“ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้วตอนนี้ก็เป็ของประมูลสามชิ้นสุดท้ายในงานครั้งนี้นะคะดิฉันเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่ชอบ” หลินซวงมองดูผู้คนล่างเวทีที่ไม่ได้คึกคักเหมือน่ก่อนหน้านี้จึงยิ้มพลางพูดขึ้น
“คุณหลินคนสวยหวังว่าของสามชิ้นสุดท้ายจะทำให้พวกเราคึกคักได้อีกครั้งนะฮ่าๆ” ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆเมื่อเห็นรังสีความร่ำรวยนั่นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง
“หนิวเปินที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่สวนหลังบ้านตระกูลหนิวของแกไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปเลย” หลี่สวินอวี้ยืนขึ้นมองมายังเด็กหนุ่มผู้นั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“เหล่าหลี่ขอโทษด้วย เด็กน้อยไม่รู้ความน่ะ ขอโทษด้วยขอโทษ” ชายชราที่อยู่ข้างหนิวเปินตบเข้าที่บ้องหูหนิวเปินแรงๆ ฉาดหนึ่ง “ไอ้เด็กไร้อนาคต แม่แกคลอดเด็กแบบแกออกมาได้ยังไงกัน ไม่อยากอยู่ต่อก็ไสหัวออกไปเลย”
ผู้หญิงที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทีของชายผู้นั้นแล้วจึงจำยอมเก็บคำพูดกลับไปและทำได้เพียงแค่ดึงหนิวเปินกลับมายังที่นั่งแล้วให้เขาพิงตัวเองไว้
“ครูหลินต่อเลย” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง
“ผอ.หลี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอารมณ์แบบนี้ตลอด ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนชายวัยกลางคนสองสามคนหัวเราะลั่นขึ้นมาพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นักเรียนที่จบจากโรงเรียนฟู่จงที่ล้วนเป็ผู้มีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงตอนนี้และนี่เป็สิ่งที่ชายตระกูลหนิวกังวลเกี่ยวกับหลี่สวินอวี้เขามีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองเช่นนี้ใครจะกล้าไปรังแกเขาล่ะ
“ของชิ้นที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็ของสาวน้อยคนหนึ่งที่เอามาไว้ที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็เพราะของก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไปแต่ว่าเอามันมาประมูลได้แค่ที่นี่” หลินซวงพูดยิ้มๆ “นี่เป็รูปทิวทิศน์ที่สาวน้อยคนนั้นวาดเอาไว้ราคาต่ำสุดหนึ่งหยวนทุกครั้งเพิ่มราคาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยวนเชิญเริ่มเลยค่ะ”
นักเรียนสองสามคนค่อยๆ แสดงภาพวิวทิวทัศน์ยาวประมาณแปดเมตรนี้สู่สายตาสาธารณชน
“เด็กสาวตระกูลหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุยี่สิบกว่าๆ ก็วาดความรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ” ผู้าุโที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“เหล่าเฉียนดูอักษรด้านซ้ายมือสิคุ้นๆ ไหม” คุณนายท่าทางกระฉับกระเฉงที่อยู่ข้างๆผู้าุโพูดยิ้มๆ
“ปรมาจารย์อวี้เฟิง ปรมาจารย์อวี้เฟิงไม่ได้เลิกวาดแล้วเหรอทำไมถึงได้เซ็นภาพวาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็ผลงานของปรมาจารย์อวี้เฟิงหรือไม่เ้าเด็กนั่นต้องประมูลมาให้ฉันให้ได้” ผู้าุโแซ่เฉียนพูดเสียงดังลั่น
“เหล่าเฉียนอย่ามาแย่งรูปนี้กับฉันจะดีกว่าแกสนิทกับหลินมู่ไม่งั้นก็ให้หลินมู่ให้หลานสาวที่รักของเขาวาดให้อีกรูปสิรูปนี่ฉันต้องได้มันมา” ผู้าุโพูดเสียงดัง
“ตาแก่ซุนงั้นเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะ ใครแย่งได้ก็เป็ของคนนั้น” เหล่าเฉียนเงยหน้ามองพลางพูดขึ้น
“พี่ไฮว่พี่ว่าภาพของครูหลินเป็ยังไงบ้าง” ถังซีถามขึ้นด้วยเสียงค่อย
“ูเาก็ดูเป็ูเา แม่น้ำก็ดูเป็แม่น้ำถ้าอยากพัฒนากว่านี้อีกก้าวก็ต้องลงแรงหน่อย อักษรสองแถวที่อยู่ด้านข้างเขียนได้พื้นๆมากเลย” กัวไฮว่พูดขำๆ
“พี่ไฮว่พี่ดูอักษรสองแถวข้างๆ ออกด้วยเหรอ” มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงเบา
“ยายหนูเวยเวยเธอกับคนที่เซ็นนี่เกี่ยวข้องกันล่ะสิ” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หรงเวยเวยแต่กลับถามขึ้นยิ้มๆ
“อือฉันเรียนพู่กันกับปรมาจารย์อวี้เฟิงแต่ว่าเขาไม่ได้รับฉันเป็ศิษย์เพราะว่าฉันยังมีวุฒิภาวะไม่พอน่ะ” มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา “ลายเซ็นบนภาพของครูหลินเป็ของปรมาจารย์”
“ยายหนูเวยเวยเธออยากได้ภาพนั้นไหม” กัวไฮว่ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น“งั้นฉันประมูลมาก่อนแล้วกัน”
“ห้าล้านภาพของหนูหลินไม่เลวเลยทั้งยังมีร่องรอยของท่านปรมาจารย์ภาพนี้ฉันให้ห้าล้าน” ตาแก่ตระกูลเฉียนพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ตาแก่เฉียน่นี้ธุรกิจตระกูลเฉียนของแกเฉยมากนี่แกใช้เงินเยอะขนาดนี้ซื้อภาพวาดจะไม่ไปบอกลูกชายแก เมียแกหน่อยเหรอ ฮ่าๆ” ท่ามกลางฝูงชนมีผู้าุโคนหนึ่งถามขึ้นพลางหัวเราะ
“เื่ธุรกิจน่ะฉันถามไปแล้ว แต่ภาพทิวทัศน์ของหนูหลินนี่ฉันชอบมากจริงๆหวังว่าทุกท่านจะไว้หน้ากันด้วย” ตาแก่เฉียนพูดเลี่ยงหนักเป็เบาเหล่าผู้าุโในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แท้จริงของภาพนี้คืออักษรสองแถวของท่านปรมาจารย์
“ในเมื่อเหล่าเฉียนบอกราคาแล้วฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ แปดล้านหวังว่าทุกคนจะเข้าใจด้วย” ผู้าุโตระกูลซุนพูดขึ้นยิ้มๆ
“อักษรของท่านปรมาจารย์ไม่ได้ขอกันง่ายๆ นะ สิบล้าน ทุกท่านโปรดไว้หน้ากันด้วยแล้วก็ทุกท่านสามารถมาชมภาพที่บ้านผมได้ตลอด” เจี่ยกูอวิ๋นเป็ผู้ดูแลตระกูลเจี่ยในตอนนี้ทั้งยังเป็ปู่ของเจี่ยหยวนอีกด้วย
“เฮ้อเห็นแล้วหรือยังหลานตัวเองแต่ละวันเหนื่อยแทบตายแต่ปู่กลับมาจ่ายเงินแบบนี้เฮ้อ” เจี่ยหยวนพูดกับหวังเซิงด้วยเสียงเบา
“แกเคลียร์เงินกับปู่แกแล้วไม่ใช่เหรอ เงินนี่แกไม่ได้ออกเองสักหน่อย” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“หุบปาก หุบปากเข้าใจไหมตอนแรกฉันจะมาแย่งเหล้าเ้าสี่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณปู่เข้าเรามันปากพล่อยพูดอะไรที่มันดีๆ หน่อยแกก็รู้ว่าปู่นิสัยร้ายแค่ไหนอย่างน้อยฉันก็เคยผ่านมาแล้ว” เจี่ยหยวนส่ายศีรษะพูดขึ้น
“คุณปู่มาแล้วเหรอครับช้าๆ หน่อยเดี๋ยวผมไปพยุงปู่เข้าไปเอง” นอกโถงประชุมเจี่ยหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็ปู่ของตนเอง
“เจี่ยหยวนแกไม่ชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมาที่นี่ทำไมฮะฉันจะบอกแกให้นะที่งานประมูลนี่แกช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย” เจี่ยกูอวิ๋นพูดเสียงดัง
“ดูปู่พูดเข้าสิผมอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วจะไม่รู้กฎแค่นี้เหรอ” เจี่ยหยวนพยุงคุณปู่แล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ถูกใจสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ะโบอกราคาได้เลยนะเดี๋ยวผมคิดบัญชีให้เองถือซะว่าหลานปู่กตัญญูต่อปู่ไง” เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยนอบน้อม
“เฮ้อ ลูกชายตั้งหลายคนยังเทียบกับหลานชายผู้บริสุทธิ์ของฉันคนเดียวไม่ได้เลยแกคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว” นายท่านพูดยิ้มๆ เจี่ยหยวนเองก็หัวเราะ
“เจี่ยอู่ยากนะที่เจี่ยหยวนจะคิดแบบนี้ฉันได้ยินว่าวันนี้มีของดีหลายอย่างให้โอกาสเสี่ยวหยวนสักครั้งของที่ประมูลมาได้ชิ้นแรกก็ให้เสี่ยวหยวนคิดบัญชีซะ” เจี่ยกูอวิ๋นพูดพลางเดินเข้าไปในโถงประชุม
“เดินดีๆ นะครับคุณปู่ ผมรอคนก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าไป” เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ปากหวานเหรอ ปากหวานที่ไหนกันอันนี้ปากพล่อย”
“เหล่าเฉียนแกไม่เข้าใจตัวอักษรจะเอาของชิ้นนี้ไปทำไมกันฉันว่าแกอย่าเข้าร่วมเลยสิบสองล้าน แม่หนูหลินขายของชิ้นนี้ให้ฉันเถอะ” ผู้าุโตระกูลเฉียนพูดเสียงดัง
“สิบห้าล้านพวกท่านเป็ผู้าุโกันทั้งนั้นก็ควรจะให้ของชิ้นนี้แก่คนรุ่นหลังไม่ใช่เหรอ” จู่ๆ กัวไฮว่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ หลินซวงที่อยู่บนเวทีก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหันเด็กนี่จะไปเข้าใจตัวอักษรอะไรกันหรือว่าจะแค่แย่งภาพของตนมา
“พ่อหนุ่มสิบห้าล้านหยวนนะไม่ใช่สิบห้าหยวนแกแน่ใจเหรอว่าแกมีน่ะ” เจี่ยกูอวิ๋นถามขึ้นเสียงดัง
วันหนึ่งหลี่เย่าได้รับโทรศัพท์จากเฮยหลงบอกว่ารถที่ซ่อมรวมถึงเงินชดเชยถูกส่งมายังร้านใต้หล้าอู่เฉิงแล้วให้เขาเอารถไปลากหลี่เย่าจึงขับรถจี๊ปของตนไปขณะที่เข้าไปในโถงใหญ่นั้นเขาถึงกับตาลายตอนนั้นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าเ้าสี่จะเรียกเงินสิบล้านมาได้แต่เงินสามกองที่อยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับว่าแต่ละกองจะเกินกว่าสามสิบล้านซะอีก
“พี่เย่าฝากพี่ไปบอกพี่ไฮว่ต่อหน้าหน่อยนะว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วคราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วผมยังมีธุระอีกผมไปก่อนล่ะ” พี่กุ่ยวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง