ฉินเฟิงจับแขนขาของหยุนเซียวและยังไม่ยอมแพ้เขาพร้อมที่จะทนไว้หลังจากผ่านตอนนี้ไปได้หยุนเซียวอาจจะขจัดความกลัวของตัวเองได้อย่างหมดจด
ฉินเฟิงกดแขนและขาของเธอหยุนเซียวดิ้นสุดแรงเกิด แต่ก็ไม่สามารถหลุดได้ ตอนนี้เธอเริ่มกรีดร้องเธอหมดแรงและยกหัวกระแทกกับขอบตู้ข้างเตียง “ฉันไม่ไหวแล้ว ฉันกำลังจะตาย!”
ฉินเฟิงตาแหลมและรีบปล่อยมือเขาจับเอวที่บางของหยุนเซียวและดึงหลังเธอขึ้นมา เมื่อเขาเห็นหยุนเซียวบ้าไปแล้วฉินเฟิงก็ไม่กล้าทำต่อหากเป็อย่างนี้ต่อไปเขากลัวว่าจะบังคับให้เธอเป็บ้าไปเสียก่อนที่จะรักษาความกลัวของเธอ
“ครูหยุนเซียว อย่ากลัวไปเลย ผมฉินเฟิงเอง ผมกำลังจะลงแล้วผมจะไม่แตะต้องคุณอีกแล้ว...ครูหยุนเซียว ตื่น!”
ฉินเฟิงคลานออกจากตัวของหยุนเซียวเขากุมใบหน้าของเธอและเขย่า หยุนเซียวค่อยๆ ใจเย็นลงและหยุดะโหลังจากนั้นไม่กี่นาที เส้นเืสีแดงในดวงตาของเธอก็ค่อยๆ หายไปและความเ็าที่แผ่ออกมาจากร่างของเธอก็กลับคืนมาแล้วเธอก็นอนแผ่อยู่บนเตียงและจ้องเพดานด้วยความงุนงง
“ฉินเฟิง กะ...เกิดอะไรขึ้นกับครูเมื่อกี้เหรอ?” หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่งหยุนเซียวถามทันที
“ไม่มีอะไรมากหรอก ครูหยุนเซียวให้ความร่วมมือในการรักษาดีมากตอนนี้การรักษาจบแล้ว ดังนั้นครูหยุนเซียวพักเถอะ” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หยุนเซียวพยักหน้าเธอรู้ว่าตอนแรกเธอไม่รู้สึกตัวเลย แต่ก็ดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอดูแผ่นหลังของฉินเฟิงที่กำลังห่างออกไป และทันใดนั้นก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้“ฉินเฟิง เธอรู้หรือเปล่าว่าหลินเป้ยเป้ยอยู่ไหน?”
ฉินเฟิงหยุดเท้าเขาหันกลับมาถามขณะที่ยืนอยู่หน้าประตู “เกิดอะไรขึ้นกับหลินเป้ยเป้ย?”
“เธอไม่ได้มามหา’ ลัยสองวันแล้ว เธอรู้หรือเปล่าว่าหลินเป้ยเป้ยไปไหน?”
ฉินเฟิงขมวดคิ้วทันที“ครูหยุนเซียว เธอไม่ได้ไปมหา’ ลัยั้แ่ตอนไหน?”
ฉินเฟิงและหยุนเซียวรู้จักหลินเป้ยเป้ยดีเธอเป็นักเรียนที่ขยัน เธอไม่เคยโดดเรียนโดยไม่มีเหตุผลอย่าว่าแต่ไม่มาเรียนสองวันเลย
หยุนเซียวคิดก่อนแล้วก็พูด“สามวันก่อน”
ฉินเฟิงคำนวณในใจและรู้ว่าหลินเป้ยเป้ยไม่ได้ไปมหา’ลัยั้แ่ที่เขาไปซื้อของกับเธอ
“ฉินเฟิง มีบางอย่างที่ครูไม่รู้ว่าควรจะบอกเธอดีหรือเปล่า”คิ้วคมยาวของหยุนเซียวขมวดเล็กน้อยเธอนึกถึงเื่ที่เธอช่วยหลินเป้ยเป้ยในสนามกีฬา เธอลังเลและไม่รู้ว่าจะพูดดีไหม
“ครูหยุนเซียว ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดเลย”ฉินเฟิงเริ่มเคร่งเครียดและรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“สี่วันก่อน ครูเห็นหลินเป้ยเป้ยโดนฉุดเข้าป่าเล็กๆขณะที่ครูอยู่ในสนามกีฬา เธอเกือบจะโดนข่มขืน” หยุนเซียวกล่าวออกไป“ยังดีที่ครูไปช่วยทันเวลา”
“ใคร? ใครหน้าไหนมันบังอาจทำแบบนั้นกัน?” ฉินเฟิงคำรามทันที ั์ตาของเขาแดงฉานและดูเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย
หยุนเซียวสะดุ้งใเธอส่ายหัว “ครูไม่รู้ ตอนที่ครูไปถึง คนคนนั้นก็หนีไปแล้ว ครูถามหลินเป้ยเป้ยแต่เธอก็ไม่ยอมพูดว่าใคร”
ฉินเฟิงเงียบสมองของเขาคิดคำนวณอย่างรวดเร็ว ไม่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆหลินเป้ยเป้ยถึงโทรหาเขาและให้เขาไปหาเธอที่สโมสรหวงเจียไม่สงสัยว่าทำไมเธอแตกต่างจากก่อนหน้านี้และอ้อนเขามากไม่สงสัยว่าทำไมใบหน้าของเธอถึงบวมแดงเล็กน้อยเธอแม้แต่หาข้ออ้างบอกว่าเธอแพ้เครื่องสำอาง...เธอไม่จำเป็ต้องใช้เครื่องสำอางด้วยซ้ำ
นั่นต้องเป็เพราะเธอโดนตบตอนที่เธอขัดขืนนั่นเอง
ฉินเฟิงหักนิ้วเขาหันหลังและหายออกทางประตูห้อง
ก่อนที่หยุนเซียวจะรู้สึกตัวฉินเฟิงก็หายไปแล้วเธอรีบะโ “ฉินเฟิง ถ้าเธอหาหลินเป้ยเป้ยเจอแล้วโทรบอกให้ครูรู้ด้วยนะว่าหลินเป้ยเป้ยไม่เป็ไร!”
...
ณโรงพยาบาลชั้นหนึ่งในเมืองเว่ยเฉิง ห้องผู้ป่วยหนัก
หลินเป้ยเป้ยนั่งอยู่ข้างเตียงของแม่ของเธอเธอกำลังปอกแอปเปิลด้วยสีหน้าว่างเปล่า
“อ๊ะ!”
ทันใดนั้นเธอก็ร้องด้วยความเจ็บเธอขมวดคิ้วที่คมยาวและมีเสน่ห์พร้อมกับก้มหัวดูดนิ้วที่โดนบาด
“เป้ยเป้ย เป็อะไรหรือเปล่า? ทำไมลูกไม่ระวังเลยล่ะ?รีบให้แม่ดูเร็ว” หัวใจของแม่หลินเ็ปเนื่องจากลูกสาวของเธอโดนบาดเพราะปอกแอปเปิลให้เธอ
“แม่ หนูไม่เป็ไร แม่นอนพักเถอะ”หลินเป้ยเป้ยหาผ้าพันแผลในห้องและทำแผลของเธอ “แม่ กินแอปเปิลสิ”
แม่หลินหยิบแอปเปิลแต่เธอจะหิวได้อย่างไร? ลูกสาวของเธออยู่ในโรงพยาบาลกับเธอมาสามวันเต็มเธอไม่แม้แต่จะไปมหาวิทยาลัย ในระหว่างสามวันนี้เธอดูเหมือนสูญเสียิญญาเธอนั่งเหม่อลอยที่หน้าต่างทุกวัน มีสองสามครั้งที่แม่หลินเรียกเธอแต่เธอไม่ได้ยิน
“เป้ยเป้ย มีอะไรอยากจะบอกแม่หรือเปล่า?” แม่หลินพาหลินเป้ยเป้ยมาที่ข้างเตียงและลูบหัวของเธอเบาๆ
หลินเป้ยเป้ยโผเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ทันทีและะเิบ่อน้ำตาออกมา
เธออดทนมาสามวันไม่มีใครให้เธอระบายสิ่งที่อยู่ในใจและเธอก็ไม่กล้าที่จะนำเื่นี้มาบอกแม่ของเธอเธอย้ายออกจากสโมสรหวงเจียแล้ว ตอนนี้เธอไร้บ้านดังนั้นเธอจึงทำได้แค่ใช้เวลาของเธออยู่ในโรงพยาบาล
ด้วยคำขู่ของอวี่เหวินเสียงเธอกลัวที่จะไปมหาวิทยาลัยมากขึ้น หากเธอไปจ๊ะเอ๋กับอวี่เหวินเสียงที่มหาวิทยาลัยเขาจะต้องหยุดเธอและลักพาตัวเธอไปแน่นอน หลินเป้ยเป้ยเป็เหมือนกับลูกแกะหลงทางเธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป
“ปล่อยมันออกมาให้หมด แล้วมันจะไม่เป็ไร”เมื่อแม่หลินเห็นว่าลูกสาวของตัวเองร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าขนาดไหนหัวใจของเธอก็เ็ป เธอไม่ได้ให้ชีวิตที่มั่งคั่งหรือสุขสบายแก่ลูกสาวของเธอแถมเธอยังทำให้หลินเป้ยเป้ยต้องตกระกำลำบากแทน
การที่ได้แอบซ่อนอยู่ในอ้อมกอดของแม่ความรู้สึกเหมือนกับนอนในอ้อมกอดของฉินเฟิงทั้งคู่ให้ความรู้สึกที่ปลอดภัย หลินเป้ยเป้ยร้องไห้ออกมาสักพักหนึ่งแล้วอารมณ์ของเธอก็ค่อยๆ มั่นคง และผละออกจากอ้อมกอดของแม่พร้อมกับนั่งลง
“เป้ยเป้ย เป็เพราะฉินเฟิงหรือเปล่า?” แม่หลินถามขึ้นมาทันที
ร่างอรชรของหลินเป้ยเป้ยสั่นเธอพยักหน้านิดหน่อย
“ลูกตกหลุมรักเขาเหรอ?” แม้ว่าเธอจะสามารถบอกได้แต่แม่หลินก็ยังอยากได้ยินคำตอบจากลูกสาวของเธอ
“แม่ อย่าถามอีกเลย” หลินเป้ยเป้ยอายเล็กน้อย เธอก้มหัวและกำชายเสื้อ
แม่หลินยิ้ม“แล้วเขารู้สึกอย่างไรกับลูกล่ะ?”
หลินเป้ยเป้ยลังเลไปพักหนึ่งเธอไม่สามารถบอกได้ว่าฉินเฟิงรู้สึกอย่างไรกับเธอและนั่นเป็เหตุผลที่ทำไมเธอถึงเ็ปมากขนาดนี้ เขาดูแลเธอดีมากและคอยปกป้องเธอแต่เขาไม่ได้ทำให้มันชัดเจน และสามวันก่อน เขาแม้แต่ปฏิเสธเธอ
“เป้ยเป้ย ตอนนี้ลูกเป็ผู้ใหญ่แล้ว มีบางอย่างที่แม่ไม่สามารถปกป้องลูกได้แต่แม่ยังกังวลเกี่ยวกับลูก มันเป็เื่ธรรมดาที่ลูกจะชอบใครสักคนแต่ลูกต้องเข้าใจนิสัยใจคอและด้านอื่นๆ ของคนคนนั้นดังนั้นลูกจะได้รู้ว่าเขาคุ้มค่าหรือไม่ อย่าประมาทและอย่าโดนหลอกล่ะ”
“แม่ หนูรู้ ไม่ต้องห่วง...หนูจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย”หลินเป้ยเป้ยรู้ว่าแม่เป็ห่วงเธอแต่เธอไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับฉินเฟิงได้เธอจึงหาข้ออ้างหนีออกมาจากห้อง
“เป้ยเป้ย ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อย่าไปไหนไกลนักล่ะ แค่เดินเล่นในโรง’บาลและกลับมาก็พอ”