ความรู้สึกของมนุษย์ทำให้ชิงซีทั้งประหลาดใจและอธิบายไม่ถูก
นางรู้เื่โลกมนุษย์น้อยมาก แม้จะเป็เวลาสี่พันปีมาแล้วที่นางได้พบเจอผู้คนทุกประเภท แต่หากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนกลับมีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้นางประทับใจอย่างสุดซึ้ง
อาจเป็เพราะตอนเด็กนางอยู่เคียงข้างหมี่เจียตลอดเวลา จึงได้รับอิทธิพลจากอีกฝ่าย ดังนั้นแม้จะใช้ชีวิตในโลกมนุษย์ถึงสี่พันปีก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อนางมากนัก
‘หรือเพราะข้าสามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้?’
เวลาที่นางพบเห็นสิ่งต่างๆ ในโลกมนุษย์ นางมักคิดว่าสิ่งเ่าั้ช่างไร้สาระ
ทุกครั้งที่นางเห็นหญิงสาวหึงหวงหรือสร้างปัญหาในเรือนหลัง นางจะรู้สึกว่าไร้สาระ นางดูถูกหญิงสาวที่ทำเช่นนั้นและไม่พอใจชายผู้เป็ต้นเหตุของเื่ นางคิดว่าทุกคนในครอบครัวต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว
เมื่อนางเห็นคู่รักหนุ่มสาวที่ไม่สามารถครองคู่กันได้เพราะความแตกต่างด้านฐานะ เมื่อทั้งคู่ตายจากกันทั้งที่ยังคงรักกันอยู่ นางย่อมเกิดความสงสาร แต่ก็รู้สึกว่าไร้สาระเช่นกัน
เมื่อนางเห็นชายหนุ่มหลอกล่อหญิงสาวชาวบ้านด้วยคำพูดหวานหู แต่กลับแต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลที่ร่ำรวย นางมักรู้สึกว่าชายหนุ่มเ่าั้ช่างน่ารังเกียจและไร้สาระ
เมื่อนางเห็นคหบดีที่ไร้ยางอายใช้วิธีผิดๆ ในการหาเงิน รวมถึงทำลายผลประโยชน์ของคู่แข่งและลูกค้า นางรู้สึกว่าคนเช่นนี้ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่ามนุษย์ พวกเขาทั้งน่ารำคาญและไร้สาระ ต้องให้ซือิซิงจวิน[1]ทุบตีให้หนักและไม่ต้องให้กลับมาเกิดใหม่
เมื่อนางเห็นว่าบางคนหลอกลวงผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ทั้งยังแสวงหาเงินและอำนาจอันไม่ชอบธรรม นางรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ช่างโสมมและไร้สาระ
ในโลกมนุษย์มีสิ่งไร้สาระมากมายเหลือเกิน ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วนางจึงเฝ้าดูความเป็ไปของโลกมนุษย์อย่างเงียบๆ โดยไม่เคยยื่นมือเข้าไปก้าวก่าย
ดังนั้นตลอดระยะเวลาสี่พันปี นางจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการติดต่อคหบดีจากแคว้นต่างๆ ไม่ว่าคหบดีเ่าั้จะเป็คนคิดคดหรือไม่ย่อมไม่ใช่ปัญหา นางมีช่องทางและวิธีพิเศษในการรับมือกับคนเหล่านี้
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าคหบดีที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีนิสัยฉ้อฉลก็ล้วนตกอยู่ใต้อาณัติของนาง
ท้ายที่สุดตระกูลมู่ก็ได้ยกระดับเป็ตระกูลคหบดีขนาดใหญ่
นางอยู่ในเส้นทางการค้ามาถึงสี่พันปีและได้สั่งสมประสบการณ์มาแล้วมากมาย
‘ไม่แน่บางทีเมื่อข้ากลับไป ข้าอาจใช้ความสามารถนี้ในการหาเลี้ยงชีพ’
คหบดีน้อยใหญ่ต่างให้ความเคารพนับถือนางมากและเรียกนางว่า “ท่านประมุข” ด้วยความเคารพ
แต่ความจริงแล้วนางไม่รู้เื่การค้ามากนัก ยิ่งไปกว่านั้น นางกลับจับพลัดจับผลูจนสามารถตั้งหลักได้ ทั้งหมดอาจเป็เพราะความสามารถพิเศษของนางเอง
เพราะไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็คนแบบใด นางก็มีวิธีรับมือเสมอ
นางรับมือได้แม้กระทั่งคนที่มีจิตใจคิดคดและจัดการได้ยากที่สุด
ทุกคนมองว่านางเป็คนที่ยอดเยี่ยมและใช้วิธีอันน่าทึ่งในการจัดการกับสิ่งต่างๆ
แท้จริงแล้วนางเป็เพียงเสือกระดาษ
นางอาศัยความสามารถพิเศษของตนเองต่างหาก นี่นับเป็ความสามารถหรือไม่?
หากพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าวิธีของนางไม่มีอะไรเลย
นางแค่มีบางอย่างที่ผู้คนในโลกนี้ไม่มี
ชิงซีถอนหายใจอย่างเศร้าโศก
เส้นทางชีวิตของนางในโลกนี้ควรดำเนินไปในทิศทางใด?
นางกำลังขบคิด
ตลอดระยะเวลาสี่พันปีที่ผ่านมานางได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
ชิงซีตระหนักว่าก่อนหน้านี้นางไม่สนใจเื่การวางแผนมากนัก นี่เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกหลงทางและเคว้งคว้าง แต่แล้วนางก็หยุดใช้ความคิดและหันมาให้ความสนใจกับสถานการณ์ตรงหน้า นางกล่าวเบาๆ ว่า “เซียวเหยียน ข้าควรจะไปได้แล้ว”
เซียวเหยียนถามว่า “ท่านประมุขจะไปูเาขงถงหรือ?”
ชิงซีส่ายศีรษะ “ข้าบอกเ้าไม่ได้ ถึงอย่างไรหาก์ลิขิตไว้แล้วเราย่อมได้พบกันอีก เ้าจงจำสิ่งที่ข้าพูดไว้ให้ดี”
เซียวเหยียนพยักหน้าก่อนจะยกมือคำนับ จากนั้นก็สั่งให้คนของเขานำทางนางออกไป
ชิงซีจากไปเงียบๆ
บางทีใน่สี่พันปีที่ผ่านมา สิ่งที่นางมักหวนนึกถึงก็คือความรู้สึกที่นางััได้ในโลกมนุษย์
เห็นได้ชัดว่าเซียวเหยียนและอวิ๋นเซียวไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเืกัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมั่นคงยิ่งกว่าความสัมพันธ์ทางสายเืเสียอีก
สองคนนั้นมีความรู้สึกแบบใดต่อกัน?
สิ่งใดเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน?
หรืออาจเป็เพราะอวิ๋นเซียว?
อวิ๋นเซียวเป็ผู้วางแผนชีวิตของทุกคนหรือไม่?
อวิ๋นเซียวมีชื่อเสียงั้แ่ยังหนุ่ม เขามีพร์อันน่าอัศจรรย์และได้ชื่อว่าเป็เทพา ในเวลานั้นเขาอยู่ห่างจากตำแหน่งรัชทายาทเพียงก้าวเดียว แต่ต่อมากลับมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาออกจากเมืองอวิ๋นเมิ่งตามลำพังเพื่อไปป้องกันชายแดน หลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาก็จากไปอย่างกะทันหัน
สุดท้ายบุคคลที่กลายเป็ตำนานก็จากไปเช่นนั้น
ต่อมาฮ่องเต้เฉิงกวงก็ต บัลลังก์ัอันสูงส่งตกเป็ของฮ่องเต้เซิ่งหยวน
หลังจากนั้นเมื่อเย่เช่อมีชื่อเสียงั้แ่การออกรบครั้งแรก ผู้คนก็พากันยกย่องว่าเขาเป็ผู้สืบทอดของอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อนและขนานนามเขาว่าเทพาอย่างกระตือรือร้น อย่างไรก็ตามเย่เช่อก็เป็เพียงเย่เช่อ!
แม่ทัพเจิ้นหนานสั่งสอนหลานชายสุดที่รักอย่างไรถึงทำให้เย่เช่อมีชื่อเสียงั้แ่อายุยังน้อย?
ชิงซีไม่รู้
นางไม่อยากขบคิดเกี่ยวกับความสามารถของเย่เช่อ
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับอวิ๋นเซียวแล้ว ชายหนุ่มที่อ่อนแออย่างเย่เช่อกลับเทียบไม่ติดทั้งในเื่ของความสามารถและความรับผิดชอบ
ต้องทำอย่างไรชายหนุ่มคนนี้ถึงจะเติบโตอย่างรวดเร็ว?
ชิงซีมีประสบการณ์ทางการค้ามากมายและเคยเห็นผู้คนใช้วิธีที่โหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นางกลับรู้สึกว่าที่ผ่านมานางคิดน้อยไป
การใช้ปราณเซียนย่อมสะดวกสบายที่สุด
แต่ถ้านางใช้มันกับเย่เช่อจะไม่ดูเลวร้ายไปหน่อยหรือ?
ชิงซีกำลังขบคิด
จนกระทั่งเด็กชายที่ทำหน้าที่เข็นรถลากเอ่ยปากถามนางถึงสามครั้ง นางจึงได้สติและบอกที่ตั้งของจวนตนเองในแคว้นซินหลัวให้กับเขา
นางต้องไตร่ตรองให้ดี
นางควรทำเช่นนั้นดีหรือไม่?
เย่เช่อจะเติบโตขึ้นจริงๆ น่ะหรือหากแม่ทัพเจิ้นหนานถูกสังหาร?
หลังจากสังหารแม่ทัพเจิ้นหนานแล้ว ตระกูลฮั่วจะมีทัศนคติอย่างไรต่อเย่เช่อ?
ท้ายที่สุดผลลัพธ์จะออกมาดีหรือแย่?
ถึงอย่างไรนางต้องละเว้นฮั่วฉีอวี่
แต่หากการเสียชีวิตของแม่ทัพเจิ้นหนานไม่ได้ผล คนต่อไปที่นางจะสังหารควรเป็ใคร?
ฮั่วฮองเฮางั้นหรือ?
หากเย่เช่อยังคงไม่ตื่นตัวหลังจากได้รับยาแรงเช่นนี้ นางคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หากในอนาคตเย่เช่อรู้ว่านางเป็ตัวการ เขาจะให้อภัยนางหรือไม่?
สุดท้ายหากสิ่งที่นางทำไม่ได้ผลจริงๆ นางจะกลับไปที่เก้าอาณาจักรเพื่อสารภาพผิด แต่ถึงอย่างไรนางก็มีหมี่เจียคอยหนุนหลังอยู่ แล้วนางจะกลัวอะไร?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นมาก
วิธีของนางถือว่ารุนแรงหรือไม่?
เย่เช่อมองว่าการฆ่าคนเป็เื่ผิดหรือเปล่า?
หากมีวิธีอื่นที่ไม่ทำให้ใครสักคนเสียชีวิตก็นับว่ายอดเยี่ยมมาก
อย่างไรก็ตาม หากแม่ทัพเจิ้นหนานยังคงมีชีวิตอยู่ เย่เช่อจะสามารถเปลี่ยนแปลงตนเองได้หรือไม่?
หรือการที่เย่เช่อมีท่าทีเช่นนี้เพราะเขา้าปกปิดความสามารถที่แท้จริงของตนเอง?
นางมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า?
นางรีบร้อนเกินไปหรือไม่?
------------------------
[1] ซือิซิงจวิน คือเทพ์ที่รับผิดชอบชะตากรรมของมนุษย์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้