ครั้นกูเฟยเยี่ยนหลับตาลงก็รู้สึกเหมือนว่าตนเองได้พบเห็นนักฆ่ายืนอยู่ตรงหน้าของตนเอง
แม้ว่าในคราวนี้นางจะมองไม่เห็นเขาอย่างชัดเจน ทว่าการพบกันครั้งแรกในคราวที่แล้วก็เพียงพอที่จะทำให้นางลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต
หญิงสาวไร้ซึ่งความง่วงเหงาหาวนอน นางยิ่งคิดยิ่งไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะจงใจหลอกล่อนางให้ไปหาหมาหวง
“หรือว่าจะมาสังหารปิดปากกัน? ”
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงดีดตัวลุกขึ้นนั่งพลางกรอกสติเข้าไปในมันสมอง ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมาทำอะไรก็ไม่ใช่เื่ดีอย่างแน่นอน! นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่ได้บอกเฉิงอี้เฟย! นางควรที่จะะโเรียกเฉิงอี้เฟยให้เฉิงอี้เฟยไปไล่ตามและให้เฉิงอี้เฟยนำกองกำลังทหารมาล้อมรอบป่าเขาแห่งนี้ทั้งหมด!
ในตอนนั้นนางถูกความชั่วร้ายอะไรเข้าสิง? ถึงไม่ได้ชี้แจ้งสถานการณ์ให้เฉิงอี้เฟย ในตอนนี้ยิ่งหมดหนทางที่จะพูดแล้ว!
การครุ่นคิดในครั้งนี้ทำให้กูเฟยเยี่ยนนอนไม่หลับมากกว่าเดิมเสียอีก นางทั้งอ่อนระโหยโรยแรง ทั้งนอนไม่หลับไม่ช้าจึงปวดศีรษะ ในคราแรกกูเฟยเยี่ยนคิดว่าตนเองเพียงแค่เหนื่อยเกินไปจึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก ทว่านางกลับค่อยๆ รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ ทันทีที่ยกมือขึ้นมาแตะที่หน้าผากจึงทราบว่าตนเองมีไข้เสียแล้ว ร่างกายของร่างเดิมนั้นอ่อนแอเป็อย่างยิ่ง คาดว่าเป็เพราะได้รับกระแสลมหนาวบนเขาเมื่อคืนนี้
เื่เล็กน้อยเพียงนี้กูเฟยเยี่ยนจึงไม่ได้เรียกหาหญิงรับใช้ นางใช้เรี่ยวแรงตบไปที่หวางเป่าติง ครั้นเห็นว่าหวางเป่าติงยังคงไม่ตอบสนองจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาให้หัวสมองปลอดโปร่งเพื่อเตรียมตัวไปปรุงยาขับไล่ความร้อนมาดื่ม
ในขณะที่นางกำลังจะออกจากกระโจม หญิงรับใช้ก็ได้มุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับนำข่าวร้ายมาให้ ห้องยาสำนักหมอหลวงส่งคนมาจำนวนสองคน ทั้งสองกำลังรออยู่ที่ค่ายใหญ่เพื่อพบนาง
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้เฉิงอี้เฟยได้ส่งคนเข้าไปในเมืองเพื่อไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวง เขา้าพบศาสตราจารย์แพทย์เพื่อเรียกขอคน!
หากเป็สถานการณ์ปกติศาสตราจารย์แพทย์จะไม่ปฏิเสธคำขอของฝ่ายทหาร กล่าวได้อีกนัยหนึ่งคือมีความเป็ไปได้ว่าห้องยาสำนักหมอหลวงส่งคนมาแจ้งนางถึงการตัดสินใจของศาสตราจารย์แพทย์
“เฉิงอี้เฟยผู้ชั่วร้ายอย่างยิ่ง! ”
กูเฟยเยี่ยนโมโหจนไม่สนใจด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังมีไข้ นางตีหน้าสุขุมเยือกเย็นพลางเดินตามหญิงรับใช้ไปยังค่ายใหญ่ หญิงสาวตั้งใจว่าจะเล่นงานเฉิงอี้เฟย ในเมื่อเขาบอกว่าติดหนี้นางสองชีวิต เช่นนั้นสองชีวิตนี้หักล้างกับอิสรภาพของนางได้ใช่หรือไม่?
นางไม่้าอยู่ในค่ายทหารที่แต่ละวันต้องเผชิญหน้ากับเขาผู้ชายที่ชอบล้ำเส้นแบบนี้!
กูเฟยเยี่ยนไม่พอใจไปตลอดทาง ทว่าทันทีที่มาถึงค่ายใหญ่นางก็พบว่าบรรยากาศมีความผิดปกติ เื่ราวต่างไปจากที่นางคิดเอาไว้!
เฉิงอี้เฟยนั่งอย่างไม่ยี่หระโดยที่มีท่าทีดั่งคนพาล สีหน้าของเขาในยามนี้เรียกได้ว่ากลัดกลุ้มอย่างยิ่ง! ในส่วนของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของเขานั้นคนหนึ่งคือผู้ดูแลหลี่โมโมะ อีกคนหนึ่งคือขันทีที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากห้องยาสำนักหมอหลวง นางมองดูแล้วแปลกหูแปลกตาเป็อย่างมาก
หรือว่า…ศาสตราจารย์แพทย์จะไม่ได้ตกลงในข้อเรียกร้องของเฉิงอี้เฟย? เขาไม่ได้ส่งคนมาโอนย้ายนางให้กับค่ายทหารตะวันออก แต่ส่งคนมาปฏิเสธเฉิงอี้เฟยเป็กรณีพิเศษ?
กูเฟยเยี่ยนดีอกดีใจลอบคิดว่าศาสตราจารย์แพทย์สมกับที่เป็บุคคลสำคัญในโลกแพทย์ยาแห่งอาณาจักรเทียนเหยียนจริงๆ คุณสมบัติของเขายังคงอยู่บนเส้นทางแห่งความเที่ยงธรรม!
นางรีบร้อนก้าวเท้าเข้าไปพลางหัวเราะเรียก “หลี่โมโมะ”
หลี่โมโมะหันกลับมามองนางด้วยรอยยิ้ม “แพทย์หญิงกู ขอแสดงความยินดีด้วย! ”
ยินดี?
ยินดีอะไรกัน?
กูเฟยเยี่ยนหยุดเดินอย่างฉับพลัน แล้วหันไปมองใบหน้าที่ไม่พอใจของเฉิงอี้เฟยโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้ขันทีที่อยู่ด้านข้างวางมาดขรึมแล้วเดินออกมา หลังจากที่เขาได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าของกูเฟยเยี่ยนจึงได้เอ่ยเสียงดังลั่น “มีรับสั่งจากองค์หญิงหวายหนิงให้โยกย้ายแพทย์หญิงกูเฟยเยี่ยนแห่งห้องยาสำนักหมอหลวงไปปรนนิบัติรับใช้ ณ ตำหนักฟางหวาเป็เวลาหนึ่งปี แพทย์หญิงกูโปรดจัดเก็บสัมภาระเพื่อตามข้าพเ้าเข้าไปในพระราชวัง พวกเราไม่ควรที่จะให้องค์หญิงทรงรอนาน! ”
หลังจากที่ขันทีกล่าวจบก็ปรากฏถึงรอยยิ้มเยาะเย้ยถากถาง “ขอแสดงความยินดีกับแพทย์หญิงที่ได้รับการเลื่อนขั้นแล้ว แม้ว่าจะเป็เพียงการโยกย้ายชั่วคราว แต่การที่ได้เป็ผู้รับใช้ภายใต้องค์หญิงหวายหนิงนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะได้เป็! ”
สำหรับกูเฟยเยี่ยนแล้วคำพูดนี้เหมือนกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ !
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดใบหน้ารูปงามที่มักจะเอาแต่ใจตนเองอย่างเฉิงอี้เฟยจึงได้กลัดกลุ้มเช่นนี้ ในเวลานี้อารมณ์ของนางกลัดกลุ้มกว่าสีหน้าของเขาร้อยเท่า!
องค์หญิงหวายหนิงแทรกแซงได้สุดยอดเหลือเกิน!
ดูเหมือนว่าหลี่โมโมะจะมีความหวาดกลัวเฉิงอี้เฟยเล็กน้อย นางพูดติดตลกว่า “เซวียกงกงกล่าวได้ถูกต้อง แพทย์หญิงกู เ้าได้เลื่อนขั้นแล้ว ่นี้เ้านำพาโชควาสนามาจากที่ใดกัน? องค์หญิงหวายหนิง้าเ้า ท่านแม่ทัพเฉิงก็้าเ้า หากไม่ใช่ว่าองค์หญิงหวายหนิงทรงเร็วกว่าหนึ่งก้าว ในวันข้างหน้าหากคนชราเช่นข้าอยากจะพบเ้าเกรงว่าจะไม่ได้พบแล้วล่ะ”
เลื่อนขั้น?
เลื่อนขั้นก็บ้าแล้ว!
การทำงานภายในห้องยาสำนักหมอหลวงนั้น แพทย์หญิงเช่นนางทำงานประจำเวลาที่ถูกกำหนด ทว่าเมื่ออยู่กับองค์หญิงหวายหนิงนั้นนางจะต้องเป็นางข้าหลวงที่ทำงานบ้านอย่างหนักหน่วงแน่นอน! คราวที่แล้วองค์หญิงหวายหนิง้าให้รถม้าชนนางอย่างโเี้ หากนางย้ายไปที่นั่นจะต้องประสบความโชคร้ายมากกว่าโชคดีเป็แน่!
กูเฟยเยี่ยนคิ้วขมวดกันแน่น ภายในใจของนางเกิดความกลัดกลุ้มจึงไม่ส่งเสียงอันใดออกมา จู่ๆ เฉิงอี้เฟยก็สถบออกมาเบาๆ “ความหมายของหลี่โมโมะก็คือถ้าองค์หญิงหวายหนิงมาช้าเพียงหนึ่งก้าว เปิ่นเจียงจวินก็จะไม่หลีกทางให้นางใช่หรือไม่? ”
ห้องยาสำนักหมอหลวงปรนนิบัติรับใช้วังหลังก่อน ตามด้วยสมาชิกราชวงศ์ ตระกูลสูงศักดิ์ และข้าราชการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็ตำหนักใดในวังหลังล้วนมีอำนาจในการขอคนและยืมคนของห้องยาสำนักหมอหลวง ดังนั้นไม่ว่าเฉิงอี้เฟยจะมาก่อนหรือมาทีหลัง ตราบใดที่ศาสตราจารย์แพทย์ยังไม่ได้ตัดสินใจ เฉิงอี้เฟยจำเป็ต้องหลีกทาง แม้กระทั่งหากว่ากูเฟยเยี่ยนถูกโยกย้ายเข้าไปในค่ายทหารแล้ว ถ้าองค์หญิงหวายหนิงยังคงไร้เหตุผลอีก นางสามารถมาแย่งคนที่ค่ายทหารได้
ดินแดนแห่งนี้เดิมทีเคารพนับถือศิลปะการต่อสู้ วัดความสูงศักดิ์ต่ำต้อยจากความสามารถด้านวิชายุทธของแต่ละคน ทว่าสิบปีที่แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ศิลปะการต่อสู้ตกต่ำลง หลายตระกูลหลายครอบครัวมีการรวมตัวกันสถาปนาอำนาจกษัตริย์ขึ้น ดังนั้นลำดับขั้นฐานะสูงศักดิ์ต่ำต้อยจึงเปลี่ยนแปลงไป
ต่อให้เฉิงอี้เฟยจะมีความสามารถมากเพียงใดก็ต้องให้ความเคารพต่อองค์หญิงหวายหนิง
น้ำเสียงของเฉิงอี้เฟยเรียกได้ว่าถากถางอย่างสุดขีด
ใบหน้าของหลี่โมโมะเกิดความเหยเกพลางรีบร้อนโค้งกายลง “เหล่านู๋ไม่ได้หมายความเช่นนี้เ้าค่ะ เหล่านู๋พลั้งปากไปชั่วคราว ท่านแม่ทัพได้โปรดยกโทษ! ”
“พลั้งปาก? ”
มุมปากของเฉิงอี้เฟยปรากฏถึงความชั่วร้ายแล้วพูดอย่างเหนื่อยหน่าย “ใครก็ได้ ตบปากยี่สิบที! ”
หลี่โมโมะใคุกเข่าอ้อนวอนด้วยความกระวนกระวายใจ เพียงแต่อารมณ์ของเฉิงอี้เฟยไม่สะทกสะท้านไปด้วย หญิงรับใช้เข้ามาอย่างรวดเร็ว “เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ” หญิงรับใช้ตบไปหนึ่งทีหลี่โมโมะจึงร้องเรียกพลันขอร้องอ้อนวอน เฉิงอี้เฟยที่ไม่สะทกสะท้านมองเซวียกงกงอย่างโกรธแค้นแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา
กูเฟยเยี่ยนมองออกถึงความโกรธแค้นไร้ที่เปรียบของเฉิงอี้เฟยและมองออกถึงความไม่มีทางเลือกของเขา คนที่เขาอยากจะต่อสู้ด้วยจริงๆ แล้วคือเซวียกงกงทว่ากลับทำได้เพียงใช้หลี่โมโมะมาแสดงออกถึงความโกรธและความไม่พอใจ
ชาวบ้านไม่ควรสู้กับข้าราชการ ข้าราชการไม่ควรสู้กับพระราชวัง
เฉิงอี้เฟยสามารถยั่วยุตระกูลฉีได้อย่างเปิดเผยและสามารถท้าทายเ้าหน้าที่ระดับสูงในราชสำนักได้ ทว่าไม่สามารถท้าทายองค์หญิงหวายหนิงได้โดยตรง แล้วนางเล่า?
ช่างเถอะ!
หากเป็โชคดีก็ไม่ใช่หายนะ หากเป็หายนะก็หลบไม่พ้น หากหายนะมาถึงไม่ว่าอย่างไรก็เป็เพียงแค่ชีวิต!
กูเฟยเยี่ยนไม่เกรงกลัว!
นางลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางยิ้มแย้มดั่งดอกไม้ที่บานสะพรั่ง นางตั้งใจหันไปทางเฉิงอี้เฟยเพื่อโค้งกายแสดงความเคารพ “ท่านแม่ทัพเฉิง ขอโทษด้วยเ้าค่ะ ข้าต้องลาไปก่อนแล้ว! ”
นางเหลือบมองเซวียกงกงพลันหันหลังเดินจากไป
“ท่านแม่ทัพเฉิง นู๋ไฉลาไปก่อน” เซวียกงกงภาคภูมิใจเป็อย่างยิ่ง เขาไม่มองหลี่โมโมะอยู่ในสายตาแล้วรีบเดินตามกูเฟยเยี่ยนออกไปจากกระโจมค่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูเฉิงอี้เฟยก็ตบโต๊ะลุกขึ้นก้าวเท้าพรวดพราดไล่ตามออกมา เขาลากกูเฟยเยี่ยนออกมาด้านข้างพลางกระซิบแ่เบา “แพทย์หญิงน้อย เ้าโง่ไปแล้วหรือ? เ้าจะเอาชีวิตไปทิ้งอย่างนั้นหรือ! เ้าฟังให้ดีเพียงแค่เ้ายอมรับว่าใบสั่งยาเป็ของปลอมข้าก็สามารถทำให้เ้าอยู่ค่ายทหารต่อไปเพื่อตรวจสอบได้! ”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงเล็กน้อย ในขณะที่นางกำลังจะอ้าปาก เฉิงอี้เฟยก็ได้เอ่ยเสริมขึ้น “ข้าสาบานว่าจะไม่สืบหาสาเหตุที่เ้าเปลี่ยนยาโดยพลการและปกปิดไม่รายงาน! ศาลต้าหลี่้าไล่ตามเ้า ทหารตระกูลเฉิงทั้งหมดจะปกป้องเ้าเอง! เ้าเชื่อข้านะ! ”