ตอนที่ 51 ยอมรับโทษ
หลังจากที่ทุกผู้คนได้ฟังที่มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยออกมา ทุกสายต่างหันจับจ้องไปที่ฉู่ลี่และฉู่ชิงหยวน ด้วยแววตาที่กระหายใคร่รู้ อยากจะเห็นการพิสูจน์ของเื่นี้
เมื่อฉู่ชิงหยวนเห็นว่า ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่นาง นางก็รีบพยักหน้ารับในทันที “เื่นี้องค์หญิงอย่างข้าสามารถรับรองได้ว่าพี่อวิ๋นจิ่นไปหาชายชรา โดยที่เื่นี้ได้รับการเห็นด้วยจากองค์ชายหกแล้ว”
“พี่หก เื่นี้เป็อย่างที่ว่ามาใช่หรือไม่?” ฉู่ชิงหยวนหันหน้ามองไปที่ฉู่ลี่
“อืม” ฉู่ยี่ตอบอย่างขอไปที
ฉู่ลี่และฉู่ชิงหยวน ทั้งสองคนเอ่ยปากรับรองให้มู่อวิ๋นจิ่น ภายในห้องไต่สวนพลันเงียบงันในบัดดล ทุกสายตาต่างเคลื่อนมองไปยังซูปี้ชิงและมู่หลิงจู สองแม่ลูกคู่นี้ทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของซูปี้ชิงและมู่หลิงจูพลันเปลี่ยนเป็สีขาวซีด พลางกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ โดยที่ไร้การโต้เถียงกลับแม้แต่คำเดียว
ในระหว่างที่เฉินพู่กำลังอ่านประกาศอยู่นั้น ความรู้สึกภายในใจของอัครเสนาบดีมู่พลันรู้สึกสิ้นหวังและใจนเกือบล้มพับหมดสติลงไปกับพื้น ก่อนจะหันเหลือบมองสตรีที่นอนข้างกายของเขามานานหลายปี พร้อมกับบุตรสาวที่เป็ความภาคภูมิใจที่เป็หน้าเป็ตาให้ตระกูลมากที่สุด
เขาแทบไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่า ความไว้ใจและความรักที่มีให้มาตลอดหลายปีมานี้ จะพังทลายลงมาได้ฉับพลันจนกระทั่งมิอาจหวนกลับไปได้อีกแล้ว
ซูปี้ชิงนิ่งเงียบโดยไม่เอ่ยวาจาใดออกมา นางพยายามค่อย ๆ เหลือบสายตามองไปที่มู่หลิงจูที่ยืนแข็งทื่ออยู่ด้านข้าง ทำเอาความรู้สึกภายในจิตใจไม่เป็อันสงบ
เมื่อเื่มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จะให้โยงไปถึงตัวจูเอ๋อร์มิได้โดยเด็ดขาด
…
ในเวลานี้ ภายในประตูมีชายวัยกลางคนไม่กี่คนเดินเข้ามาภายในห้อง
“ท่านนี้คือเ้าของร้านยาจีนและท่านหมอในเมืองเตี๋ยฮวา ท่านทั้งสองเล่าว่ามีบ่าวรับใช้สูงวัยเคยไปซื้อยาไป๋เซียนเจ๋อ ไม่รู้ว่าบ่าวใช้สูงวัยคนนั้นอยู่ในที่แห่งนี้ด้วยหรือไม่?” เฉินพู่เอ่ยถามขึ้น
เ้าของร้านยาและท่านหมอต่างเดินไปทั่วเพื่อมองหาบางสิ่งไปรอบ ๆ
ป้าหลี่ได้เห็นเช่นนั้น ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น ภายในใจแอบภาวนาให้คนทั้งสองนั้นอย่าจำนางได้ก็พอแล้ว
“เป็นางคนนี้นี่เอง!”
เ้าของร้านและท่านหมอต่างยกมือชี้ไปที่ป้าหลี่โดยมิได้นัดหมาย
ซูปี้ชิงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างเชื่องช้า เพื่อที่นางนั้นจะได้ไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า
หลังจากป้าหลี่ถูกชี้ตัวขึ้นมาแล้ว นางก็รีบคุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นทันใด พร้อมกับคำนับเฉินพู่ไม่หยุด “บ่าวถูกใส่ร้าย ใส่ร้ายเพคะ!”
“ทุกคนที่มาพิสูจน์ต่างชี้มาที่เ้า เ้ายังจะบอกอีกหรือว่าถูกใส่ร้าย?” ฉินไท่เฟยระเหี่ยใจ พลางผายมือไปด้านข้าง “นำตัวบ่าวใช้นี่ไปโบยให้ตายประเดี๋ยวนี้!”
พอสิ้นเสียงคำสั่ง องครักษ์สองสามคนต่างพุ่งตรงไปจับป้าหลี่ และลากตัวนางออกไป
“ไม่ ไม่เพคะ บ่าวถูกใส่ร้ายเพคะ!” หลังจากป้าหลี่ได้ยินคำสั่งที่ใช้ไม้โบยให้ถึงความตาย ก็พยายามดิ้นสุดชีวิต จนวิ่งไปคุกเข่าลงเบื้องหน้าคว้าชายกระโปรงของซูปี้ชิงมาจับไว้แแ่
“ฮูหยิน ฮูหยิน ช่วยบ่าวด้วยเ้าค่ะ บ่าวจงรักภักดีกับฮูหยินมาโดยตลอด ฮูหยินช่วยพูดให้บ่าวด้วยเถิดเ้าค่ะ!”
ซูปี้ชิงที่ถูกป้าหลี่คว้าชายกระโปรงกำไว้แน่นมือ ในใจเกิดความรู้สึกอับอาย ที่ถูกคนหันมาจับจ้องมากมายขนาดนี้ ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นและผลักป้าหลี่ออกไป “เ้านี่มันเลอะเลือนจริงเชียว! บังอาจทำเื่ที่ชั่วช้าลับหลังข้าหนักขนาดนี้ ตายไปเสียก็ดีแล้ว!”
“ฮูหยิน…” ป้าหลี่ถลึงตาโตด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าซูปี้ชิงจะปล่อยนางลอยแพรโดยไม่สนใจ
“รีบลากตัวนางออกไป!” ซูปี้ชิงรีบชี้นิ้วใส่หน้าองครักษ์ให้ทำตาม
ทันใดนั้น ป้าหลี่กลับกลายเป็คนเสียสติในทันที นางพยายามฝืนลุกขึ้นด้วยขาที่สั่นระริก พลางยกมือเข้าไปบีบคอซูปี้ชิงอย่างเต็มแรง “ซูปี้ชิง ข้าอุตส่าห์จงรักภักดีรับใช้อย่างซื่อสัตย์กว่ายี่สิบปี ดูแลเ้าราวกับบุตรสาวที่ให้กำเนิดก็มิปาน นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเ้าจะทำเป็เหมือนคนที่ไม่รู้จักแบบนี้!”
“อ๊า!!!” ซูปี้ชิงพยายามส่งเสียงร้องอย่างสุดเสียง ที่ถูกป้าหลี่บีบคอจนหายใจไม่ออก โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยหรือเข้าไปห้ามปราม
ไม่นานนัก ป้าหลี่ค่อย ๆ คลายมือที่บีบคอซูปี้ชิงลงอย่างช้า ๆ จากนั้นหันไปคุกเขาเบื้องหน้าเฉินพู่ “ใต้เท้าเฉิน สิ่งที่บ่าวทำไปทั้งหมดล้วนเป็สิ่งที่ฮูหยินใหญ่บงการให้บ่าวทำตามเ้าค่ะ!”
“ฮูหยินใหญ่ใช้ให้บ่าวไปซื้อไป๋เซียนเจ๋อ เพื่อหวังวางยาพิษให้คุณหนูสามถึงแก่ความตาย เื่ที่คุณหนูสามจะได้แต่งกับคุณชายหกจะได้เป็อันโมฆะไปเ้าค่ะ”
“อีกอย่าง การเสียชีวิตของคุณชายรอง ก็เป็ฝีมือของฮูหยินใหญ่ที่ว่าจ้างให้นักฆ่าไปทำ เป้าหมายเพื่อโยนความผิดทั้งหมดให้กับคุณหนูสามเพื่อหมายกำจัดนางให้พ้นทาง การที่ตู้ซานมาที่นี่นั้นไม่ใช่เื่บังเอิญ แต่กลับเป็เื่ที่ฮูหยินใหญ่ได้วางแผนมาแล้วเป็อย่างดีเ้าค่ะ!”
ป้าหลี่ยกมือชี้ไปที่ชายวัยกลางคนที่ใส่ร้ายมู่อวิ๋นจิ่น พร้อมกับเอ่ยด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก
ตู้ซานผู้นี้เห็นว่าสถานการณ์ทิศทางลมได้เปลี่ยนไปแล้ว จึงหันไปหาเฉินพู่คุกเข่าคำนับที่พื้น ตอบอย่างละล่ำละลัก “สิ่งที่ป้าหลี่กล่าวออกมาทั้งหมดเป็ความจริงขอรับ กระผมได้รับการว่าจ้างมาจากฮูหยินใหญ่ ถึงมาใส่ร้ายคุณหนูสามให้โดยเฉพาะขอรับ”
ในเวลานี้สีหน้าของซูปี้ชิงซีดเซียวเป็ไก่ต้ม เดิมทีนางคิดว่าวันนี้จะสามารถกำจัดมู่อวิ๋นจิ่นได้ง่ายดาย และเป็ไปอย่างราบรื่น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกกระทำย่ำยีแบบนี้
“ซูปี้ชิง เ้านี่มันงูอสรพิษชัด ๆ เสียแรงที่อี้หยางและเซิงผิงต่างเรียกเ้าว่าฮูหยินใหญ่ ทว่าเ้ากลับทำเขาแบบนี้?”
“วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเ้าให้ได้ เพื่อช่วยแก้แค้นให้กับบุตรชายของข้าที่ไม่ได้มีโอกาสฟืนคืนมาได้อีก!” หลังจากสิ้นเสียง เว่ยหานเฉี่ยว ปิ่นในมือนางก็พร้อมลงไปปักได้ทุกเมื่อ
ทันทีที่เห็นสถานการณ์ดูเลยเถิดไปแล้ว บรรดาองครักษ์ที่อยู่ด้านข้างต่างสาวเท้าเข้ามาผลักให้เว่ยหานเฉี่ยวออกไปไม่ให้อยู่ใกล้
มู่อวิ๋นจิ่นคอยมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด ก่อนจะเหลือบตาหันมองไปที่อัครเสนาบดี “ท่านพ่อ แท้จริงแล้ววันนั้นที่ฮูหยินรองถูกไล่ออกจากจวน ท่านแม่ก็ทราบได้ทันทีว่าขวดกระเบื้องนั้นต้องมีบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล การกระทำของฮูหยินใหญ่เพียงเพื่อ้าให้ฮูหยินรองและพี่รองออกไปจากจวนเท่านั้นเอง”
…
“ฮูหยินใหญ่ มีอะไรจะพูดหรือไม่?”
เฉินพู่ถอดถอนใจออกมาเสียงแ่เบา หันมองซูปี้ชิงที่สีหน้าซีดเผือด ตามด้วยมู่หลิงจู “คุณหนูสี่ การที่ให้เฉาผานเข้าเมืองมาได้ง่ายนั้น ไม่รู้เลยว่าจะกระทำการอะไรบ้าง? ”
มู่หลิงจูชะงักงัน ในแววตาเผยถึงความหวาดกลัว ริมฝีปากเผยอขยับขึ้นลง กระนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา
ซูปี้ชิงเห็นสถานการณ์ดำเนินเป็เช่นนี้ก็อับจนปัญญา จนคุกเข่าทั้งสองข้างลงอย่างแรงเบื้องหน้าเฉินพู่ พลางเอ่ยเสียงอ่อนขึ้นว่า “ซูปี้ชิงยอมรับผิดทุกประการเ้าค่ะ”
“ที่จริงแล้วข้าเป็คนใช้ให้ป้าหลี่ไปซื้อไป๋เซียนเจ๋อ ส่วนเฉาผานก็ถูกข้าสั่งให้อ้างชื่อจูเอ๋อร์เข้ามาในจวนอัครเสนาบดี อีกอย่างข่าวลือที่เกี่ยวกับอี้หยางและอวิ๋นจิ่น เป็ข้าเองที่ใช้ให้อี้หยางเป็คนแพร่กระจ่ายข่าวลือนั้นออกไป”
“เื่เมื่อคืนก็เป็ฝีมือของข้าที่สั่งให้นักฆ่าไปสังหารอี้หยาง หมายจะโยนความผิดทิ้งให้อวิ๋นจิ่น!”
“เื่ชั่วช้าผิดบาปเหล่านี้ล้วนเป็ฝีมือของข้าเองทั้งสิ้น”
มู่หลิงจูพอได้ยินที่ซูปี้ชิงเอ่ยปากยอมรับผิดออกมา น้ำตาพลันเอ่อล้นไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ด้วยรู้ว่าหลังจากนี้ เื่ทุกอย่างนางต้องพึ่งพาตนเองเป็แน่แล้ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองดูภาพเหตุการณ์ที่อยู่เบื้องหน้าด้วยอารมณ์สาแก่ใจ โดยไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจซูปี้ชิงแม้แต่น้อย
มู่อวิ๋นจิ่นเคยเตือนซูปี้ชิงมาก่อน ทั้งยังให้โอกาสมาแล้ว ทว่านางกลับยังถือทิฐิ ดื้อด้านในความคิดชั่วช้าของตน สมควรแล้วที่จะได้รับผลจากการกระทำเ่าั้ไป
“เห้อ คนเรามิอาจตัดสินจากภายนอกได้จริง ๆ ดูอย่างฮูหยินใหญ่ที่ดูอ่อนโยนเอาแล้วกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะกระทำเื่ที่เลวร้ายได้มากถึงเพียงนี้”
“อีกทั้งเื่ต่างๆ ที่กระทำมามากมาย มีจุดหมายเพียงอย่างเดียวคือให้บุตรสาวแท้ ๆ ของตนต้องตายลง ไม่รู้ว่าจิตใจของนางทำด้วยอะไรกันแน่ ช่างใจดำอำมหิตเหลือเกิน!”
จู่ ๆ ฉินไท่เฟยเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจเสียเท่าไหร่ พลางหันไปทางมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความสงสารเห็นใจที่เพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ
เ้าเด็กน้อยคนนี้ ชีวิตช่างลำบากเสียนี่กระไร ยังดีที่ฟ้าดินมีตา มิปล่อยให้ต้องตายอยู่ในน้ำมือของซูปี้ชิง
“นายท่าน เื่นี้ท่านมีความเห็นว่าเยี่ยงไร?” เฉินพู่ชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็หันมาสบตาอัครเสนาบดีมู่
อัครเสนาบดีมู่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ริ้วรอยบนหน้าผากหยักย่นเป็ชั้น ๆ เข้าหากันด้วยความผิดหวังและทุกข์ระทมใจ
“เชิญใต้เท้าเฉินใช้กฎหมายบ้านเมืองในอาณาจักรซีหยวนลงโทษสถานหนักได้เลย!”
เฉินพู่พยักหน้ามองดูเหตุการณ์อันวุ่นวาย ก่อนตบลงไปที่โต๊ะเสียงดังสนั่น และเปล่งเสียงด้วยความหนักแน่นว่า “ซูปี้ชิงบงการให้คนไปสังหารคนอื่น มีโทษมหันต์ พรุ่งนี้ในยามอู่สือ*ให้ปะาที่กลางตลาด!”
(*่เวลาั้แ่ 11.00-13.00 น.)
หลังจากซูปี้ชิงได้ยินคำว่า “ปะา” ขาทั้งสองข้างของนางก็พลันอ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรงล้มพับลงไปกับพื้น ดวงตาทั้งสองข้างกลับกลอกไปมา หน้าตาซีดขาวด้วยความหวาดกลัว
นางพ่ายแพ้แล้ว!
สุดท้ายนางก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมู่อวิ๋นจิ่นอยู่วันยังค่ำ!
พอคิดมาถึงตรงนี้ ซูปี้ชิงก็แสยะยิ้มออกมา ทอดสายตามองไปที่มู่อวิ๋นจิ่น พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นางชั้นต่ำ อย่าคิดดีใจเร็วจนเกินไป ข้าจะรอเ้าอยู่ในนรก!”
“เหอะ ๆ ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นั่น…”
…
หลังจากที่การไต่สวนเสร็จสิ้น มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเดินออกมาข้างนอก ััได้ถึงอากาศรอบตัวที่สดใส ก่อนจะค่อย ๆ เผยยิ้มมุมปากออกมา
มู่อวิ๋นหานเดินเทียบเข้ามาข้างกายมู่อวิ๋นจิ่น ใบหน้าแสดงความผ่อนคลายและยิ้มน้อย ๆ “เ้านี่เก่งแล้ว อีกหน่อยไม่จำเป็ต้องให้พี่ชายปกป้องแล้ว”
มู่อวิ๋นจิ่นชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นค่อย ๆ หันมองไปที่มู่อวิ๋นหาน ด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึก “พี่ใหญ่โทษน้องคนนี้หรือไม่?”
เพราะอย่างไรเสีย ซูปี้ชิงก็เป็ท่านแม่ของมู่อวิ๋นหาน
มู่อวิ๋นหานกลับส่ายหน้าไปมา “ท่านแม่ทำความผิดร้ายแรง หากมีชีวิตอยู่ต่อไปอาจทำเื่เลวร้ายหนักขึ้นกว่าเดิมอีก คงมีเพียงความตายที่จะสามารถปลดเปลื้องได้ดีที่สุด”
“ความคิดของพี่ใหญ่ ช่างไม่เหมือนคนปกติทั่วไปเสียจริง” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ
ในระหว่างก่อนที่มู่อวิ๋นจิ่นกำลังจะก้าวออกมาข้างนอก เสียงของฉู่ชิงหยวนก็ร้องเรียกขึ้น “พี่อวิ๋นจิ่น รอข้าด้วย…”
เมื่อได้ยินเสียงฉู่ชิงหยวนดังจากข้างหลัง มู่อวิ๋นจิ่นจึงหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังฉู่ชิงหยวนและฉู่ลี่ ที่กำลังเดินตรงมาที่นาง
เมื่อทั้งสองคนมายืนอยู่เบื้องหน้า มู่อวิ๋นจิ่นได้เผยยิ้มมุมปากออกมา “เื่ในวันนี้ต้องขอบพระทัยองค์ชายหกและองค์หญิงเก้าด้วยเพคะ”
“อืม” ฉู่ลี่ตอบรับเสียงนิ่ง พร้อมกับกวาดสายตามองขึ้นลงไปที่ตัวของมู่อวิ๋นจิ่น
ฉู่ชิงหยวนได้เห็นดังนั้น พลันยกมือขึ้นมาปิดปากและอมยิ้ม “เมื่อครู่ที่พี่อวิ๋นจิ่นกำลังถูกไต่สวนนั้น พี่หกรีบร้อยเอ่ยปากช่วยอย่างร้อนใจ ด้วยกลัวจะเกิดเื่ที่ไม่คาดคิดขึ้นกับพี่อวิ๋นจิ่น!”
“ชิงหยวนอย่าพูดอะไรไปเรื่อยเช่นนั้น” ฉู่ลี่แอบมองชิงหยวนตาขวางด้วยความไม่พอใจเสียเท่าไหร่
ฉู่ชิงหยวนรีบยกมือขึ้นมาป้องปากอมยิ้ม และรีบวิ่งหนีจากไป
ทางด้านมู่อวิ๋นหานมองไปทางฉู่ชิงหยวนที่วิ่งจากไป ด้วยแววตาระคนความใคร่รู้บางอย่างเอาไว้ และยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยไม่ได้เอ่ยถามคำใด
“องค์ชายหก วันนี้หม่อมฉันเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนเพคะ” มู่อวิ๋นจิ่นรีบฉกฉวยโอกาส และส่งยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะหันหลังรีบเดินจากไป
มู่อวิ๋นหานรีบเดินตามมู่อวิ๋นจิ่นเพื่อกลับไปที่จวนอัครเสนาบดี
…
บนรถม้า มู่อวิ๋นจิ่นขึ้นไปนั่งข้างหน้าต่าง ยกมือขึ้นมานวดขมับอย่างเบามือ มู่อวิ๋นหานที่นั่งอยู่ด้านข้างมองอย่างอมยิ้ม “เดิมทีเป็ห่วงว่าถ้าแต่งไปอยู่ที่พระตำหนักองค์ชายหกแล้วจะเสียเปรียบ ดูท่าตอนนี้ฉู่ลี่ก็ไม่ใช่คนที่ดูไร้เหตุผล”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นทั้งสองข้าง “พี่ใหญ่ดูออกได้อย่างไรว่าเขาเป็คนไม่ไร้เหตุผล?”
“ในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย องค์ชายหกฉู่ลี่ภายในนอกเงียบขรึมเ็า แต่เป็คนที่แยกแยะความชอบความชังได้เป็อย่างดี ดูอย่างวันนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายยังช่วยสตรีคนหนึ่งพูดโกหกอยู่เลย อย่างนี้จะเป็คนที่ไร้เหตุผลได้เช่นไร?”