวิต"
ชายชราผมขาวที่อุ้ม ซ่างกวนถิงถิง อยู่ก็โค้งตัวเล็กน้อย พลางพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
"ขอขอบคุณนายน้อยด้วยใจจริง ทางตระกูลซ่างกวนจะตอบแทนการช่วยเหลือในครั้งนี้อย่างน่าพึงพอใจแน่นอน"
สุดท้าย หญิงชราที่อุ้ม เฟิ่งเอ๋อ ศิษย์คนที่ 5 แห่งยอดเขาไผ่์ ไว้ในอ้อมแขน กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล
"ตระกูลนกฟีนิกซ์แห่งแสง ขอแสดงความขอบคุณจากใจ และจะตอบแทนคุณชายอย่างสมเกียรติ"
คำพูดแต่ละคำ สุภาพจนััได้ถึงแรงกดดัน พวกเขาไม่กล้าประมาท ไม่แม้แต่จะคาดเดาสิ่งที่หานิจะทำต่อไป ความแข็งแกร่งของชายตรงหน้าน่ากลัวเกินกว่าที่จะต่อรองหรือทดสอบความอดทนของเขาได้ พวกเขาพึ่งััได้ว่า พลังของชายนี้ที่ถูกใช้ออกมานั้นไม่ได้อยู่ในระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ มันคืออาณาจักรที่เหนือกว่านั้น
ซุยจื่อเมิ่งที่ยืนมองอยู่เบื้องบนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่ละกองกำลัง….ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่ดูธรรมดา…ส่วนใหญ่ไม่เป็กองกำลังระดับ 9 ดาวก็ 10 ดาว”
ตอนนี้หานิกำลังทำสมาธิเพื่อทำการค้นหาอะไรบางอย่างอยู่ เขาหลับตาลงไม่ได้ยินใครพูดอะไรทั้งนั้น เขายืนนิ่งไปสักพักใหญ่ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“เจอแล้ว”
แต่ขณะนั้นเขารู้สึกได้ถึงสายตามากมายที่ต่างจับจ้องมาที่เขา ก่อนที่เขาจะมองกลับไป พร้อมเห็น คนจากยอดเขาไผ่์ถูกอุ้มอยู่ด้วยชายชุดดำหลายคน โดยพวกเขาไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเอ่ยคำพูดใดเพิ่มเติม ราวกับว่าโลกทั้งใบหยุดนิ่งอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่หานิจะเปลี่ยนสีหน้าเป็จริงจังพร้อมยกมือขึ้นมา
ทันใดนั้น... เสียงหนึ่งที่ลึกลับและดูน่าสยดสยองจะดังขึ้นภายในจิตใจของเขา
“เราทำสัญญากันไว้... อย่าลืม”
เสียงนั้นไม่มีใครได้ยินนอกจากหานิ หานิยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ กับตัวเอง ก่อนจะหันหลังให้กับโลกใบนี้อย่างช้าๆ
ไม่มีคำพูดพร่ำเพรื่อ ไม่มีคำลาอันแสนยิ่งใหญ่ มีเพียงคำสั้นๆ ที่ทำให้บรรยากาศเย็นเฉียบลงจนกระดูกสั่น
“เอ๋อ…เลิกจ้องได้แล้ว…พวกเ้ากำลังละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของข้าอยู่นะ”
“ใช่ๆ เกือบลืมไปเลย……ท่านผู้นำรอเ้าอยู่นะที่ต้นไม้ต้นเดิม”
“ส่วนคนที่เหลือ… ท่านผู้นำบอกว่าไม่ต้องกลับมาแล้วก็ได้ นางเข้าใจพวกเ้า”
สิ้นสุดคำพูดนั้น ร่างของเขาก็เริ่มจางหายไปทีละน้อย ราวกับหมอกที่ถูกลมพัด แต่ทันใดนั้น ยันต์วาร์ปใบหนึ่งลอยเข้าไปหาจี้อี้เหรินอย่างช้าๆ พร้อมหญิงสาวทั้ง 5 คนจากยอดเขาไผ่์มองหน้ากันเล็กน้อยด้วยความรู้สึกผิด
ร่างของหานิสลายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนอย่างสมบูรณ์ ไร้ร่องรอย ทว่าทุกคนที่ยังยืนอยู่... กลับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นะเืในจิตใจ ราวกับมีบางสิ่งถูกฝังลึกลงในความทรงจำ บางสิ่งที่ไม่สามารถลบเลือนได้ตลอดไป
…….
……
ในหุบเขาอันเงียบงันแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ตลอดเวลา สถานที่แห่งนี้ดูธรรมดาไร้สิ่งโดดเด่น แต่ลึกเข้าไปมันมีถ้ำแห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ผาหินสูงชัน ปากถ้ำถูกรูปแบบอำพรางซ้อนทับหลายชั้น จนแม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยากจะมองเห็น
ภายในถ้ำเงียบสงัด ลึกลงไปในส่วนที่มืดมิดที่สุด มีเพียงแสงสลัวจากผลึกเรืองแสงที่ส่องสะท้อนตามผนังหินหยาบๆ นำทางสายตาไปสู่แท่นหินโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง
บนแท่นหินนั้น มีกล่องไม้ดำสนิทใบหนึ่งวางอยู่ กล่องธรรมดาที่ไม่มีลวดลาย ไม่มีตราประทับ ไม่มีแม้แต่กลิ่นอายของพลังใดๆ แต่กลับทำให้ผู้ที่มองเห็นรู้สึกไม่อาจละสายตา
ทันใดนั้น… แขนข้างหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากความมืด
มือเรียวยาวของหานิแตะลงบนฝากล่องเบาๆ นิ้วเรียวยาวของเขาค่อยๆ ไล่ไปตามขอบกล่องเหมือนกำลังปลดผนึกมัน ก่อนจะออกแรงเปิดฝากล่องอย่างช้าๆ
เสียง คลิ๊ก ดังขึ้นแ่เบา เมื่อรูปแบบที่ผนึกกล่องนั้นถูกปลดออก
หานิมองของที่อยู่ภายในนั้นพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกสนใจ