แค่สองลมหายใจ สัตว์อสูรระดับแปด 2 ตนก็ถูกสังหารด้วยหอกของเย่เฟิง พลังต่อสู้นี้เรียกได้ว่าช่างน่าสะพรึงกลัว
อำนาจหอกผสานรังสีหอก ทำให้พลังโจมตีของเคล็ดวิชาหอกเงินประกายยกขึ้นอีกระดับ ทุกการโจมตีจะอัดแน่นด้วยพลังอำนาจที่น่าทึ่ง แม้กระทั่งอยู่เหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 หลาย ๆ คน
“โฮก!” หมาป่าระดับเก้าตนนั้นคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว แสงสีเืปะทุออกจากดวงตาชั่วร้ายของมัน จากนั้นกรงเล็บจู่โจมเข้ามา้าฉีกกระชากร่างมนุษย์ผู้นี้เป็หมื่น ๆ ชิ้น
เย่เฟิงแสยะยิ้ม พลังดาราพลันโคจรพร้อมใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ หลบหลีกการโจมตีของหมาป่าระดับเก้าได้ในพริบตา
“ฟิ้ว!” พลันมีเสียงดังขึ้นพร้อมแสงเยือกทะลวงอากาศ นาทีต่อมาเห็นเืสาดกระเซ็น หมาป่าระดับเก้าพลันหยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นเย่เฟิงเก็บเยาตานของหมาป่าทั้งสามตน ก่อนจะมุ่งหน้าไปต่อ ทว่าสายตาของเย่เฟิงเหลือบมองศพหนึ่งบนพื้นอย่างไม่ตั้งใจ พบว่าในมือศพนั้นกำพืชชนิดหนึ่งที่ยังไม่ถอนขึ้นมา ซึ่งในกลิ่นคาวเืที่ลอยตามกระแสลมมาจะมีกลิ่นสมุนไพรจากพืชชนิดนี้จาง ๆ
“หญ้ารวมพลัง!” แวบแรกที่เย่เฟิงเห็นก็จำชื่อสมุนไพรนี้ได้ทันที แววตาจึงทอประกายด้วยความตื่นเต้น
หญ้ารวมพลังคือหญ้าิญญาชนิดหนึ่งที่สามารถชำระล้างร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ได้ หลังจากใช้มัน ทั้งกระดูก เืเนื้อ และเส้นเอ็นจะถูกขัดเกลา ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แบบขึ้น และยกระดับพลังกาย แต่หากใช้ร่วมกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะกายาบางประเภทด้วยแล้ว ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเท่าตัว ดังนั้นหญ้าิญญาจึงมีราคาสูง และไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเอื้อมถึงได้ อีกอย่างหาก้าให้ประสิทธิภาพสำแดงได้อย่างแท้จริง หญ้ารวมพลังแค่ต้นเดียวยังไม่เพียงพอ
ในเมื่อหญ้าิญญาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่มีทางพลาด แต่ตอนที่เขาจะดึงหญ้ารวมพลังขึ้นมาก็ได้ยินเสียงดังแว่ว
“เสิ่นเจี๋ยดูนั่นสิ ในมือคนนั้นดูเหมือนจะเป็หญ้ารวมพลัง ครอบครัวกำลัง้าพอดีเลย ท่านช่วยไปเอามาให้ข้าหน่อยได้ไหม?” ทันทีที่สิ้นเสียงนี้ก็เห็นสองเงาร่างเดินมา เป็ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้ชายรูปร่างผอมสูง ส่วนผู้หญิงหน้าตาสะสวย และเสียงหวานของนางก็ยากที่จะทำให้คนปฏิเสธได้
“ได้!” ชายร่างผอมสูงคนนั้นตอบรับอย่างไม่ลังเลพร้อมกล่าว “อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ข้าจัดการหมอนี่ได้แน่นอน เดี๋ยวข้าไปเอาหญ้ารวมพลังมาให้ศิษย์น้องเอง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็หัวเราะคิกคัก ราวกับว่าการที่ชายหนุ่มคนนั้นจัดการเย่เฟิงเป็เื่สมเหตุสมผล จากนั้นเห็นเขาเดินมาที่ด้านหน้าเย่เฟิงและกล่าวว่า “ส่งหญ้ารวมพลังที่อยู่ในมือเ้ามาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ ก่อนเอ่ยถามขึ้น “เ้าจะทำลายการบ่มเพาะของข้างั้นหรือ?”
“ในเมื่อเ้ารู้ก็จงทำเองซะ อย่าให้เสียเวลา” ชายร่างผอมสูงกล่าวด้วยวาจาก้าวร้าว
“เ้าสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว!” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม อีกฝ่ายไม่เพียงแต่้าแย่งชิงหญ้ารวมพลังไปจากเขา แต่ยัง้าทำลายการบ่มเพาะ ช่างน่ารังเกียจนัก
โลกแห่งการบ่มเพาะก็เป็เช่นนี้แล ผู้อ่อนแอย่อมตกเป็เหยื่อของผู้แข็งแกร่ง เพียงเพราะเย่เฟิงมีระดับการบ่มเพาะต่ำต้อย ชายร่างผอมสูงจึง้าทำลายการบ่มเพาะและแย่งชิงหญ้ารวมพลังไปจากเขา ในเมื่อเป็เช่นนี้เขาเย่เฟิงก็จะไม่เกรงใจ หากใครมาทำร้ายเขา เขาย่อมไม่มีทางนิ่งดูดายแน่
เย่เฟิงปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตที่อัดแน่นด้วยพลังหอกออกไป ตรงเข้าจู่โจมยังตำแหน่งจุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของชายร่างผอมสูงคนนั้น จนร่างกระเด็นปลิวและมองเย่เฟิงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ฝ่ามือนี้ทำให้จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของชายหนุ่มคนนั้นเสียหาย เขา้าทำลายการบ่มเพาะของเย่เฟิง แต่กลับถูกเย่เฟิงทำลายแทน ช่างน่าขันยิ่งนัก
“แค่กระบวนท่าเดียวก็รับมือไม่ได้ แต่กลับปากดีมาบอกทำลายการบ่มเพาะของข้าเนี่ยนะ?” เย่เฟิงดูถูก ขณะที่ชายร่างผอมสูงยังคงตัวสั่นเทาอยู่บนพื้นดิน
เมื่อหญิงสาวคนนั้นเห็นฉากนี้ก็ต้องตกตะลึง พลางดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ นางไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงที่อยู่เพียงขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 จะมีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ เขาทำลายการบ่มเพาะของศิษย์พี่นางที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ได้ในกระบวนท่าเดียว
“ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!” เย่เฟิงตวาดใส่หญิงสาวคนนั้น ทำให้หญิงสาวคนนั้นออกไปจากที่นี่ด้วยความเร็วสูงพร้อมจิตใจที่สับสนงงงวย
จากนั้นเย่เฟิงเก็บหญ้ารวมพลังเสร็จก็มุ่งหน้าไปต่อ ซึ่งเขาไม่สนเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพราะไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ในแดนทดสอบแห่งนี้ยังมีเื่เช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นมากมาย หากเ้าแกร่งพอก็ย่อมแย่งชิงของจากคนอื่นได้
เย่เฟิงเดินเข้าไปในหุบเขาลึกขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งมีกลิ่นคาวเืลอยตามกระแสลมแรงขึ้น นั่นทำให้เย่เฟิงรู้สึกไม่สบายใจ
อย่างไรก็ตามพืชสมุนไพรที่เติบโตในหุบเขามีหลากหลายสายพันธุ์ แม้กระทั่งกลิ่นอายที่ลอยมาพร้อมกับกระแสลมก็ยังบ่งบอกถึงความแตกต่างไม่ได้
เย่เฟิงยังเห็นซากศพในระหว่างทาง ล้วนแต่เป็ผู้เข้าทดสอบ พวกเขาอาจถูกสัตว์อสูรฆ่าตายหรือไม่ก็ถูกศัตรูฆ่า นี่ทำให้เย่เฟิงตระหนักได้ถึงความโเี้ของการทดสอบในที่แห่งนี้
“ช่วยด้วย!” ตอนนั้นเองมีเสียงขอความช่วยเหลือดังมาจากบางแห่ง ในน้ำเสียงแฝงด้วยความวิงวอนและความสิ้นหวัง จากนั้นเย่เฟิงหันไปมองยังที่หนึ่ง ก่อนพบว่าตรงนั้นมีพืชประหลาดต้นหนึ่งซึ่งมีความสูงเท่ามนุษย์ ลำต้นสีแดงมีหนามแหลมเล็ก ๆ ขึ้นอยู่ตามต้น แล้วยังมีปากขนาดใหญ่ แต่สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือ พืชประหลาดชนิดนี้เติบโตบนพื้นดิน มันสามารถเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้ และส่วนปากของมันกำลังกลืนกินคนผู้หนึ่งอยู่
ตามร่างกายของคนผู้นี้เต็มไปด้วยาแ สีหน้าทั้งตื่นตระหนกและหวาดกลัว เห็นชัดว่าถูกพืชที่น่าสะพรึงกลัวนี้ทรมาน ซึ่งเขาถูกกลืนไปในนั้นครึ่งร่างแล้ว เขายังคงดิ้นรนไม่หยุด แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็มิอาจหลุดพ้นจากพันธนาการของมันได้ ร่างของเขาถูกกลืนเข้าไปทีละนิด ๆ
เมื่อคนนั้นหันมาเห็นเย่เฟิงทางนี้ แววตาของเขาก็เผยแสงแห่งความหวังพร้อมกล่าวว่า “สหายช่วยข้าด้วย ข้าจะถูกมันกลืนกินแล้ว!”
เย่เฟิงขมวดคิ้ว แม้เขาไม่รู้จักกับคนผู้นี้ แต่เขาก็ไม่อยากเห็นคนผู้นั้นตายโดยที่ไม่ช่วยเหลืออะไร จากนั้นเย่เฟิงเดินไปที่ด้านหน้าพืชต้นนั้นแล้วกล่าวกับคนผู้นั้น “จะให้ข้าช่วยยังไง?”
“แค่ทำลายพืชนี่ ข้าก็ออกไปได้แล้ว” คนนั้นกล่าวด้วยความกระตือรือร้น ดูเหมือนว่าจะทนไม่ไหวแล้ว หากถูกพืชนี่กลืนกินทั้งร่าง ร่างเขาจะถูกของเหลวที่อยู่ตัวพืชกัดกร่อนในเวลาหนึ่งก้านธูป สุดท้ายกลายเป็น้ำโลหิตและเป็อาหารหล่อเลี้ยงพืชต้นนี้ไปในที่สุด
“ได้” เย่เฟิงพยักหน้า พลันสองฝ่ามือของเขาสั่นเทา ก่อนที่หอกัเงินประกายจะพุ่งไปแทงลำต้นของมัน
“กึก!” มีเสียงหนึ่งดังขึ้น พลังหอกของเย่เฟิงก็ไม่นับว่าอ่อนแอ ทว่าผิวััของพืชต้นนี้ราวกับแผ่นยางแน่นๆ จึงเป็เื่ยากที่จะเจาะทะลุิัของมันได้ ส่งผลให้หอกัเงินประกายถูกดีดกลับ
“เป็ไปได้ยังไง? แม้แต่หอกของข้าก็ทะลวงพืชนี่ไม่ได้?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่คิดว่าการป้องกันของพืชต้นนี้จะกล้าแกร่งถึงเพียงนี้ แม้แต่อาวุธอันคมกริบก็แทงทะลุไม่ได้
“วูบ” ในตอนที่เย่เฟิงจะปาหอกออกไปก็ได้มีเสียงหลายสายดังขึ้น นาทีต่อมาเห็นเถาวัลย์มากมายพุ่งออกจากตัวพืชมาหาเย่เฟิง
“แย่แล้ว!” เย่เฟิงใ แต่จากนั้นวาดหอกัเงินประกายอย่างต่อเนื่อง ทำลายเถาวัลย์จำนวนมากลงในพริบตา แต่ว่าต้นตอของเถาวัลย์ยังไม่ถูกกำจัด หลังจากถูกทำลายก็ผุดขึ้นมาใหม่ ตอนนั้นเองเย่เฟิงไม่ทันระวัง เขาถูกเถาวัลย์พันธนาการขาทั้งสองข้าง มันรัดแน่นจนทำให้เขาล้มลงกับพื้น ต่อจากนั้นมีเถาวัลย์มากมายรัดตัวเขา เย่เฟิงพยายามดิ้นรนเพียงใด ด้วยพลังของเขาก็มิอาจหลุดพ้นจากพันธนาการนี้ได้ ในขณะเดียวกันปากกว้างๆ ของพืชนั่นพลันอ้าออก ก่อนจะเหวี่ยงร่างคนที่กำลังถูกกินออกไป แล้วหันไปสนใจเย่เฟิงแทน ชายหนุ่มคนนั้นถอนหายใจยาวและลุกขึ้นยืน ในที่สุดเขาก็รอดแล้ว
“เ้าโง่!” ทว่าชายหนุ่มคนนั้นยืนขึ้นกลับไม่คิดจะช่วยเย่เฟิง แต่พูดจาดูถูกเช่นนั้น
ตอนนี้ชายหนุ่มมีท่าทีไร้ซึ่งความกลัวอย่างก่อนหน้านี้ กลับแทนที่ด้วยความหยิ่งผยองได้ใจ กระทั่งสีหน้ายังเผยความดูแคลนทั้งที่เย่เฟิงเพิ่งช่วยเขาให้รอดพ้นจากปากประตูปรโลก
“ท่าทีของเ้าช่างเปลี่ยนไวยิ่งนัก” มีหรือที่เย่เฟิงจะตามอีกฝ่ายไม่ทัน แม้จะถูกพืชนั่นกลืนกิน แต่จิตใจของเขายังคงแน่วแน่
“จะว่าไป ข้าควรขอบใจเ้า หากไม่ได้ความโง่ของเ้าละก็ ข้าคงถูกต้นหนามแดงนี่เขมือบกินไปแล้ว” ชายหนุ่มคนนั้นกล่าวด้วยสีหน้าได้ใจ
“ต้นหนามแดงหรือ?” เย่เฟิงกล่าวถาม
“โง่เสียจริง แม้แต่ต้นหนามแดงก็ไม่รู้จัก” ชายหนุ่มคนนั้นแสยะยิ้ม สายตาก็มองเย่เฟิงด้วยความดูถูก “ต้นหนามแดงกินมนุษย์และสัตว์อสูรเป็อาหาร หลังจากถูกมันกินก็จะกลายเป็น้ำโลหิต สิ่งที่สำคัญคือเมื่อถูกต้นหนามแดงกินก็จะหมดความหวังที่จะรอดออกไปได้ เว้นแต่ว่ามีคนยอมถูกกินแทน เช่นเดียวกับเ้าที่โจมตีต้นหนามแดงเมื่อครู่ มันจึงทิ้งคนที่จะกลืนกินก่อนหน้าไป แล้วสนใจคนที่โจมตีนั่นแทน”
เมื่อกล่าวจบ ชายหนุ่มคนนั้นก็ยังยิ้มแย้มได้ใจ โดยไม่ละอายใจต่อเย่เฟิงแม้แต่น้อย
“เช่นนั้นเ้าก็จงใจทำมันสินะ?” แววตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม
“ข้าพูดไปขนาดนี้แล้วยังมาถามข้าอีก สมกับเป็คนโง่เง่า” ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทีรำคาญเย่เฟิง
“วางใจได้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปดี ๆ หาไม่แล้วเ้าคงตายอย่างเปล่าประโยชน์!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดจบก็ะเิหัวเราะด้วยความสะใจ ก่อนจะเดินจากไป
เย่เฟิงยิ้มเย้ยหยันตัวเอง กล่าวว่า “ทำดีไม่ได้ดี กลับถูกแว้งกัดเสียเอง”
“ชิ้ง ๆ!” ชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งเดินออกไปเพียงก้าว ก็ได้ยินเสียงตัดขาดดังขึ้น เขาจึงอดหันกลับไปมองไม่ได้ เห็นเย่เฟิงที่ถูกเถาวัลย์ของต้นหนามแดงพันธนาการปลดปล่อยปราณแหลมคมออกมา ก่อนจะกลายเป็รังสีหอกไร้ที่สิ้นสุด สะบั้นเถาวัลย์พวกนั้นจนเย่เฟิงหลุดพ้น เมื่อเขายืนขึ้นอีกครั้งก็มองไปยังชายหนุ่มคนนั้นด้วยสายตาเย็นะเื
“นี่...” ชายหนุ่มคนนั้นตะลึงงันคล้ายไม่นึกว่าเย่เฟิงจะหลุดออกจากพันธนาการของต้นหนามแดงได้อย่างง่ายดาย
“นึกไม่ถึงว่าเ้าจะรอดมาได้ ดูท่าเ้าจะไม่ได้โง่ขนาดนั้น” ชายหนุ่มพูดจาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เขาััจากลมปราณของเย่เฟิงได้ว่าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจขนาดนั้น
“ข้าอุตส่าห์มีน้ำใจช่วยเ้า แต่เ้ากลับใช้ชีวิตข้าเพื่อให้เ้ารอดตาย เ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดี?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นพลางไอสังหารปะทุออกจากร่าง หากเขาไม่มีอำนาจหอก เมื่อครู่นี้คงไม่มีทางหลุดพ้นจากพันธนาการของต้นหนามแดงได้ ผลที่จะตามมาก็ยากจะจินตนาการ แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะชายหนุ่มคนนี้
“เดิมการทดสอบก็คือเกมเป็ตาย ตราบใดที่ข้ารอดออกไปได้ก็จะเป็ผู้ชนะ ไยต้องสนใจวิธีการ?” ชายหนุ่มคนนั้นแค่นหัวเราะ
“อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 แต่คิดจะจัดการข้างั้นหรือ? ไม่แปลกที่เ้าจะโง่เขลาขนาดนี้” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8
“วันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนว่า คนโง่อย่างเ้าควรทำเช่นไร” แววตาของชายหนุ่มเผยประกายเยือกเย็น จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดโจมตีเย่เฟิง
“ตายด้วยน้ำมือข้า คนโง่อย่างเ้าควรจะดีใจด้วยซ้ำ!” ชายหนุ่มกล่าว เขาอัดพลังใส่หมัดนั่นเต็มกำลังหมายฆ่าเย่เฟิงในหนึ่งกระบวนท่า
เย่เฟิงเหยียดยิ้มเ็า ก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือออกไปปะทะกับหมัดของอีกฝ่าย ทันทีที่ฝ่ามือและหมัดปะทะกัน อีกฝ่ายััได้ว่ามีพลังไร้เทียมทานจู่โจมมา ทำให้เขากระเด็นออกไปไกลพร้อมสีหน้าขาวซีด
“เป็ไปได้ยังไง? เ้าอยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 6 แต่ทรงพลังขนาดนี้ได้เยี่ยงไร?” ชายหนุ่มคนนั้นมองเย่เฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อ พลางเกิดความกลัวขึ้นในใจ
“คนอย่างเ้าจะสั่งสอนข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงเดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าชายหนุ่มคนนั้นในพริบตา พร้อมเตะร่างอีกฝ่ายเข้าอย่างแรง ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นกระอักเื และหน้าขาวซีดลงกว่าเดิม
“ตอนนั้นข้าแค่หลงผิด อย่าฆ่าข้าเลย!” ชายหนุ่มอ้อนวอนพลางตัวสั่นเทา
“มาพูดตอนนี้คิดว่ามีประโยชน์หรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มไร้ซึ่งความเมตตาใด ๆ จากนั้นเขาเหวี่ยงหมัดโจมตีชายหนุ่ม พร้อมพลังทำลายล้างแพร่กระจายไปตามร่างของอีกฝ่าย มันทำลายเส้นลมปราณของเขา
“โดนทำลายการบ่มเพาะ เ้าทำตัวเองแท้ ๆ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป ในขณะนั้นมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากทางด้านหลังของเย่เฟิง ก่อนจะมีหลายเงาร่างปรากฏตัวและเห็นชายหนุ่มที่ถูกทำลายการบ่มเพาะนั้น
“ศิษย์น้อง เ้าเป็อะไรไป?” มีคนหนึ่งเอ่ยถาม
“การบ่มเพาะของข้าถูกเ้าหมอนั่นทำลาย!” ชายหนุ่มกล่าวด้วยความโกรธแค้นทั้งร่างล้วนสั่นเทาพร้อมชี้นิ้วไปที่แผ่นหลังเย่เฟิง เห็นชัดว่าเขาเคียดแค้นเย่เฟิงมากเพียงใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้