สถานการณ์กาบริเอลไม่สู้ดีนัก เพราะากับเหล่าสัตว์ปีศาจ ที่กินเวลานานกว่าที่คิดหนทางเดียวที่เธอจะช่วยเหลือผู้คนได้คือหนทางนี้เท่านั้น
“เรียกอีวอน และลอร์ดเควินมาพบเราที” นาเซียบอกอันที่ยืนนิ่งอยู่ตรงข้างประตูห้องทำงาน มันเป็เวลาหลายวันแล้วที่เธอนั่งอ่านเอกสารรายงานต่าง ๆ อย่างที่มิกาเอลเคยทำ จดหมายจากพระราชวังแจ้งการหายตัวไปของดยุกนิโกลา มันช่างเป็เื่ที่ไม่สมเหตุสมผลเลยพวกเขาปล่อยให้ดยุกบ้านั้นหายตัวไป คงเพราะหน่วยกำลังอัศวินที่ลดน้อยลงทำให้ใครบางคนสามารถเข้าไปช่วยเหลือดยุกนิโกลาได้
ก๊อก ก๊อก
“ลอร์ดเควิน และเลดี้อีวอนมาแล้วค่ะ” อันเคาะประตูบอกในขณะที่ เธอยังคงก้มหน้าจ้องจดหมายนั่น เธอควรที่จะรีบจัดการสถานการณ์ตรงหน้าเสียก่อน
“ท่านหญิงเรียกฉันมามีเื่อะไรหรือคะ” อีวอนยืนนิ่งหลังจบคำถาม
“ตอนนี้เสบียงต่าง ๆ ของเราลดลงไปมาก จากที่ลอร์ดเควินรายงานมาดิฉันคิดว่าควรที่จะเปิดประตูปราสาทให้ชาวเมืองเข้ามาพักก่อนเป็การชั่วคราว ส่วนเื่คนเจ็บดิฉันจะคุย กับเลดี้เซลีนอีกครั้ง” คำตอบที่ออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดขัดแย้งในความคิดเห็นของเธอ
“ครับ... ข้าจะไปบอกให้อัศวินพวกนั้นเปิดประตูปราสาทให้ชาวเมืองด้านนอกเข้ามา” ลอร์ดเควินตอบก่อนจะหมุนตัวออกไป อีวอนเดินเข้ามาใกล้หน้าต่างที่เป็ม่านหมอกบาง ๆ เคลือบอยู่ นางจ้องมองไปยังกลุ่มควันที่คอย ๆ สงบลง
“ดูเหมือนว่า ไม่นานท่านพี่ก็คงจะกลับมาแล้วซินะ” อีวอนเอ่ยขึ้นราวกับรู้ว่าาเพิ่งจบลงไป มันคงเป็สัญชาตญาณที่แฝดอีกคนจะรู้การมีอยู่ของอีกคน นาเซียกังวลใจเธออยากรู้ว่ามิกาเอลจะเป็เช่นไรเขาจะสามารถมายืนตรงหน้าเธออีกได้หรือไม่
ชาวเมืองกาบริเอลที่ยังคงเหลือคอย ๆ ทยอยพากันเข้ามาบริเวณเขตปราสาท และลอร์ดเควินก็เป็ผู้นำพาพวกเขาทั้งหมดไปยังอาคารอีกหลังที่ค่อนข้างกว้างขวาง ลานฝึกซ้อมเต็มไปด้วยกระโจมเล็ก ๆ สำหรับผู้ที่แข็งแรงดี ส่วนด้านในอาคาร คือที่พักพิงสำหรับผู้ที่ได้รับาเ็
“เลดี้เซลีนคะ ฉันอยากให้คุณช่วยรักษาพวกเขาไม่ทราบว่าพลังของคุณ..”
“ไม่เป็ค่ะ พลังของฉันค่อนข้างแข็งแกร่งขึ้นมาก เพราะหินเวทนี้มันช่วยเพิ่มขีดจำกัดให้กับดิฉันไม่น้อยเลย” เซลีนยกมือจับหินเวทสีแดงทับทิมที่อยู่บนคอของนางขึ้นพร้อมตอบเธออย่างมั่นใจ มันคือหินเวทเพียงชิ้นเดียวที่นาเซียมอบให้ไว้ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับลาฟาซ
“ฉันคิดว่าหากเลดี้ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยตัวตน ฉันมีวิธีค่ะ” นาเซียยกมุมปากเป็มุมโค้ง ดวงตาของเธอเป็ประกายราวกับเต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่เธอกำลังจะทำ
หินเวทมากมายถูกเคลื่อนย้ายมายังห้องนอนของเซลีนตามคำสั่งของเธอ สาวใช้ต่าง ๆ มากมายต่างก็จ้องมองกับการกระทำเช่นนั้นของนาเซีย แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากเอ่ยถามถึงเหตุผล นาเซียให้เซลีนถ่ายพลังเยียวยาของนางลงในหินเวทกักเก็บ เพื่อนำไปให้ลอร์ดเควินจัดการส่งให้กับชาวเมืองที่าเ็ ซึ่งมันได้ผลเป็อย่างมาก
นาเซียนั่งกุมกะหมับสองข้างอีกครั้งเมื่อรายงานเสบียงที่ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ เธอต้องจัดการอะไรบางอย่างก่อนที่จะรอให้มิกาเอลกลับมา ‘เมืองหลวง’ สิ่งเดียวที่เธอคิดออกตอนนี้คือการเดินทางไปยังพระราชวังเพื่อทูลเื่นี้ต่อองค์จักรพรรดิพุชคาเรน เพื่อให้พวกเขาช่วยเหลือเสบียงที่กำลังใกล้จะหมด
แกร๊ก!! หนึ่งดังขึ้นตัดความเงียบในห้องทำงานมิกาเอล นาเซียขนลุกวูบไปทั้งตัวเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามาเป็ผู้ใด
“สวัสดีพระชายา ไม่เจอกันเสียนานเลยนะ” ดยุกนิโกลา หรือแวนเนอร์ ดรอป เขากำลังยืนแสยะยิ้มอยู่ตรงหน้าเธอ นาเซียลุกจากเก้าอี้ไม้ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวราวกำลังระวังท่าที
“ลอร์ดแวนเนอร์?”
“ทำไม คงคิดว่าข้าคงตายไปแล้วซินะ ตระกูลของเ้ากล้าหักหลังข้ายังงั้นเหรอ” เสียงสถบและน้ำลายที่ถ่มออกมามันทำให้เธอต้องพยายามตั้งสติตนเองไว้ เพราะในตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังวุ่นวายกับชาวเมืองที่เ็ป สาวใช้ในปราสาทนี้ก็ถูกส่งไปช่วยงาน
“ลอร์ดเข้าใจผิดแล้ว ตระกูลดาร์เรลไม่เคยคิดหักหลังผู้ใด”
“เหอะ!! แล้วไอ้คนขี้ขลาดอย่างบิดาเ้า ไม่เรียกว่าหักหลัง แล้วข้าควรจะเรียกว่าอะไรดีพระชายา” ใบหน้าที่ดูซูบตอบ ขอบตาดำคล้ำที่กำลังขึงตามองมาที่เธอ นาเซียพยายามจะควานหาบางสิ่งจากบนโต๊ะแต่ก็มีเพียงกระดาษกับปากกาขนนกเท่านั้น แม้แวนเนอร์จะดูซูบผอมไปมากแต่ข้อมือเล็ก ๆ ของเธอก็คงไม่มีแรงพอที่จะโต้ตอบเขาได้ นาเซียพยายามชายตามองเพื่อหาสิ่งช่วยเหลือ ‘เซลีน?’ นาเซียมองเซลีนที่หยุดยืนมองจ้องอยู่ที่ประตู ใจของเธอแทบอยากจะะโบอกให้นางหนีไป มันดูอันตรายหากเขารู้ว่านางอยู่ด้านหลัง เธอต้องเบี่ยงเบนความสนใจที่จะไม่ให้แวนเนอร์หันหลังกลับไปมอง
“แล้วท่าน้าให้ข้าช่วยท่านอย่างไร ตอนนี้ทั้งดยุกและองค์รัชทายาทต่างก็ได้ทอดทิ้งข้าไปแล้ว ถ้าข้าช่วยท่าน ท่านจะตอบแทนข้าด้วยอะไรละ” เธอเอ่ยทั้งที่แววตาไม่สามารถหันเหไปทางอื่นได้ แวนเนอร์ค่อย ๆ ขยับเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะยกมือหยาบกระด้างของเขาบีบล็อกลำคอระหงของเธอไว้
“คิดจะลองใจข้ายังงั้นรึ ข้าไม่โง่หลงเชื่อคำพูดของพวกเ้าแน่” แวนเนอร์ขบกรามสบถเสียงลอดไรฟัน นาเซียยกมือคว้าข้อมือหนา ๆ ของเขาเพื่อผ่อนคลายความเ็ปนั่น แต่มือของเขาก็หนักราวกับว่าเป็คีมที่หนีบบล็อกไว้จนแน่น นาเซียหายใจไม่ออกเธอพยายามที่จะไม่ดิ้นรน ตอนนี้เธอได้แต่ตัดพ้อภายในใจดูเหมือนว่าเธอทำอะไรไม่ได้เลย ลมหายใจที่เริ่มขาดตอน ภาพตรงหน้าเริ่มฝ้ามัวไปหมด
เพล้ง!!! เสียงบางสิ่งที่กระทบบางอย่างดังขึ้น ร่างของเธอถูกปล่อยออกจนเซล้มไปพิงกับโต๊ะทำงานด้านหลัง เซลีน นางใช้แจกันใบใหญ่ฟาดไปที่ศีรษะของดยุกนิโกลา ดูเหมือนว่าเขาจะหมดสติไปทันที
“คุณไม่เป็อะไรนะคะ” เซลีนรีบวิ่งตรงเข้ามาประคอง ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยไปที่แวนเนอร์เล็กน้อย
“ฉะ..ฉันไม่เป็ไรค่ะ” นาเซียมองร่างที่สลบแน่นิ่งอยู่ที่พื้น โชคดีที่เซลีนกล้าหาญสามารถทำให้เธอหลุดพ้นจากเงื้อมมือของแวนเนอร์ได้