อัศวินหวาดกลัวจนสมองว่างเปล่า นอกจากจะฉี่ราดแล้วน้ำลายยังไหลย้อยออกมาจากมุมปากอีกด้วย ท่าทางของเขาเหมือนคนโง่ คำพูดของซุนเฟยเหมือนดาบที่เปล่งประกายวาววับ ความตายกำลังแผ่อยู่เหนือหัวของเขา ราวกับว่าหากเขาลังเลแม้แต่นิดเดียว เขาก็จะกลายเป็เนื้อบดในชั่วพริบตา หูของเขายังคงได้ยินเสียงร้องโหยหวนของสหายที่กำลังกระเสือกกระสนอยู่บนพื้น อยู่ไม่สู้ตาย อัศวินไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย เขารีบคุกเข่าลงเหมือนสุนัขกระดิกหางประจบเอาใจเ้านาย คลานเข้ามาพลางแลบลิ้นออกมาเลียทำความสะอาดรองเท้าของซุนเฟย หลังจากเลียเสร็จก็เงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้มประจบประแจง…
ซุนเฟยแสยะยิ้มพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “ไอ้พวกสวะรักตัวกลัวตายอาศัยบารมีเ้านายมาทำกร่างอย่างเ้า คู่ควรกับคำว่าอัศวินไหม”
“ไม่คู่ควร ไม่คู่ควรเลย ข้าไม่ใช่อัศวิน ข้าเป็แค่อัศวินธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง...ฝ่าา ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยฝ่าา...” อัศวินที่คุกเข่าอยู่บนพื้นพยายามอ้อนวอนอย่างสุดชีวิต ร่างกายของเขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ไม่มีท่าทางหยิ่งยโสโอหังก่อนหน้านี้อีกแล้ว เหมือนกับสุนัขที่ทำทุกอย่างเพื่อให้มีชีวิตรอด
“ข้าไม่สังหารเ้าหรอก!” ซุนเฟยพูด
“อ๋า? ฝ่าาทรงพระเจริญ! ฝ่าาทรงพระเจริญ! ขอบพระทัยองค์าาอเล็กซานเดอร์ เป็พระมหากรุณาธิคุณยิ่งนัก ข้า...” อัศวินได้ยินดังนั้นก็พลันดีใจ พยายามประจบประแจงสุดชีวิต
ซุนเฟยทนฟังไม่ไหวจึงพูดตัดบทเขา “ข้าไม่สังหารเ้า แต่มีบางคนที่จะสังหารเ้า” พูดจบ ซุนเฟยก็หันไปกวักมือเรียกเด็กหนุ่มที่ได้รับาเ็ก่อนหน้านั้น ด้วยประสิทธิภาพของ ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดกลาง’ ตอนนี้ เด็กหนุ่มคนนั้นจึงหายเป็ปกติอาจจะมีแค่อาการเหนื่อยล้าเล็กน้อย เขายืนอยู่ด้านหน้าสุดด้วยการประคองของสหาย เมื่อเห็นอเล็กซานเดอร์กวักมือเรียก เขาจึงเดินเข้าไปหาอย่างตื่นเต้นพลางคุกเข่าลงกับพื้นตามมารยาทของขุนนางที่กำลังเข้าเฝ้าาา
“ผู้กล้าตัวน้อย เ้ามีนามว่าอะไร?” ซุนเฟยถามยิ้มๆ
“ข้าตอร์เรสขอรับ นามของข้าคือเฟร์นันโด ตอร์เรส” เด็กหนุ่มตอบเสียงสั่นๆ ด้วยความตื่นเต้น ในาปกป้องเมืองแซมบอร์ดก่อนหน้านี้ เขาถูกเรียกให้เกณฑ์ทหารในวันสุดท้าย เขาสมัครใจที่จะถืออาวุธขึ้นไปยืนบนกำแพงด้วยตัวเอง ทว่าเขาก็ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมาที่แท้จริง แต่เหตุการณ์เมื่อตอนบ่าย ทำให้เขาได้เห็นความห้าวหาญของาาอเล็กซานเดอร์ที่บุกตะลุยเข้าไปโรมรันกับเหล่าข้าศึกที่สนามรบอย่างดุเดือด ในตอนนั้นเอง ตอร์เรสได้ยกองค์าาให้เป็วีรบุรุษของตัวเอง ในใจของเด็กหนุ่มทุกคนต่างมีความฝันที่จะได้เป็วีรบุรุษ เขาได้สาบานในใจว่าหลังจากนี้ไปเขาจะต้องกลายเป็นักรบผู้กล้าหาญเช่นเดียวกับองค์าาอเล็กซานเดอร์ ที่แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่โหดร้ายและความตายที่น่ากลัว แต่พระองค์ก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดังนั้น ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นอัศวินของราชอาณาจักรเซนิทดูิ่แองเจล่า ตอร์เรสก็เป็คนแรกที่ออกมาต่อว่า
ซุนเฟยตบบ่าตอร์เรส ก่อนจะใช้ปลายเท้าเตะดาบของอัศวินที่อยู่บนพื้นให้ลอยขึ้นมา ก่อนจะรับดาบไว้แล้วส่งดาบในมือให้แก่เขา “ตอร์เรส เ้ากล้าสังหารคนไหม?”
ตอร์เรสลังเลอยู่สักพัก ทีแรกก็จะพูดว่าไม่ แต่ฉับพลัน ฉากสังหารหมู่บนสะพานหินเมื่อตอนกลางวันผุดขึ้นมา เขากัดฟัน ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าา ข้ากล้าขอรับ!”
“งั้นก็ดี เ้าเป็ตัวแทนข้าไปสังหารไอ้สวะทุกตัวที่กล้าดูถูกเมืองแซมบอร์ดเสีย” ซุนเฟยชี้ไปทางอัศวินที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น อัศวินผู้โชคร้ายคนนี้แม้กระทั่งความกล้าที่จะต่อต้านก็ไม่มี เมื่อเห็นตอร์เรสถือดาบเข้ามาก็ไม่กล้าแม้จะขยับตัว แค่ยันตัวแนบหัวลงกับพื้นก็ยากลำบากแล้ว
นี่เป็ครั้งแรกที่ตอร์เรสสังหารคน
ความจริงแล้วตอนที่เขาก้าวไปหาอัศวินคนนั้นทีละก้าว ในใจก็เต้นตุบตับ แต่ดาบในมือก็จ้วงแทงไปอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเืก็พุ่งกระเด็นออกมาเปรอะหน้าของเขา ตอร์เรสกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างในจิติญญาของตัวเองกำลังถูกจุดขึ้นมา เขาไม่มีความกลัวใดๆ อีกแล้ว เืในกายเหมือนจะเดือดพล่านขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ดีมาก เฟร์นันโด ตอร์เรส จากวันนี้ไปเ้าจะกลายมาเป็องครักษ์ส่วนตัวของข้า!” ซุนเฟยพอใจกับการกระทำของตอร์เรสมาก
เมื่อเขาได้เห็นเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ยืนขวางหน้าแองเจล่าเพื่อปกป้องนางและรักษาเกียรติภูมิของเขา แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับดาบอันแหลมคมในมือของอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทก็ไม่คิดจะถอยหนีสักนิด ซุนเฟยจึงรู้สึกดีกับเด็กหนุ่มอายุสิบหกปีคนนี้มาก คนเราจะแสดงความกล้าหาญออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อต่อเมื่อได้เปรียบในการอาวุธ สำหรับคนอ่อนแอ หากเขาไม่พึ่งพาความกล้าหาญก็จะไม่อาจสะท้อนให้เห็นถึงจิติญญาที่แท้จริงได้ เห็นได้ชัดว่า แม้ว่าจังหวะที่แทงดาบเข้าไปจะสั่นเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มผมบลอนด์ทองตรงหน้าก็ยังฉายแววของนักรบที่แท้จริงออกมา
“เอ๋?”
ตอร์เรสนิ่งอึ้ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนถูกความสุขที่ตกลงมาจากฟากฟ้าทับร่างของตน เขาทั้งมึนงงทั้งไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายก็ได้ยินเสียงของสหายที่อยู่ไกลๆ ร้องเตือนสติขึ้นมา เขาจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความซาบซึ้งกับพระมหากรุณาธิคุณของาา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ด้านหลังซุนเฟย ยังคงรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ แอบลอบหยิกขาตัวเองด้วยซ้ำ ซึ่งความเจ็บพวกนี้ก็บอกเขาว่าทุกสิ่งไม่ใช่ความฝัน ตัวเองได้กลายเป็องครักษ์ส่วนตัวขององค์าาอเล็กซานเดอร์ที่เป็วีรบุรุษของตัวเอง ทั้งยังรับรู้ถึงสายตาอิจฉาของเหล่าสหายที่อยู่ห่างออกไป ตอร์เรสค่อยๆ ยืดหลังตรงให้ตัวเองดูเหมือนนักรบที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม
ทว่ารองหัวหน้าอัศวินเซมัคที่อยู่ตรงหินรูปปั้นฝั่งตรงข้ามนั้นเริ่มรู้สึกว่าหัวของตัวเองมีไม่พอใช้เสียแล้ว
เป็แค่าาปัญญาอ่อนของอาณาจักรระดับหกที่อ่อนแอเหมือนมดตัวหนึ่ง แต่ทำไมเขาถึงกล้าที่จะสังหารอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทต่อหน้าผู้คนจำนวนมากอย่างไม่เกรงกลัวเชียวหรือ? ทำไมเขากล้า? เซมัคยกมือ ชี้นิ้วสั่นๆ ไปที่หน้าซุนเฟย ริมฝีปากสั่นระริกพูดไม่ออกสักคำ เมื่อครู่ตอนที่ประมือกัน อีกฝ่ายเหมือนสะบัดมือแบบลวกๆ แต่การโจมตีของเขากลับสลายคลื่นพลังที่ปกคลุมบนร่างของเซมัค ไม่เพียงสลายคลื่นพลังของเขา แต่ยังทำลายความเชื่อมั่นของเซมัคที่แสนหยิ่งทระนงอีกด้วย และนั่นทำให้อัศวินผู้สูงส่งคนนี้เข้าใจถึงความต่างชั้นของพลังตัวเองและองค์าาหนุ่มคนนี้
ซุนเฟยจัดการเหล่าทหารกลุ่มนี้เสร็จก็แสยะยิ้มเ็า รังสีฆ่าฟันทิ่มแทงไปทั่วกระดูก ค่อยๆ เดินไปทางเซมัคทีละก้าวแล้วพูดว่า “พูดสิ ไอ้สวะ เ้าอยากตายอย่างไร?”
ตอนนี้เอง สมองของรองหัวหน้าอัศวินก็สับสนวุ่นวายไปหมด
เขาพลันโง่เขลาขึ้นมา
เดิมทีเขาคิดว่า แม้าาหนุ่มคนนี้จะกำเริบเสิบสาน กล้าสังหารอัศวินไม่กี่คนเท่านั้น แต่เขาไม่คิดว่ามันจะฆ่าตัวเองด้วย ความจริงอัศวินพวกนั้นเป็เพียงข้ารับใช้ชั้นต่ำเท่านั้น แต่สำหรับนายทหารที่โดดเด่นของราชอาณาจักรทั้งยังเป็คนสนิทขององค์ชายเซอร์คอฟ องค์ชายลำดับที่สองที่มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์ต่อจากจักรพรรดิยาซิน ด้วยฐานะที่พิเศษกว่าใครแบบนี้คงไม่กล้าที่จะลงมือสังหารเขาแน่...แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด าาที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้คงไม่ปล่อยตัวเองไปแน่ๆ
ในที่สุดเซมัคก็ลนลานด้วยความกลัว
ฐานะรองอัศวินแห่งราชอาณาจักรใหญ่ไม่อาจคุ้มครองเขาได้ พลังนักรบสองดาวก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ ด้วยฐานะทั้งสองอย่างนี้ ทำให้เมื่อก่อนเขากำเริบเสิบสานข่มขู่อาณาจักรบริวารอื่นๆ ได้ แต่คาดไม่ถึงว่าตอนนี้มันจะล้มเหลว เซมัคได้รู้แล้วว่าตัวเองมันอ่อนแอแค่ไหน เขาเริ่มตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
เขาถอยหลังไปเรื่อยๆ ท่าทางเย่อหยิ่งอยู่เหนือผู้อื่นก่อนหน้านี้ไม่มีอีกแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเตรียมวิ่งหนี
ตอนนี้เอง
“บังอาจ! อเล็กซานเดอร์ เ้าหยุดมือเดี๋ยวนี้นะ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากฝูงชน ดวงตาของเซมัคเป็ประกาย เพราะเขามองเห็นองค์ชายน้อยโตรบินสกี้แหวกทางฝูงชนเข้ามากลางวง
“ฝ่าา ฝ่าาช่วยข้าด้วยขอรับ เมืองแซมบอร์ดก่อฏ าาที่ชั่วร้ายคนนี้ที่จริงแล้วคิดจะต่อต้านราชอาณาจักรเซนิท…” เซมัคไม่สนใจภาพลักษณ์รองหัวหน้าอัศวินตัวเอง ด้วยความกลัวเขารีบกลิ้งไปอยู่ข้างๆ องค์ชายน้อยโตรบินสกี้ คุกเข่าแล้วเริ่มร้องไห้ออกมาอย่างโศกเศร้า “โเี้มากเลยขอรับ าาคนนี้ทั้งชั่วร้ายและโเี้ เขาสังหารอัศวินแห่งราชอาณาจักรไม่พอ ยังสั่งให้คนไปล้อมคณะทูตอีกด้วยขอรับ!”
เซมัคสาดโคลนไปที่ซุนเฟยอย่างหน้าด้านๆ
องค์ชายน้อยโตรบินสกี้มองเห็นร่างไร้ลมหายใจของเหล่าอัศวินนอนอยู่บนพื้น ก่อนจะมองไปที่รองหัวหน้าอัศวินเซมัคที่อยู่ในสภาพน่าสังเวชอีกครั้ง ดวงตาก็พลันขึ้งโกรธขึ้นมาก่อนจะหันไปมองซุนเฟย “องค์าาอเล็กซานเดอร์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น หวังว่าจะมีคำอธิบายที่น่าพอใจสำหรับเื่นี้ให้แก่ข้า!”
องค์ชายน้อยโตรบินสกี้รู้สึกสนุกสนานไปกับงานเลี้ยงคืนนี้ ที่อาณาจักรเล็กๆ ในเขตทุรกันดารนี้ เขามีความสุขและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีอาจารย์ที่เข้มงวดมาคอยเตือนตัวเองว่านี่ทำไม่ได้นั่นทำไม่ได้ เขาไม่ต้องคอยสังเกตสายตาและวาจาของจักรพรรดิยาซินผู้เป็บิดา ยิ่งไปกว่านั้นไม่ต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่ชายทั้งสองอย่างอาร์ชาวินและเซอร์คอฟ เขารู้สึกถึงความอบอุ่นของชาวบ้านที่นี่ การเต้นรอบกองไฟเป็ประสบการณ์แปลกใหม่ ความรู้สึกสนุกสนานแบบนี้เกิดขึ้นน้อยมากยามที่เขาอยู่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
เขาไม่เคยมีประสบการณ์กับงานเลี้ยงแบบนี้มาก่อน แม้ว่าในตอนแรกโตรบินสกี้จะรู้สึกไม่พอใจและมีอคติกับาาอเล็กซานเดอร์ แต่มันก็ค่อยๆ สลายไปอย่างช้าๆ เมื่อครู่เขาได้ฟังชาวบ้านเมืองแซมบอร์ดที่อยู่รอบๆ เล่าถึงความกล้าหาญของอเล็กซานเดอร์ ในใจเขายังคิดว่า ดูเหมือนว่าาาที่ชื่ออเล็กซานเดอร์เป็คนหนุ่มที่ไม่เลวและน่าสนใจมาก บางทีตัวเองและเขาสามารถเป็สหายกันได้...
แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เนื่องจากมีฝูงชนรวมตัวกันแออัดมาก ตอนที่เขามาถึงเื่ราวก็ดำเนินไปมากกว่าครึ่งแล้ว ดังนั้นเื่ราวทั้งหมดองค์ชายน้อยจึงไม่รู้แน่ชัด แต่ไม่ว่าที่รองหัวหน้าอัศวินเซมัคพูดจะเป็จริงหรือไม่นั้น ในฐานะองค์ชายแห่งราชอาณาจักร โตรบินสกี้รู้สึกว่าศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรกำลังได้รับการยั่วยุ เขาจำเป็ต้องปรากฏตัวออกมา หากอเล็กซานเดอร์ไม่มีคำอธิบายที่มีเหตุผลมากพอ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก
แต่คำตอบของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมาก รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
“อธิบาย? อธิบายอะไร?”
ซุนเฟยเหยียดยิ้มออกมาอย่างดูถูก ราวกับได้ยินเื่ตลกบางอย่าง เขาไม่แม้แต่จะหยุดเดินสักนิด ยังคงก้าวเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ทีละก้าว มีดสั้นสีทองในมือซุนเฟยราวกับเคียวยมทูต มันแผ่บรรยากาศเย็นะเืทิ่มแทงไปทั่วกระดูก ดวงตาซุนเฟยคมดุจมีด เขาพูดอย่างเ็าว่า “องค์ชาย อย่าเลือกทำสิ่งที่ผิดเลย จะหลีกหรือจะตาย!”
“เ้า...”
องค์ชายน้อยโกรธมาก
วินาทีนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าตัวเอง แต่ไม่สงสัยเลยว่าหากเขายังคงยืนขวางเซมัคต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ อีกฝ่ายจะสังหารเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่ด้วยศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็องค์ชายแห่งราชอาณาจักรใหญ่ ทำให้เขาไม่ยอมลดศักดิ์ศรีเหมือนอัศวินคนก่อนหน้านี้ที่กระดิกหางประจบซุนเฟย แม้ว่าโตรบินสกี้จะไม่ใช่วีรบุรุษที่กล้าหาญอะไร ก่อนหน้านี้ยังแสดงท่าทางเกเรได้อย่างน่ารังเกียจอีกด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้องค์ชายน้อยรู้แค่ว่าสิ่งที่เขาปกป้องไม่ใช่รองหัวหน้าอัศวินเซมัค แต่เป็ศักดิ์ศรีของราชอาณาจักรเซนิท
แม้ว่าโตรบินสกี้จะรู้ว่าสู้ไปก็แพ้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงดึงดาบที่ข้างเอวตัวเองออกมาอยู่ดี
“หืม?”
ซุนเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับท่าทางที่องค์ชายน้อยแสดงออกมา คาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนลูกผู้ดีมีเงินจะมีความเข้มแข็งขนาดนี้...แต่ มันก็เท่านั้น เขายังคงเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ โดยไม่หยุด ัเองก็มีเกล็ดย้อน หากไปแตะมันเข้า ัก็จะสังหารทันทีโดยไม่สนใจ อย่าว่าแต่คนตรงหน้าจะเป็องค์ชายแห่งราชอาณาจักรเซนิทเลย ต่อให้เป็จักรพรรดิยาซินแห่งราชอาณาจักรเซนิท ซุนเฟยก็กล้าสังหารเขาอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
ขณะนั้น ท่ามกลางมุมมืดโต๊ะหินข้างๆ ลานกว้าง มีใครบางคนกำลังจะทนไม่ไหว
“เด็กหนุ่มคนนั้น ช่างอวดดีเสียจริง...” นักรบหญิงซูซานที่สวมเสื้อคลุมสีดำหลบอยู่ในเงามืดพูดขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว นางหันมาพูดกับคนที่สวมชุดคลุมที่อยู่ข้างกายว่า “องค์หญิงเ้า ให้ข้าไปสังหารมันเถอะเ้าค่ะ”
“เ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา” องค์หญิงส่ายหน้าเบาๆ
“จะเป็ไปได้อย่างไร? ฝ่าา เื่นี้ข้าไม่เห็นด้วยเ้าค่ะ ข้าเป็ถึงนักรบสามดาว แม้ว่าเซมัคสุนัขรับใช้ที่น่ารังเกียจขององค์ชายรองจะพ่ายแพ้ แต่ข้าแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คู่มือของข้าแน่!” เห็นได้ชัดว่านักรบสาวซูซานไม่อาจยอมรับข้อวินิจฉัยขององค์หญิงได้
องค์หญิงส่ายหน้า ไม่สนใจซูซาน แต่หันหลังหันมาพูดกับอีกคนว่า “หัวหน้าอัศวินโรมัน ครั้งนี้รบกวนท่านลงมือด้วยตัวเองทีนะ”
“รับด้วยเกล้าขอรับองค์หญิง” ชายในชุดคลุมสีดำดึงผ้าคลุมหัวลง ภายใต้แสงไฟสะท้อนให้เห็นถึงร่างกายสูงใหญ่กำยำ เป็นักรบผมทองที่มักจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าอยู่เสมอ
“จริงสิ ชายที่ชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ช่างน่าสนใจจริงๆ หัวหน้าอัศวินโรมัน ท่านไม่ต้องประมือกับเขานะ แค่พาจิมมี่กลับออกมาอย่างปลอดภัยก็พอ” องค์หญิงพูดเสริมขึ้นมา น้ำเสียงของนางยังคงระโหยโรยแรงเช่นเดิม
“เอ๋?” นักรบผมทองชะงัก “ฝ่าา แล้วรองหัวหน้าอัศวินเซมัค...”
“ฮึๆๆ สุนัขชั้นต่ำแบบมันให้มันตายที่นี่ได้ยิ่งดี มันไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร หลายปีมานี้ มันแอบกระทำเื่ต่ำช้าเสื่อมเสียเกียรติยศให้กับราชอาณาจักรเซนิทมาไม่น้อย ถึงเวลาแล้วที่จะต้องลงโทษมัน” องค์หญิงพูดเสียงแ่เบา
ชายผมทองชะงักไปไม่กี่วินาทีก่อนจะพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วขอรับ ฝ่าา” พูดจบร่างสูงใหญ่ของเขาก็หายไปทันที
“องค์หญิงเ้าคะ ไอ้สุนัขรับใช้เซมัคแม้ว่ามันจะสมควรตาย แต่เขาก็เป็คนสนิทขององค์ชายรองเซอร์คอฟนะเ้าคะ หลายปีมานี้มันคอยทำงานสกปรกๆ เพื่อองค์ชายรองเซอร์คอฟมาไม่น้อย เกรงว่าหากมันตาย เมื่อถึงเวลาองค์ชายรองคงไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่เ้าค่ะ” นักรบสาวซูซานเอ่ยเตือนขึ้นมา
------------------------------------