ยามสายัณห์ แสงตะวันทอประกายแดงฉานทั่วฟ้า ลมฤดูใบไม้ร่วงโชยมาพัดพาไอร้อนจากแสงแดดบนพื้นเลือนหาย
หลิ่วจิ้งนอนอยู่บนเตียงมาทั้งวัน นางรู้สึกว่าตนนอนจนกระดูกแทบชาไปหมดแล้ว
เช้าวันนี้นางต้องบีบจมูกดื่มยาของท่านหมอหวังที่ขมเสียยิ่งกว่าหวงเหลียนโดยมีอิ๋งเหอที่น้ำตานองหน้าคอยคุมดู เมื่อดื่มแล้วก็นอนหลับไปอีก
ไม่รู้ว่าเป็เพราะยาของท่านหมอหวังมีประสิทธิภาพหรือว่าร่างกายโดยพื้นฐานของนางดีอยู่แล้ว เมื่อพักมาทั้งวันก็กลับมาสดชื่นจนเกือบเป็ปกติ
เดิมทีหลิ่วจิ้งก็อยากจะออกมาขยับเนื้อขยับตัวผ่อนคลายเส้นเอ็นที่ลานบ้าน แต่จนใจนักที่คนว่าง่ายเช่นอิ๋งเหอกลับคอยถือไม้ปัดฝุ่นขนไก่เป็ลูกธนูคำสั่งไม่ยอมให้นางลงมาจากเตียงแต่อย่างใด
“ฮูหยินเ้าคะ เช้าวันนี้ตอนท่านนอนหลับอยู่ท่านแม่ทัพกลับมาหนหนึ่งและสั่งเอาไว้ว่าวันนี้ต้องให้ท่านนอนพักผ่อนอยู่บนเตียงส่วนท่านแม่ทัพมีธุระต้องเข้าวัง ก่อนไปยังบอกอีกว่าหากพวกบ่าวดูแลไม่รอบคอบ ตอนเขากลับมาก็ให้ระวังไว้ว่าจะถลกหนังบ่าวเสีย”
“อิ๋งเหอ ข้าไม่ได้เดินไปไกล อย่างมากก็แค่เดินอยู่ในลานบ้าน ขืนยังให้นอนต่อไปข้าคงรู้สึกกระดูกชาจนไม่เหมือนอยู่ในตัวข้าแล้ว”
หลิ่วจิ้งลองอธิบายเหตุผลให้อิ๋งเหอฟัง นางพบว่าแม้วันนี้ตนจะวางท่าน่าเกรงขามเช่นคนเป็นายอิ๋งเหอก็กลับไม่หลงกลแต่อย่างใด
“ฮูหยินเ้าคะ วันนี้บ่าวยกมือสาบานต่อท่านแม่ทัพเอาไว้แล้วว่าเมื่อมีบ่าวอยู่ ก็จะไม่มีทางให้ฮูหยินเดินไปไหนมาไหนแน่นอนเ้าค่ะ”อิ๋งเหอเอ่ยอย่างระมัดระวังกับหลิ่วจิ้ง
“อิ๋งเหอ เ้าเป็คนของใครกันแน่? เ้าฟังข้าหรือว่าฟังท่านแม่ทัพกัน?” หลิ่วจิ้งใช้สายตาจนใจมองอิ๋งเหอที่จ้องนางตาเขม็ง
“บ่าวเป็คนของฮูหยินเ้าค่ะ ส่วนฮูหยินก็เป็คนของท่านแม่ทัพ ดังนั้นบ่าวจึงเป็คนของท่านแม่ทัพด้วยเ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ พูดได้ดี ฮูหยินเป็คนของแม่ทัพ อิ๋งเหอเ้าพูดไม่ผิดเลยทั้งยังคอยดูแลได้อย่างดี อีกประเดี๋ยวไปเบิกเงินสิบตำลึงเงินที่ห้องบัญชีถือเป็เงินรางวัล”
หลังจากเสียงแข็งแกร่งมีพลังของบุรุษดังมา หั่วอี้ก็ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาข้างใน
อิ๋งเหอเห็นดังนั้นก็ยินดีนัก เป็ท่านแม่ทัพกลับมาแล้วนางแทบจะดูแลควบคุมต่อไปไม่ไหวแล้ว กว่าจะกันฮูหยินให้นอนอยู่บนเตียงทั้งวันได้หากต้องคอยกันต่อไปนางก็ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพจะให้รางวัลนางหรือไม่แต่ฮูหยินจะต้องลงโทษนางแน่ๆ
“คารวะท่านแม่ทัพเ้าค่ะ” อิ๋งเหอหันไปย่อตัวคำนับหั่วอี้
หั่วอี้สะบัดมือไปลวกๆ นับเป็การรับการคารวะของอิ๋งเหอเขาเดินมาที่ข้างเตียงของหลิ่วจิ้งก่อนเอื้อมมือไปอังหน้าผากนางรู้สึกว่าไม่ได้ร้อนจนน่าใเหมือนเมื่อคืนแล้วจึงมองนางด้วยรอยยิ้มอย่างพอใจ
“ฮูหยิน ไม่กี่ชั่วยามที่สามีไม่อยู่ฮูหยินทำให้สาวใช้ลำบากใจหรือไม่”
“จะมีเื่เช่นนั้นได้อย่างไรพวกนางไม่สร้างความลำบากให้ข้าก็ดีโขแล้ว” หลิ่วจิ้งกลอกตามองบนให้หั่วอี้ ล้วนเพราะเขาสั่งความส่งเดชทำเอานางต้องนอนอยู่บนเตียงหนึ่งวันเต็มๆ
“ท่านแม่ทัพ ท่านกลับมาได้จังหวะพอดี ท่านดูสิ ข้าก็ไม่มีไข้แล้วลงจากเตียงไปขยับเนื้อตัวได้แล้วกระมังเ้าคะ”
หลิ่วจิ้งพูดจบก็จับมือของหั่วอี้มาทาบที่หน้าผากนางโดยไม่ทันคิดหั่วอี้กลับเอาแต่จ้องหน้ายิ้มครึ่งไม่ยิ้มครึ่ง นางจึงร้อง ‘อ๋า’ แล้วปล่อยมือหั่วอี้ลงราวกับถูกมันเผาลวกมือเอาเช่นนั้น
“เอ่อ คือว่า ท่านแม่ทัพ ธรรมชาติ… เรียกร้องเ้าค่ะ”พูดพลางพลิกตัวลงจากเตียง รีบส่งสายตาให้อิ๋งเหอแล้วปรี่ไปทางห้องน้ำ
หลิ่วจิ้งไม่สนใจเสียงหัวเราะลั่นของหั่วอี้ที่นั่งอยู่ข้างเตียงรีบเดินไปโดยไม่หันหน้ากลับ
นางเดินไปพลางต่อว่าตนเองเบาๆ “ปากไม่มีหูรูด กล้าพูดออกมาได้หาข้ออ้างสักข้อไม่ได้หรือ กลับบอกว่าธรรมชาติเรียกร้องอะไรนั่นพูดต่อหน้าคนนอกได้หรือ?”
โธ่โอ๊ย ขายหน้าไปถึง์ชั้นฟ้าโน่น หลิ่วจิ้งบ่นกับตนเอง
“ฮูหยินเ้าคะ มิใช่บ่าวจะว่าท่านนะเ้าคะเหตุใดฮูหยินจึงบอกไปว่าธรรมชาติเรียกร้องเล่า บ่าวยังหน้าแดงแทนท่านเลยเ้าค่ะ”อิ๋งเหอประคองหลิ่วจิ้งเดินไปข้างหน้า ปากก็ไม่ลืมพูดสิ่งที่คิดออกมา
“อิ๋งเหอ วันนี้เ้าอาจหาญจริงนะคอยตั้งป้อมเป็ศัตรูกับข้าไปทุกเื่ ฮูหยินเช่นข้าคิดทำสิ่งใดก็จะทำสิ่งนั้นอยากพูดสิ่งใดก็จะพูด”
เมื่ออยู่ด้วยกันมานานอิ๋งเหอย่อมรู้จักนิสัยใจคอของหลิ่วจิ้งอย่ามองแค่ฮูหยินที่เอาแต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกจะคิดบัญชีกับนางแต่สีหน้าของฮูหยินกลับดูใจดีนัก เพียงมองก็รู้ว่าฮูหยินแค่พูดไปเท่านั้นนางไม่กลัวว่าฮูหยินจะถือโทษนางจริงๆ
เพียงไม่นานหลิ่วจิ้งกับอิ๋งเหอก็มาถึงห้องน้ำแล้ว หลิ่วจิ้งไม่มองเสียด้วยซ้ำกลับอ้อมข้างห้องน้ำและเดินต่อไปข้างหน้าอีกหลายก้าว
อิ๋งเหอเกิดความสงสัยจึงหยุดเดิน “ฮูหยินจะไปที่ใดเ้าคะถึงห้องน้ำแล้วนี่เ้าคะ”
“ห้องน้ำ ห้องน้ำ อิ๋งเหอเป็ข้าไข้ขึ้นหรือเ้าไข้ขึ้นกันแน่สมองเ้านี่ก็ไม่ได้การจริงเชียวเมื่อครู่ก็มิใช่ว่าเพิ่งจะกลับจากห้องน้ำแล้วไปที่ห้องจากนั้นท่านแม่ทัพก็มาหรอกหรือ เ้าเห็นฮูหยินเช่นข้าเป็กระบือหรือไรที่จะกินน้ำไปด้วยขับถ่ายไปด้วย”
“ฮูหยิน กระบือก็มิได้กินน้ำไปด้วยขับถ่ายไปด้วยนะเ้าคะ”อิ๋งเหอรำพึงเบาๆ
หลิ่วจิ้งส่ายหน้าพลางคิดว่าเหตุใดวันนี้มิใช่อวี้จิ่นมาคอยดูแลนางหากเป็อวี้จิ่นก็คงจะพูดรู้เื่กว่านี้
เมื่อเลี้ยวจากห้องน้ำและเดินตรงไปอีก ก็จะเป็ทางเดินเส้นเล็กๆ ที่ปูด้วยกรวดไข่ห่านรูปหัวใจซึ่งตรงไปยังสวนหลังจวนหลิ่วจิ้งค่อยๆ เดินช้าลงเพื่อตรงไปทางสวนด้านหลัง
นางไม่ได้โง่ที่จะกลับไปดูหน้าหั่วอี้ตอนหัวเราะนางอย่างเอาเป็เอาตายในยามนี้พอคิดถึงคำพูดที่ไม่ควรพูดของตนเมื่อครู่ใบหน้าของนางก็ร้อนผ่าวราวถูกไฟเผาพวกเขาก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันแท้ๆ เหตุใดนางจึงได้ใจลอยบอกว่าธรรมชาติเรียกร้องออกไปอย่างไม่รู้กาลเทศะกันนะ
ทางเดินสายเล็กๆที่เต็มไปด้วยดอกไม้และป่าไม้ที่มีกิ่งก้านต้นหลิวสอดประสานกัน สงัดเงียบหากลึกลับยามนี้เป็ฤดูกาลที่ดอกเบญจมาศกำลังเบ่งบานเต็มสวน ทำให้นางนึกถึงดอกเก็กฮวย [1] ผัดไข่ที่นางชอบทานเป็ที่สุด
กลิ่นหอมหวนจากดอกเบญจมาศกระตุ้นความอยากอาหารของหลิ่วจิ้งขึ้นมา…
“อิ๋งเหอ ข้าหิวแล้ว” หลิ่วจิ้งหยุดเดิน
“ฮูหยินนี่ช่างเหมือนคนท้องคนไส้เช่นฮูหยินใหญ่เลยนะเ้าคะเหตุใดจึงหิวขึ้นมาเสียแล้ว? มิใช่เพิ่งดื่มเต้าทึงลำไยเม็ดบัวมาหรอกหรือเ้าคะหนำซ้ำตอนนั้นฮูหยินยังทานขนมกุ้ยฮวานึ่ง [2] ไปอีกตั้งหลายชิ้น”
อิ๋งเหอหยุดเดินพลางมองหลิ่วจิ้งอย่างไม่เข้าใจ
หลิ่วจิ้งหน้าบึ้งก่อนเอื้อมนิ้วมือขาวงามดีดหน้าผากอิ๋งเหอหนหนึ่ง“เ้าน่ะสิท้อง ข้ายังบริสุทธิ์ผุดผ่องไปทั้งตัว จะท้องได้อย่างไร”
“เช่นนั้นฮูหยินก็ทานเก่งเหลือเกินเ้าค่ะ”ดวงตาโตของอิ๋งเหอกระพริบปริบๆ ยิ้มขี้เล่นใส่หลิ่วจิ้ง“ฮูหยินคงไม่คิดจะสลัดข้าออก จากนั้นท่านก็แอบไปนอกจวนผู้เดียวหรอกนะเ้าคะ”
ช่างเถิด คิดเสียว่าวันนี้ข้าดวงซวยก็แล้วกันหลิ่วจิ้งถูกอิ๋งเหอพูดจนใบ้กินจึงได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจไม่ว่าจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าวันนี้อิ๋งเหอเหมือนเป็คนละคนกับยามปกติมีความคิดความอ่านเป็ของตัวเองเกินไปแล้วแล้วนางเองก็ใจแข็งวางท่าฮูหยินใส่อิ๋งเหอไม่ลงเสียด้วย จึงได้แต่ถูกอีกฝ่ายคอยควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่เช่นนี้
ดูไปแล้วมีสาวใช้ที่ภักดีเกินไปก็ไม่ใช่เื่ดีนักหลิ่วจิ้งจึงทำได้แค่เดินต่อไปข้างหน้า
อิ๋งเหอกลับไม่รู้ว่าหลิ่วจิ้งคิดสิ่งใดอยู่ในใจรู้สึกเพียงว่าสิ่งที่นางคิดถูกต้องแล้ว จึงยิ่งขยับเข้าไปเพื่อจับตาดูหลิ่วจิ้งได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
การหลบออกมาที่สวนหลังจวนและปล่อยให้ท่านแม่ทัพรอแล้วรอเล่าอยู่ในห้องเพียงลำพังก็เป็เื่ที่ไม่ถูกต้องแล้วหากนางยังทำฮูหยินหายไปอีก เช่นนั้นรางวัลสิบตำลึงเงินที่เพิ่งได้มา ยังไม่ทันตกถึงมือก็คงจะไม่เหลือแล้วน่ะสิ
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] ดอกเก๊กฮวย หรือดอกเบญจมาศสวน (สีขาว) หรือดอกเบญจมาศหนู (สีเหลือง) เป็ดอกเบญจมาศชนิดหนึ่งที่นำมารับประทานได้
[2] ขนมกุ้ยฮวานึ่ง ดอกกุ้ยฮวามีชื่อไทยว่าหอมหมื่นลี้ หรือสารภีฝรั่ง หรือสารภีอ่างกาเป็พืชในวงศ์มะลิ มีถิ่นกำเนิดแถบเทือกเขาหิมาลัยและจีน ขนมกุ้ยฮวานึ่งทำจากแป้งข้าวเหนียวปรุงรสด้วยน้ำตาล ดอกกุ้ยฮวาและเครื่องอื่นๆ คลุกกับน้ำพอจับตัวกันได้ ใส่พิมพ์แล้วนำไปนึ่งแต่งหน้าด้วยดอกกุ้ยฮวาต้มน้ำตาลจนข้น เนื้อััฟูนุ่ม คล้ายขนมปุยฝ้าย
