เื่ที่คิดไปก็ไม่เข้าใจนั้น เผยฉางชิงไม่เคยเสียเวลาไปกับมัน มิสู้เอาเวลาไปอ่านหนังสือเพิ่มเติมเสียดีกว่า
แม้นตนจะได้อันดับหนึ่งเสมอมา ทว่าที่นี่คือเมืองหลวง เหล่าบัณฑิตจากทั่วสารทิศมีมากมาย ไหนเลยจะรู้ได้ว่าในบรรดาฝูงชนเหล่านี้จะไม่มีคนเก่งไปกว่าตนอีก
กระทั่งตะวันลับฟ้า เขาถึงวางหนังสือ อาบน้ำเสร็จจึงนอนแผ่บนเตียงเตรียมพักผ่อน
ชั่วเวลานั้น เสียงกลอนประตูดังขึ้นเบาๆ เขาลืมตาโพลงทันใด สอดมือเข้าใต้หมอนหนุนัักริชเล่มหนึ่งไว้
“คุณหนู พวกเราทำแบบนี้จะดีหรือเ้าคะ?” เสียงหนานจือดังขึ้นจากความมืด
ไม่ช้าเฉินจิ้งเจียจึงตามเข้าห้อง “เข้ามาขนาดนี้แล้ว จะพูดว่าไม่ดีเอายามนี้ ไม่สายไปหน่อยหรือ?”
หนานจือเม้มปากอย่างคับข้องใจ มิใช่ว่าไม่เคยโน้มน้าว หากแต่โน้มน้าวไม่ได้ต่างหาก
หรือว่าจะคิดจะขืนใจเขาจริงๆ?
เผยฉางชิงเริ่มไม่เข้าใจการกระทำของเฉินจิ้งเจียแล้ว
ชั่วเวลาอันน่าตื่นเต้น ลำคอเผยฉางชิงพลันมีบางสิ่งกดทาบลงมา ชายหนุ่มหันมองคนผู้นั้นโดยทันใด
สายตาดุดันกวาดมอง หนานจือเกือบถือของในมือไว้ไม่อยู่
นางสงบสติอารมณ์ลงก่อนเอ่ย “อย่าได้ส่งเสียง และอย่าได้ขัดขืนเด็ดขาด! มิเช่นนั้นข้าจะเสียบทะลุคอเ้า!”
อืม...
ดูเหมือนเป็วลีที่เรียกว่าข่มขืนจริงๆ นั่นแหละ
“หนานจือ!” เฉินจิ้งเจียะโแย้งเรียกนาง หนานจือถอยตัวไปอย่างน้อยใจก่อนจุดเทียนบนโต๊ะ
เผยฉางชิงปล่อยกริชในมือ หยัดกายยืนมองสตรีที่นั่งบนเก้าอี้
“ดึกดื่นป่านนี้ คุณหนูมีเื่อันใดกันขอรับ?” เขาเอ่ยเสียงเยือกเย็น ดวงตาน่ามองคู่นั้นหลุบต่ำ มิได้มองไปยังเฉินจิ้งเจียแต่อย่างใด
เขามิได้จดจ้อง เฉินจิ้งเจียจึงมองประเมินคนบนเตียงอย่างย่ามใจ
ความเกี่ยวพันของนางกับเผยฉางชิงในชาติก่อนนั้น เป็เื่ราวหลังจากนางกลายเป็ไท่จื่อเฟยของไท่จื่อแล้วนั่นเอง
ซึ่งทุกครั้งที่เผยฉางชิงเจอนาง ล้วนมีเพียงความรอบคอบและเอาจริงเอาจัง หากแต่นางไม่เคยเห็นคนผู้นี้อยู่ในสายตา จึงมิได้สนใจมากขนาดนั้น
ครั้นยามนี้มองเขาจากแสงสลัวของเปลวเทียน เค้าโครงหน้าจึงดูมีมิติละเอียดล้ำลึกกว่ายามกลางวัน องคาพยพทั้งห้าทอแสงนวลตา ดูอ่อนโยนลงไม่น้อย
คงเป็เพราะได้ยินคำตอบนางไม่ชัด คิ้วได้รูปจึงเริ่มขมวดมุ่นเล็กน้อย เหลือบมองครู่หนึ่งก่อนละสายตากลับไป กระนั้นก็มิอาจบดบังความสดใสในแววตาจากเฉินจิ้นเจียไปได้
“หนานจือ ไปเฝ้าหน้าประตู” เฉินจิ้งเจียสั่งการ
หนานจือแตกตื่นใใหญ่ “คุณหนู!”
“ออกไป!”
นางไม่รู้ว่าเป็เพราะฮูหยินจากไปหรือไม่ คุณหนูถึงได้กระทำการโผงผางขนาดนี้ ่ที่ผ่านมาคุณหนูก็ดูไม่ปกตินัก มิใช่แค่นิสัยเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ทว่าแม้แต่รูปแบบการกระทำเื่ต่างๆ ยังหาญกล้าบ้าบิ่นยิ่งขึ้นด้วย
คอยกระทั่งหนานจือค่อยๆ ถอยไป เฉินจิ้งเจียจึงมองไปยังเผยฉางชิง
ตัวเขาในยามนี้มิอาจสนใจมารยาทใดได้อีก ดวงตาคู่งามเขม็งจ้องหญิงสาวด้วยความตื่นตระหนก ไม่น่าเป็ไปได้ จะเป็อย่างที่ตนคิดไว้จริงๆ หรือ?
“คุณชายเผยอย่าได้กลัวไปเลย ที่ข้ามาหาเพียงเพราะอยากเจรจาร่วมมือกับคุณชายเท่านั้น” น้ำเสียงเฉินจิ้งเจียนุ่มหู ทำเอาหัวใจที่เต้นตุ้มต่อมของเผยฉางชิงเริ่มสงบลงบ้างแล้ว
นี่ทำให้เขาพับเก็บความคิดอันแสนวุ่นวายกลับไปได้ “คุณหนูอยากเจรจาร่วมมือหรือขอรับ? ข้าน้อยเผยไม่คิดว่าข้าจะมีเงินทุนใดคุ้มค่าพอให้คุณหนูมาเจรจาหารือธุรกิจกลางดึกเช่นนี้”
เขาไม่มีเงินทุน? ล้อเล่นอะไรกัน!
เฉินจิ้งเจียคิดในใจก่อนเอ่ย “ตัวท่านคือเงินทุนที่สูงที่สุดแล้ว”
นางรินชาให้ตัวเองถ้วยหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ อธิบาย
“อำนาจคือสิ่งที่ดี ทว่าอำนาจก็เป็เครื่องพันธนาการเช่นกัน มันกักขังท่านพ่อไม่พอ แต่ยังกักขังข้าไว้ด้วย”
นางกล่าวพลางยกยิ้มขมขื่น “ให้ท่านเดาก็คงเดาออก ด้วยสถานะของข้านี้ หากแต่งงานกับองค์ชายองค์ใดไป จวนป๋อชางโหวย่อมกลายเป็กำลังหนุนหลังที่แข็งแกร่งที่สุดในตำแหน่งของเขาอย่างแน่นอน”
“คุณหนูไม่ยินยอมอย่างนั้นหรือ?” เผยฉางชิงถาม “จากที่คุณหนูบอกมา หากองค์ชายองค์ใดแต่งงานกับท่าน เส้นทางในอนาคตนับจากนี้จะราบรื่นไปเกินครึ่ง การที่คุณหนูจะกลายเป็มารดาแห่งแผ่นดินย่อมเรียกได้ว่าเป็เื่ที่แน่นอนสินะขอรับ”
“เื่แน่นอน?” เฉินจิ้งเจียเอ่ย พลันหัวเราะเย้ยหยัน
ใช่สิ จากสถานะของนาง การกลายเป็ประมุขแห่งตำหนักทั้งหก มารดาแห่งแผ่นดิน นั่นมิได้เป็เื่ที่แน่นอนอยู่แล้วหรือปะไร?
หากแต่ชาติก่อนล่ะ? มิใช่ว่านางถูกคว้านท้องพรากลูกทั้งเป็ ทั้งยังตายโดยไม่ทันรับรู้ทันเข้าใจเลยหรือ?
ครั้นเห็นท่าทีเฉินจิ้งเจีย เผยฉางชิงรู้สึกประหลาดใจพอควร คาดไม่ถึงว่าเขาจะเห็นความเ็ปจากแววตาเฉินจิ้งเจีย ที่ซึ่งไม่น่าจะปรากฏในแววตาเด็กสาวที่อายุอานามไม่กี่สิบปีได้ ทั้งยังเป็แววตาของคุณหนูที่จวนป๋อชางโหวเลี้ยงดูมาดุจไข่ในหินอีกด้วย
“ไม่ต้องพูดถึงเื่นั้นหรอก ท่านแค่บอกมาว่าจะยอมร่วมมือกับข้าหรือไม่?” เฉินจิ้งเจียกลับมาสงบสุขุมอีกครั้ง ดวงตากลมโตจ้องมองเผยฉางชิง
“ท่านกับข้าแต่งงานกัน จวนป๋อชางโหวจะช่วยให้ท่านก้าวหน้าพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ส่วนท่านก็แค่แสดงเป็สามีข้าให้ดีก็พอ หากวันหน้าท่านอยากรับอนุหรืออยากได้หญิงอุ่นเตียง ข้าก็จะไม่ขัดแม้แต่น้อย เป็อย่างไรเล่า?”
การแลกเปลี่ยนนี้ ฟังแล้วดูเหมือนเขาจะไม่เสียเปรียบแม้แต่น้อย กระทั่งเรียกได้ว่าเขาได้กำไรทีเดียว
“คุณหนูเห็นความสำคัญข้าเพียงนี้ ข้าน้อยเผยใกับความเมตตามากทีเดียว”
เสียงของเผยฉางชิงราบเรียบสงบ ไหนล่ะท่าทางตื่นใในความเมตตา? เฉินจิ้งเจียถึงขั้นเริ่มสงสัยในข้อเสนอของตนขึ้นแล้วว่าเขาจะตกลงหรือไม่
“หากข้าน้อยเผยสอบติด ย่อมไม่มีปัญหา ทว่าหากข้าน้อยเผยหลุดอันดับเล่าขอรับ? คุณหนูยังจะแต่งอยู่หรือไม่ขอรับ?” เผยฉางชิงเอนตัวไปด้านหลัง ใบหน้ามุมข้างหลบเร้นเข้าในความมืด
คำถามนี้ทำเอาเฉินจิ้งเจียพูดไม่ออกไปชั่วขณะเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าควรตอบเช่นไรกลับไป
นางรู้การพัฒนาของชาติก่อน เผยฉางชิงเป็ถึงจอหงวน การมีจอหงวนเป็สามีนาง ย่อมไม่มีสิ่งใดให้โทษแก่จวนป๋อชางโหวอยู่แล้ว
ทว่าหากเขาตกอันดับขึ้นมา เช่นนั้นจวนป๋อชางโหวจะกลายเป็ที่ขบขันของทั้งเมืองหลวง และนางจะกลายเป็ตัวตลกที่น่าหัวเราะเยาะที่สุด
“คุณหนูพิจารณาถี่ถ้วนแล้วหรือขอรับ?” เสียงเผยฉางชิงบางเบา ไม่อ่อนโยนทรงสง่าเหมือนที่นางได้ยินก่อนหน้านี้ แต่กลับดูเหมือนดอกฝิ่นที่กำลังยั่วยวนนางให้ติดกับอย่างไรอย่างนั้น
เฉินจิ้งเจียตบโต๊ะ “แน่นอนว่าข้าคิดมาดีแล้ว ถึงท่านสอบไม่ติด จวนป๋อชางโหวของข้าก็ไม่มีทางขัดสนเพราะท่านแน่นอน!”
เผยฉางชิงที่อิงแอบในความมืดตกตะลึงงัน คุณหนูเฉินผู้นี้จะเชื่อใจตนทั้งอย่างนี้เลยหรือ?
เขาหันหน้ามามองเฉินจิ้งเจีย นางนั่งข้างโต๊ะทำปากมุ่ยเล็กน้อย คลับคล้ายกำลังโมโหอย่างไรอย่างนั้น
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ใช่แล้ว นี่สิท่าทางที่ควรจะเป็ของเด็กสาวอายุไม่กี่สิบปี ทั้งน่ารักน่าชัง
“ในเมื่อคุณหนูเชื่อในตัวข้าน้อยเผย เช่นนั้นข้าน้อยเผยย่อมไม่ทำให้คุณหนูผิดหวังอย่างแน่นอนขอรับ”
หากประโยคนี้พูดจากปากคนอื่น เฉินจิ้งเจียคงหัวเราะเย้ยหยันบอกว่าเขาผู้นั้นถือตนถูกต้อง ยกตนข่มท่านไปแล้วเป็แน่
ทว่าเมื่อประโยคนี้ออกมาจากปากเผยฉางชิง เช่นนั้นย่อมต่างออกไป นั่นเรียกว่ามีความมั่นใจในตัวเองอย่างไรละ!
หลังจากเจรจาร่วมมือเสร็จสิ้น เฉินจิ้งเจียอารมณ์ดีอย่างยิ่งยวด แต่หารู้ไม่ว่าทางวัดอันเหรินนั้น เฉินจิ้งโหรวกำลังโกรธกริ้วจนแทบฉีกเล็บตัวเองแล้ว
เฉินจิ้งโหรวมองจ้าวอี๋เหนียงด้วยหน้าตาเหี้ยมโหด “ท่านแม่ ท่านจะได้เป็ฮูหยินเมื่อไรกัน? ได้ยินที่ผู้คนข้างนอกพูดกันบ้างหรือไม่? ไท่จื่อส่งของมายังจวนป๋อชางโหว ทั้งยังกำชับให้ส่งถึงเฉินจิ้งเจียอีก!”
