วันถัดมา หลินเยว่ตื่นมาจากการนอนหลับฝันหวาน เมื่อลงมาถึงร้านอาหารใต้โรงแรมเขาจึงพบว่าเฮ่อโย่วจ้างมาถึงตั้งนานแล้ว
“ตื่นแต่เช้าเชียว” หลินเยว่ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงฝั่งตรงกันข้ามกับเฮ่อโย่วจ้าง
เฮ่อโย่วจ้างเพียงตอบกลับ “อืม” อย่างราบเรียบเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ แต่กลับก้มหน้าก้มตาทานข้าวของตนเองต่อไป
หลินเยว่เรียกพนักงานออกมา และสั่งอาหารของตนเองเมื่อรอจนอาหารของเขายกเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว หลินเยว่จึงถามขึ้น“วันนี้ยังไปที่ถนนหินหยกใช่หรือเปล่า?”
เฮ่อโย่วจ้างได้ยินคำถามนี้จึงหยุดการทานข้าวแล้วเงยหน้ามองหลินเยว่เงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต่อ
หลินเยว่ลูบจมูกของตัวเองเพราะทำตัวไม่ถูกเขาเข้าใจความหมายของสายตาของเฮ่อโย่วจ้างประโยคนี้ของเขาช่างเป็ประโยคที่ไร้สาระจริงๆ เพราะหากพวกเขาไม่ไปที่ถนนหินหยกแล้วพวกเขาจะไปที่ไหนได้อีก พวกเขามาที่นี่เพื่อ้าพนันหินหยกไม่ใช่หรือ?
ทานอาหารเสร็จแล้วหลินเยว่และเฮ่อโย่วจ้างจึงเดินมาที่ถนนหินหยกอีกครั้ง และก็เหมือนเมื่อวานนั่นก็คือเมื่อเดินถึงถนนสายนี้พวกเขาทั้งสองก็แยกกันเดินและยังคงนัดแนะกันไว้ว่าตอนหกโมงเย็นเจอกันที่นี่เหมือนเดิมส่วนเื่อาหารกลางวันนั้น... หากใช้คำพูดของเฮ่อโย่วจ้างก็คือ ปากของคุณก็อยู่บนตัวของคุณ!
เมื่อมองเื้ัของเฮ่อโย่วจ้างที่ดูเ็าหลินเยว่จึงได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอดไม่ได้ เขารู้สึกได้ว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายไม่ได้เป็คนเ็าแต่ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้ว่าจะคุยกับคนอื่นอย่างไรดีมากกว่า ซึ่งอาจเกิดจากการที่เขาอยู่กับหินหยกมาั้แ่เด็กๆ
แล้วหลินเยว่ก็คิดถึงเฮ่อหลันเยว่ปีศาจน้อยตัวแสบคนนั้นเขาจึงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ พี่ชายน้องสาวคู่นี้ช่างมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
ช่างเป็ครอบครัวที่น่าสนใจจริงๆ!
หลินเยว่ส่ายศีรษะแล้วเดินไปตามเส้นทางที่เขาได้วางแผนไว้ครั้งนี้เขาเริ่มเดินจากจุดที่เมื่อวานเขาเดินถึงเป็จุดสุดท้ายแล้วก็มุ่งหน้าเดินต่อไปจากจุดนี้ทันที
เขาเดินไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่ตรงด้านหน้าของแผงร้านหนึ่ง เหลือบตามองชั่วครู่แล้วก็เดินมุ่งหน้าต่อไปไม่มีหินหยกที่น่าสนใจ หินหยกจำนวนมากมายบนถนนหินหยกของเถิงชง กลับไม่มีหินหยกที่น่าสนใจเลยสักนิดเดียวหลินเยว่รู้สึกผิดหวัง เขารู้ดีว่าหินหยกมีจำนวนมากมายแต่สามารถผ่าได้หยกมีโอกาสเพียงหนึ่งในหมื่น แต่ทว่าเขาก็ยังคาดหวังว่าเขาจะสามารถมีโอกาสเพียงเหลือบมองก็พบหินหยกที่น่าสนใจแต่ดูเหมือนมันจะเป็ความละโมบจนเกินไปอยู่เหมือนกัน
หลินเยว่ก็เดินดูต่ออีกหลายแผง เขาพบว่าหินหยกที่มีลักษณะค่อนข้างดีล้วนมีคนกำลังหยิบขึ้นมาสังเกตอยู่ทั้งหมดและตัวเขาเองก็ไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปดูได้เลย วงการนี้มีธรรมเนียมคือห้ามแย่งสินค้ากันหากมีคนกำลังสำรวจหินหยกก้อนไหนอยู่ ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปแย่งได้เลย นอกเสียจากอีกฝ่ายไม่คิดจะซื้อแล้วคนอื่นถึงจะสามารถเสนอราคาได้ถึงแม้ว่าคุณจะมองออกว่าภายในหินหยกก้อนนั้นจะมีหยกอยู่ด้านใน 100% คุณก็ทำได้เพียงมองตาปริบๆ เฉยๆ เท่านั้นเอง
คุณทำอะไรไม่ได้เลยเพราะนี่เป็ธรรมเนียมปฏิบัติของวงการนี้
ไม่ว่าใครก็ต้องเคารพและปฏิบัติตาม
การพนันหินหยก ถึงแม้ว่าจะใช้คำว่า “การพนัน”แต่เป็เพราะว่ามันเป็การพนันจึงจำเป็ต้องมีกฎระเบียบหรือธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีและเข้มงวดยิ่งกว่าก็เหมือนกับถนนหินหยกสายนี้ มีพวกเศรษฐีเยอะแยะเต็มท้องถนน แต่กลับไม่มีโจรสักเท่าไรนั่นเป็เพราะหากพวกโจรถูกจับได้แล้วจะต้องถูกตัดมืออย่างเดียวถึงแม้ว่าตำรวจจะมาก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้น พวกโจรจึงไม่กล้ามา
ข้อมูลเหล่านี้เป็ส่วนที่หลินเยว่รู้มาจากเฮ่อโย่วจ้างในใจของเขาจึงรู้สึกตลกกับการกระทำของตนเองที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
หลินเยว่เดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจนัก เขาพลันเห็นผู้ชายที่มีเนื้อตัวสกปรกผมเผ้ารุงรังอยู่ที่มุมหนึ่งทั้งตัวของเขาดูมอมแมมมันเยิ้ม วันที่อากาศร้อนจัดเช่นวันนี้ก็ยังคงสวมชุดหนาๆอยู่ดี ราวกับว่าเขาไม่รับรู้ถึงความร้อนหรือความหนาว ดูเหมือนกับขอทานแต่ก็ดูเหมือนกับคนสติไม่ดี ดวงตาดูไม่มีชีวิตชีวา บนใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นดินมองไม่ออกว่ามีอายุเท่าไร มือของเขาทำท่าตัดไปมาอยู่เป็ระยะๆดูเหมือนว่าจะเป็ท่าลงมีดอยู่เหมือนกัน
เมื่อเห็นคนท่าทางแบบนี้ หลินเยว่ก็รู้สึกหดหู่ใบหน้าของเขาแสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา
ดังนั้น หลินเยว่จึงเดินไปหยุดตรงหน้าแผงขายหินหยกร้านหนึ่งเขาชี้ไปยังคนตรงมุมนั้นแล้วถามขึ้น “คนคนนี้เป็ใครหรือ?”
เมื่อเห็นทิศทางที่หลินเยว่ชี้ไปเ้าของแผงจึงถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วพูดตอบ “ไม่มีใครรู้จักคนคนนี้แต่เขาอยู่บนถนนสายนี้มาหลายปีแล้ว คนที่ขายหินหยกบนถนนสายนี้ต่างรู้จักเขาเขาสติไม่ดี หากไม่ใช่เป็เพราะคนที่นี่ซื้ออาหารให้เขาทุกวันเขาคงตายเพราะความหิวโหยไปนานแล้วล่ะ เขา...... เฮ่อ! ไม่พูดดีกว่า!”
เ้าของแผงโบกไม้โบกมือใส่หลินเยว่ดูเหมือนว่าจะมีเื่ราวที่พูดไม่ออก
“คุณรู้ไหมว่าทำไมเขาถึงได้กลายเป็แบบนี้ล่ะ?”หลินเยว่ถามขึ้น
“รู้สิ คนที่นี่รู้กันหมดแหละคนที่พนันเจ๊งมีอยู่ไม่น้อย เป็บ้าไปแล้วก็ไม่ได้มีแต่เขาคนนี้เท่านั้น ความจริงการที่สติไม่ดีมันก็เป็ผลดีอยู่เหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมาน” เ้าของแผงได้แต่ทอดถอนใจ
“เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?” หลินเยว่นั่งลงยองๆแล้วถามขึ้น
เ้าของแผงเห็นว่าหลินเยว่ยังหนุ่มยังแน่นดังนั้น เขาจึงถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “เห็นว่าคุณเป็หนุ่มขนาดนี้ ผมก็ถือว่าสอนบทเรียนบทหนึ่งให้คุณฟังละกันความจริง คนขายหินหยกอย่างผมไม่ควรพูดเื่พวกนี้หรอกนะเพราะว่าคนในวงการนี้ปกติจะเล่าแต่การพนันได้ แต่จะไม่เล่าการพนันเจ๊งน่ะสิ”
หลังจากนั้นเ้าของแผงจึงเล่าเื่ราวเมื่อหลายปีก่อนอย่างละเอียดออกมา
“เมื่อ 9 ปีก่อนคนคนนี้มาที่นี่เพื่อพนันหินหยก เขาพกทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองมาที่นี่น่าจะประมาณแสนกว่าหยวน เขาขลุกอยู่ที่นี่เป็เวลาหนึ่งเดือนถึงได้เลือกหินหยกออกมาก้อนหนึ่งแต่ผลปรากฏว่าพอตัดหินหยกก็ตัดเจ๊งทันที เขาแพ้พนันจนหมดเนื้อหมดตัวและการลงมีดครั้งนี้ก็เป็การทำลายสมองของเขาลงไปด้วย นับั้แ่ตอนนั้นเป็ต้นมาเขาก็กลายเป็คนสติไม่ค่อยดี มือของเขาก็จะทำท่าตัดหินหยกอยู่ตลอด ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากที่ไหน และก็ไม่มีใครรู้ว่าครอบครัวของเขาเป็อย่างไรเกือบสิบปีแล้วที่เขามีชีวิตอยู่บนถนนสายนี้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เ้าของแผงก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ “นี่เป็ตัวอย่างที่เห็นกันจะจะตัวอย่างหนึ่งคนที่มาพนันหินหยกที่นี่ต่างจะต้องเคยเห็นเขา แต่กลับไม่มีใครย้อนคิดได้จากความผิดพลาดของเขาหลายปีมานี้คนที่พนันเจ๊งเกิดขึ้นแทบทุกวัน ล้มละลายจนหมดเนื้อหมดตัวก็มีอยู่ไม่น้อยะโตึกฆ่าตัวตายก็มี หากแค่สติไม่ดีอย่างเขาก็อาจจะดีเหมือนกันอย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอยู่!พ่อหนุ่ม คุณยังเด็กนัก วงการพนันหินหยกนี้มันมีความซับซ้อนมากนัก คุณยังอ่อนวัยยังแข็งแรงอยู่เลย หางานอื่นๆ สักงานแล้วก็มีชีวิตสงบสุขเรียบง่ายไม่ดีกว่าหรือ?ทำไมต้องมาพนันหินหยกด้วยล่ะ? ผมอยู่บนถนนสายนี้มายี่สิบกว่าปีแล้วเห็นคนมาเยอะแล้วล่ะ ฟังคำเตือนจากผมนะ วงการนี้มันซับซ้อนมาก ไม่เหมาะกับคุณหรอกคำพูดแบบนี้หลุดออกมาจากปากของคนที่ขายหินหยกอย่างผมอาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสมนักแต่สิ่งที่ผมพูดมันเป็ความจริงทั้งหมด วงการนี้... มันซับซ้อนจริงๆ......”
หลินเยว่ฟังออกว่าคำพูดเ้าของแผง้าจะเตือนและห้ามเขาไว้
เขาแอบคิดในใจ ไม่ใช่ว่าคนค้าขายจะเป็พวกเ้าเล่ห์เอาแต่ได้เพียงอย่างเดียวอย่างน้อยคนตรงหน้าผู้นี้ก็ไม่ใช่เช่นนั้น
หลินเยว่ไม่สามารถบอกอีกฝ่ายว่าตนเองมีพลังพิเศษตาทิพย์ที่ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอนแต่ทว่าคำพูดของเ้าของแผงผู้นี้ก็ได้ฝังลึกลงในจิตใจของเขา เพราะนอกจากเขาแล้วคงไม่มีใครกล้าพูดว่าตนเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีวันพ่ายแพ้ในวงการพนันหินหยก แม้กระทั่งเหล่าปรมาจารย์แห่งหยกก็ยังไม่กล้าพูดเช่นนี้เลย
ทั้งๆ ที่รู้ว่าการพนันหินหยกมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ก็มีคนจำนวนมากที่เหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเดินก้าวเข้ามาในตลาดการพนันหินหยก บางทีอาจจะมีความฝันที่จะได้ร่ำรวยขึ้นในคืนเดียวหรือบางทีอาจจะคิดว่าต้องยอมเสี่ยงมากหน่อยถึงจะมีโอกาสร่ำรวยขึ้นมาบ้าง
แต่ทว่าการหางานสักงานที่มีความมั่นคงเรียบง่ายทำมันไม่ดีตรงไหนล่ะ?
หลินเยว่มีชีวิตที่กินอิ่มนอนหลับอยู่ไม่ลำบากมาตลอดเขารู้สึกว่าชีวิตของเขาก็ดีพอแล้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเศรษฐีมีเงินในเมื่อมีเงินเยอะขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังคิด้าให้มากขึ้นไปอีกเขาไม่เข้าใจเศรษฐีเ่าั้ และเศรษฐีเ่าั้ก็ไม่เข้าใจเขาเช่นกัน
หลินเยว่เหลือบมองผู้ชายที่อยู่ตรงมุมนั้นที่ยังคงทำท่าตัดหินหยกอยู่เป็ระยะๆในใจของเขาเกิดความรู้สึกสงสารและเห็นใจ พลัน... เขาเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
เขาพยักหน้ารับตามคำพูดของเ้าของแผง “ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับการเตือนของท่านเป็อย่างมากแล้วยังมีอีกเื่ที่ผมอยากจะรบกวนสอบถามจากท่านสักหน่อย ท่านรู้เบอร์โทรศัพท์ของสถานสงเคราะห์แถวๆนี้หรือเปล่าครับ?”
สถานสงเคราะห์?
เ้าของแผงอึ้งไปชั่วครู่หลังจากนั้นเขาจึงมองหลินเยว่ด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ แล้วถามขึ้น“ความหมายของคุณก็คือ...... คุณคิดจะส่งเขาไปยังสถานสงเคราะห์อย่างนั้นหรือ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้