“แน่นอนว่า ข้ามาหาเ้าต่างหาก”
จ้าวอี้กล่าวออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด หลายวันมานี้ เขาถูกเสด็จพ่อและเสด็จแม่กักบริเวณ เขาอยากจะมาหาเหนียนยวี่เนิ่นนานแล้ว เพียงแค่ได้อยู่ด้วยกันกับเหนียนยวี่เท่านั้น เขาก็รู้สึกว่าทุกรูขุมขนในร่างกายสบายอย่างยิ่ง
“มาหาหม่อมฉันหรือ?” เหนียนยวี่มุมปากกระตุก จ้าวอี้มาหานางเพื่อเล่นสนุก นางเข้าใจได้ ทว่าจ้าวเยี่ยน...
“ท่านอ๋องมาหาหม่อมฉันด้วยเหตุใดหรือ?” เหนียนยวี่เอ่ยถาม พลางชำเลืองมองจ้าวเยี่ยน
“ทำไมหรือ? ข้าเป็เปี่ยวเกอของเ้า จะมาหาเ้าไม่ได้หรือ? ใช่สิ...” จ้าวอี้ราวกับคิดอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกาย “พรุ่งนี้เสด็จป้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับราชทูตจากหนานเยวี่ยและเชิญข้าไปแล้ว เ้าเองก็รู้ว่างานเลี้ยงเช่นนั้นน่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง ทว่าเพื่อหน้าตาของเสด็จป้า ข้าจะไม่ไปก็ไม่ได้ จะไม่ดีกว่านี้หรือถ้าเ้าจะไปเป็เพื่อนข้า เป็อย่างไรเล่า?”
เสด็จป้าหรือ?
เป็งานเลี้ยงที่ฉางไทเฮาจัดหรือ?
เหนียนยวี่เหลือบมองจ้าวเยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ในชั่วขณะนั้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีแวบผ่านดวงตาที่สงบนิ่งของเขาและหายไปในพริบตา
เหนียนยวี่เข้าใจบางสิ่งบางอย่างทันที
ท่านอ๋องมู่ช่างใสซื่อเสียจริง หลีอ๋องกับฉางไทเฮา แท้ที่จริงพวกเขา้าจะเชิญนางด้วย ทว่าด้วยท่าทีของตัวนางที่มีต่อหลีอ๋อง พวกเขาเลยกังวลว่านางจะปฏิเสธ ดังนั้นจึงให้จ้าวอี้ทำเช่นนี้งั้นหรือ?
จ้าวอี้ผู้น่าสงสาร ช่างเชื่อในตัวเสด็จพี่หลีอ๋องของตนเองเสียจริง ไม่รู้เจตนาร้ายที่พี่ชายแอบซ่อนไว้
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว แอบซ่อนสายตาเหยียดหยามดูิ่ที่แวบผ่านั์ตา
ทว่าเหตุใดฉางไทเฮาถึง้าเชิญนางไปงานเลี้ยงด้วย
ในหัวของเหนียนยวี่ผุดภาพเงาร่างสตรีที่สง่างาม อากัปกิริยาสงบนิ่งผู้นั้น ในใจนางพลันอดสงสัยไม่ได้
“อย่างไรเล่า? เ้าเงียบคือตอบตกลงแล้วนะ ไม่อนุญาตให้มาเสียใจทีหลังเล่า” จ้าวอี้เอ่ย แย้มยิ้มดีใจให้เหนียนยวี่ราวกับประสบความสำเร็จอะไรบางอย่าง
เหนียนยวี่ชะงักงันไปครู่หนึ่ง ตกลงแล้วงั้นหรือ?
นางแอบกวาดสายตามองหลีอ๋องจ้าวเยี่ยน ไม่พลาดท่าทีสีหน้าประหนึ่งโล่งอกของเขา ดูเหมือนหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผู้นี้จะอยากให้นางไปงานเลี้ยงอย่างมาก!
แล้วมันจะสำคัญอย่างไร ถ้านางทำตามเจตนาของเขา
ฉางไทเฮาไม่มีทางทำเื่ที่ไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน สัญชาตญาณบอกนางว่า งานเลี้ยงที่จะจัดในเรือนพำนักไม่ง่ายดายเยี่ยงนั้นอย่างแน่นอน
นางอยากจะลองดูเสียจริงว่า สองแม่ลูกคู่นี้จะทำสิ่งใดในงานเลี้ยง
ข่าวเื่ฉางไทเฮาจะเป็เ้าภาพจัดงานเลี้ยงที่เรือนพำนักพรุ่งนี้ แพร่สะพัดไปยังจวนหนานกง
ั้แ่เมื่อวานที่เหนียนอีหลานถูกพาเข้าไปในวัง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็ไปจวนหลีอ๋อง เพื่อขอเข้าพบ ทว่าหลีอ๋องกลับปฏิเสธตลอด
หนานกงเยวี่ยถูกจำกัดบริเวณให้อยู่แต่ในหอหลานเยวี่ย ทว่านางยังคงส่งคนไปฟังข่าวที่จวนหนานกง ทว่าเื่เื้ักำแพงวังหลวง แม้ตระกูลหนานกงจะมีอำนาจมากเท่าใดก็ยังต้องงุนงง เช้าวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงให้หนานกงเลี่ยฉวยโอกาสตอนเข้าเฝ้าฮ่องเต้ว่าราชการในท้องพระโรง สืบข่าวเื่เหนียนอีหลาน ทว่ายังคงไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหลังจากคืนนั้น แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเหนียนอีหลานที่ถูกนำตัวเข้าวังไป
คงจะดีหากฮองเฮาให้หมอหลวงรักษาอาการาเ็ให้นาง ทว่าหากฮองเฮาอวี่เหวินยังคงโกรธเกรี้ยวไม่หาย แม้นางจะนึกถึงหน้าตาของสกุลหนานกง และไม่สั่งสังหารอีหลานก็ตาม แต่ที่ขาดไม่ได้ คือเกรงว่านางคงจะทรมานเหนียนอีหลานอยู่ในวังทุกวี่วัน พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจ
แค่คิดถึงเื่นี้ ในใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็ไม่สามารถผ่อนคลายลงได้แล้ว
“งานเลี้ยงที่เรือนพำนักหรือ?” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเหลือบมองสาวใช้ที่มารายงาน ดวงตานางพลันหรี่ลงเล็กน้อย พรุ่งนี้ฉางไทเฮาจะจัดงานเลี้ยงที่เรือนพำนัก เช่นนั้นนางจะออกจากวังหรือ?
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรู้สึกสุขใจ ออกจากวังก็ดี แค่ฉางไทเฮาออกจากวัง นางก็มีโอกาสมากเพียงพอแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงสูดหายใจลึก นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยสั่งกับสาวใช้ว่า “เ้าไปเตรียมตัวให้ดี พรุ่งนี้จะต้องคว้าโอกาสให้ได้ ขอแค่เวลาครึ่งก้านธูปกับฉางไทเฮาก็พอ อีกอย่าง เ้าไปจวนเหนียนและแจ้งคุณหนูใหญ่เื่อีหลานว่ามีเบาะแสเื่นางแล้ว ให้นางวางใจ”
“เ้าค่ะ” สาวใช้รับคำสั่ง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอนกายลงบนตั่งตัวยาว มือก่ายหน้าผาก สีหน้ามิอาจปิดบังความอ่อนล้าได้
คนชาญโลกเช่นนาง ย่อมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า พรุ่งนี้ฉางไทเฮาจะทำให้ตระกูลหนานกงกลายเป็ผู้ถูกกระทำเพื่อเหนียนอีหลาน แม้รู้ดีว่าต้องแลกมาด้วยเื่เช่นนั้น ทว่านางก็ทำได้แค่นี้
เมื่อนึกถึงการคาดเดา หวังว่าฉางไทเฮากับหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนจะมีจิตใจที่กระสับกระส่าย ไม่มั่นคงดี มิเช่นนั้น...
การเดิมพันของสกุลหนานกง อาจมีแต่หนทางที่ต้องพ่ายแพ้เท่านั้น!
จวนองค์หญิงใหญ่
เหนียนยวี่ จ้าวอี้และจ้าวเยี่ยน ทั้งสามคุยเล่นเรื่อยเปื่อยกันที่ศาลาในสวนหลังจวน
กล่าวถึงการคุยเล่นเรื่อยเปื่อย ส่วนใหญ่เป็เพราะจ้าวอี้พูดไม่หยุด เขาเล่าเื่ั้แ่เหนือจรดใต้ พูดถึงการเดินทางของเขาใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งตำนานและประเพณีมากมาย รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจทั้งหลายให้เหนียนยวี่ฟัง เหนียนยวี่ฟังเขาพลางจิบน้ำชา
“ยวี่เอ๋อร์ เ้าเคยเห็นดอกโบยบินที่เมืองเจวี๋ยหรือไม่?” จ้าวอี้จ้องมองเหนียนยวี่ ไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นบนสีหน้าแววตาได้ ราวกับว่ากำลังคิดถึงฉากทิวทัศน์อันงดงาม ร่องรอยของความยำเกรงจางๆ ผาดผุดขึ้นในดวงตาจ้าวอี้
เมืองเจวี๋ย...
มือของเหนียนยวี่ที่ถือถ้วยน้ำชาพลันสั่นเทา มืออีกข้างลูบเข่าของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว
สองคำนี้ปลุกความทรงจำของนางขึ้นมาในทันที ชาติก่อน ขาของนางถูกทำลายในาเมืองเจวี๋ย กระทั่งตอนนี้ เมื่อนึกถึงการต่อสู้ครั้งนั้น หัวใจของนางยังคงเต็มไปด้วยอารมณ์ร้อยแปดพันเก้า แม้แต่ขายังรู้สึกแสบร้อนอย่างอธิบายไม่ถูก
“ดอกโบยบินที่เมืองเจวี๋ยเป็สิ่งที่งดงามตระการตาอย่างยิ่ง เมืองเจวี๋ยเป็เมืองที่มีชื่อเสียงเื่ดอกไม้ เดือนสามและเดือนสี่ของทุกปี ดอกไม้ต้นไม้จะบานสะพรั่งไปทั่วทั้งเมือง สีสันดุจแดน์ และทุกเดือนสี่จะเป็่ที่ดอกไม้บานที่สุด เมืองนี้ถูกคั่นกลางระหว่างทิวเขาสองลูก ลมแรงจะพัดผ่านจากทิวเขาทั้งสองเข้ามายังเมืองเจวี๋ย ดอกไม้ใบไม้ที่อยู่ทั่วเมืองจะปลิวไปตามสายลม แม้ลมจะแรง ทว่ากลับไม่ทำร้ายดอกไม้แต่อย่างใด กลีบดอกไม้บนพื้นดินจะลอยล่องไปตามสายลม ลมพัดพาไปที่ใด มวลกลีบดอกไม้จะปลิวตามไปที่นั่น สายลมพัดปลิวไหวพาดอกไม้เต้นระบำ ทอดมองไปไกลแสนโอ่อ่า แม้ชมใกล้ก็งดงาม ช่างสุขใจอย่างแท้จริง”
ยามที่จ้าวอี้กล่าว ก็ยิ่งทวีความตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ความงดงามอลังการเช่นนั้น ทำให้ใจสั่นไหว
“ท่านอ๋องมู่เคยเห็นดอกโบยบินเ่าั้ย้อมไปด้วยสีเืหรือไม่?” เหนียนยวี่พึมพำ ดวงตาตกลงไปที่หนึ่ง ความทรงจำครานั้นราวกับถูกความตื่นเต้นของจ้าวอี้กระตุ้นขึ้นมา ภาพครานั้นผุดออกมาอีกครั้ง
นางเคยไปเมืองเจวี๋ยมากกว่าหนึ่งครั้ง ในเมืองเจวี๋ยมีความทรงจำมากเกินไป มีทั้งเื่ที่งดงาม ดั่งที่จ้าวอี้กล่าวไปทั้งหมด ทว่าเื่ที่งดงามทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางาในเมืองเจวี๋ย ทั้งหมดถูกย้อมอาบไปด้วยเื
“ดอกไม้โบยบินย้อมสีเืหรือ?” จ้าวอี้ขมวดคิ้ว เหลือบมองเหนียนยวี่ ถามอย่างขำขันว่า “เหตุใดดอกโบยบินถึงย้อมสีเืเล่า?”
ไม่มีดอกโบยบินย้อมสีเืหรือ?
ชาติก่อน าครั้งสุดท้ายในเมืองเจวี๋ยคือเดือนสี่พอดี ดอกไม้ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสัน ตามที่จ้าวอี้บรรยาย ปีนั้นทหารชั้นยอดห้าพันนายของนางถูกขังอยู่ในเมืองเจวี๋ย ขณะที่นางมองดอกไม้โบยบินที่บานสะพรั่งทั่วทั้งเมืองและกำลังรอกำลังเสริมจากจ้าวเยี่ยน ที่คาดไม่ถึงคือเหนียนอีหลานที่รออยู่
เมื่อนึกถึงคำสารภาพของเหนียนอีหลานที่เอ่ยกับนาง มือที่จับเข่าของเหนียนยวี่พลันกุมแน่น นางหันมองจ้าวเยี่ยน บุรุษผู้แสร้งทำตัวราบเรียบสงบนิ่งผู้นั้น คาดมิถึงเลยว่าจะน่ารังเกียจจนนางยากจะอัดอั้นไว้
ไม่ใช่ว่ากำลังเสริมมาไม่ถึง ทว่าบุรุษผู้นี้ั้แ่ต้นจนจบ เขาไม่ได้คิดจะส่งกำลังเสริมมาเลยต่างหาก!