จิงซิงอี้ซึ่งกำลังคัดแยกสมุนไพร ก็ตอบตรงๆ ว่า “ยังไม่มีชื่อเลยครับ”
จิงเซียวยิ้ม และมองหลานชายที่ก้มหน้าก้มตาเลือกสมุนไพร ก่อนจะพูดว่า
“คลินิกฉางซาน”
จิงซิงอี้เงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความใ จิงเซียวย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า
“ได้เวลาที่คลินิกฉางซานจะต้องมีผู้สืบทอดแล้ว!”
จากนั้น ชายชราก็พูดต่อว่า “ตาเชื่อมั่นในฝีมือของเ้านะ ตาไม่อยากให้ความรู้ที่สั่งสมมาจากบรรพบุรุษของเรา ต้องจบไปในรุ่นของตา”
ขอบตาของจิงซิงอี้ร้อนผ่าว เขารู้ว่าจิงเซียวมีความฝันที่อยากจะเปิดสำนักแพทย์ของตนเองมานานแล้ว แต่เขายังไม่มีโอกาสสักที ถึงเขาจะมีลูกศิษย์อยู่ 3 คน แต่เป็ครั้งแรกที่จิงเซียวมอบชื่อสำนักแพทย์ฉางซานให้เขาสืบทอด จิงซิงอี้ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า
“ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมจะสืบทอดคลินิกฉางซานเองครับ!”
ชุนเฉิงซึ่งยืนฟังอยู่หน้าประตูยิ้มนิดๆ ก่อนจะเคาะประตูห้องทำงานและเดินเข้ามาในห้อง ทั้งสามคนช่วยกันคัดแยกสมุนไพร และสนทนาถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นใน่ที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศอบอุ่น
แล้วเวลาก็ผ่านไปเกือบสองเดือน ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ คลินิกได้รับใบอนุญาตอย่างรวดเร็ว เพราะได้หวังฮวยคอยช่วยเหลือ เขาเป็คนที่ขายห้องแถวให้ และยังเป็เ้าหน้าที่รัฐดูแลด้านสาธารณสุขในระดับตำบลอีกด้วย
การตกแต่งคลินิกก็เป็ไปอย่างเรียบร้อย ผู้รับเหมาก่อสร้างเป็คนที่หัวหน้าคณะกรรมการหมู่บ้านหวังคุนช่วยแนะนำมา จึงทำงานอย่างรวดเร็วและซื่อตรง สถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาไม่มีงานทำ เมื่อได้รับการว่าจ้างจากจิงซิงอี้ พวกเขาจึงยินดีอย่างมาก
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เวลาเปิดคลินิกอย่างเป็ทางการก็มาถึง
ในวันเปิดคลินิก จิงซิงอี้พาจิงเซียวและชุนเฉิงมาที่คลินิกั้แ่หกโมงเช้า เขาเชิญจิงเซียวเป็คนเปิดป้ายคลินิก
ถึงแม้จิงซิงอี้จะทำพิธีเปิดคลินิกแบบเรียบง่าย แต่คนในหมู่บ้านเจียวจูต่างพากันมาร่วมแสดงความยินดี พวกเขาชื่นชอบคนบ้านหมอจิง และยังชอบงานแบบนี้ ที่นานๆจะจัดขึ้นในหมู่บ้านด้วย
นอกจากชาวหมู่บ้านแล้ว คู่สามีภรรยาหยวนซุนและเหยาหลิง ที่ตอนนี้อาการเกือบหายสนิทแล้ว ก็ขับรถยุโรปคันใหญ่มาร่วมพิธีเปิด พร้อมกับซวี่ฮั่น เ้าของบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ พวกเขานำกระเช้าดอกไม้ขนาดใหญ่มาวางไว้ที่หน้าคลินิกทั้งสองฝั่ง ทำให้บรรยากาศดูคึกคักและเป็ทางการมากขึ้น
เมื่อได้เวลา 9 โมงเช้า จิงเซียวดึงผ้าคลุมป้ายสีชมพูออก พวกเขาเห็นป้ายไม้สีดำขนาดใหญ่ ที่แกะสลักเป็ลายมือทรงพลังสีแดงเข้ม เขียนว่า “คลินิกฉางซาน” ซึ่งเป็ลายมือของจิงเซียวเอง ทุกคนปรบมือกึกก้อง พร้ะโกนอวยพรแสดงความยินดีและขอให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้า
เมื่อเดินเข้าไปในคลินิก จะพบกับการตกแต่งที่มีกลิ่นอายแบบโบราณ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็ไม้สีน้ำตาลเข้ม ให้ความรู้สึกจริงจังน่าเชื่อถือ
บริเวณด้านหน้าเป็เก้าอี้ไม้เดี่ยว วางเรียงรายชิดผนังสำหรับให้คนไข้นั่งรอ ถัดมาเป็โต๊ะไม้ขนาดเล็กวางแจกันดอกไม้ แอลกอฮอล์ล้างมือ และหนังสือเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนเบื้องต้นและนิตยสารเกี่ยวกับจังหวัดวางเอาไว้ ด้านตรงข้าม เป็ตู้กดน้ำร้อนเย็นขนาดเล็กพร้อมแก้วแบบใช้แล้วทิ้ง
ด้านในของคลินิกเข้าไป มีเคาเตอร์ไม้ยาว ้าปูด้วยกระเบื้องสีขาว ด้านหนึ่งเป็คอมพิวเตอร์สำหรับลงทะเบียนและชำระเงิน ด้านหลังเคาเตอร์เป็ตู้ไม้ใส่ยาที่มีลิ้นชักใส่ยานับสิบอย่าง รวมไปถึงโถกระเบื้องและแก้วที่วางเรียงอย่างเป็ระเบียบ
ที่นี่ไม่ได้รับต้มสมุนไพร เพราะจิงซิงอี้ยังไม่มีผู้ช่วย เขาทำทุกอย่างคนเดียว จึงเน้นแค่รักษาและจ่ายยาให้คนไข้นำไปต้มเอง แต่เขาก็มียาสำเร็จรูปพร้อมใช้เตรียมให้อยู่แล้ว
อีกด้านของเคาเตอร์ เป็ทางเดินเข้าไปในห้องตรวจ ริมผนังด้านนี้ เป็ตู้เก็บอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแผนจีน
ห้องสำหรับตรวจรักษาด้านในสุด แบ่งออกเป็ 2 ส่วน ส่วนหน้ามีโต๊ะและเก้าอี้สำหรับหมอและคนไข้ ด้านหลังเป็ตู้และชั้นเก็บอุปกรณ์การแพทย์ และอ่างล้างมือ อีกด้านเป็เตียงสำหรับรักษาคนไข้ มีผ้าม่านรูดชิดผนังเอาไว้ด้านหนึ่ง
ส่วนที่สองเป็ห้องขนาดเล็กที่อยู่ด้านในสุด มีประตูกระจกกั้นเอาไว้ ข้างในเป็เตียงขนาดเล็กเอาไว้สำหรับคนไข้ที่นอนพักรอชั่วคราว
ถึงแม้ว่าจิงซิงอี้จะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็หลัก แต่ข้างในคลินิกมีแสงสว่างเพียงพอ ทำให้ไม่ดูอึดอัดเกินไป
สำหรับเงินทุนที่ใช้ในการซื้อตึกและตกแต่งทั้งหมด มาจากเงินเก็บที่จิงเซียวเก็บเอาไว้ให้ และบางส่วนมาจากเงินเก็บทั้งหมดของจิงซิงอี้เอง
จิงซิงอี้ช่วยงานจิงเซียวมาั้แ่เด็ก ทั้งช่วยเก็บและจัดเตรียมสมุนไพร เมื่อโตขึ้นยังช่วยเป็ลูกมือให้จิงเซียวในการรักษา และยังมีเงินที่ได้จากการรักษาคนไข้ และการผลิตยาสมุนไพรขาย ที่เขาเก็บสะสมมาั้แ่เด็กจนโต
ทั้งหมดนี้ เป็วิธีที่จิงเซียวใช้ในการฝึกสอนและจูงใจเขา จิงเซียวไม่เพียงแต่ให้ความรู้ตามตำรา เขายังให้จิงซิงอี้และลูกศิษย์คนอื่นได้ทำงานจริง และให้เงินเพื่อเป็แรงจูงใจด้วย จิงซิงอี้จึงเป็ลูกศิษย์และหลานของจิงเซียว ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรมากที่สุด
ในวันเปิดคลินิกนี้ จิงซิงอี้เตรียมของชำร่วยมาแจกแขกที่มาร่วมพิธีเปิดด้วย เขายัง้าจะโปรโมทสินค้าสมุนไพรและคลินิกของตัวเองไปพร้อมกัน
ของชำร่วยนั้น คือ ถุงหอมใส่สมุนไพรจีนหรือเซียงหนาง ใช้ในการขับไล่มดแมลง ขับไล่สิ่งชั่วร้าย และรักษาโรค ที่ใช้มาั้แ่ 2,000 กว่าปีที่แล้ว เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันยังนิยมใช้แจก เพื่อสื่อถึงความรักความห่วงใยในเทศกาลสำคัญอีกด้วย
ถุงหอมที่จิงซิงอี้แจก ทำจากถุงผ้าไหมสีแดง สีเหลือง สีฟ้าและสีเขียว ปักลวดลายต้นไม้และดอกไม้มงคล เขาแบ่งกลิ่นและประเภทของสมุนไพรตามสีเพื่อไม่ให้ผู้รับสับสน และเพื่อเป็การโฆษณาคลินิก เขาสั่งทำชื่อคลินิก คิวอาร์โค้ด มีข้อมูลของคลินิก ประวัติสั้นๆ ของจิงซิงอี้ รวมไปถึงใบอนุญาตทางการแพทย์ และยังบอกช่องทางติดต่อต่างๆ ทั้งวีแชท เว่ยปั๋ว และแปะติดบนถุงหอมด้วย
เมื่อจบพิธีเปิดคลินิกแล้ว แก๊งลุงป้าที่คอยช่วยเหลือจิงซิงอี้มาั้แ่ต้น ต่างพากันมาพูดคุยอย่างกระตือรือร้นกับจิงเซียวที่ไม่ค่อยจะปรากฏตัวให้เห็นเท่าไหร่ บางคนก็มาแสดงความยินดี บางคนก็ซักถามเกี่ยวกับอาการของโรคต่างๆ
จิงซิงอี้ถือตะกร้าใส่ถุงหอม แจกให้พวกเขาคนละถุง พร้อมกับอธิบายสรรพคุณว่า
“ถุงสีเหลืองเป็สมุนไพรช่วยขับไล่แมลงนะครับ ผมใช้เมนทอล การบูร พิมเสน ฮั่วเซียง อ้ายเย่ ่นี้ฝนเริ่มตกแล้ว แมลงเยอะ น่าจะใช้ได้ดี
ส่วนถุงสีฟ้า จะเหมาะกับเด็กๆหรือผู้สูงวัยที่หายใจลำบาก ช่วยเื่ภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ ผมใช้ซินอี๋ ไป๋จื่อ ปิงเพี่ยน ฮั่วเซียง เพ่ยหลาน โป้เหอ จินอิ๋นฮวา เฉินผี”
คุณลุงคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างสนใจว่า
“ลูกสาวของลุงอยู่ในเมือง ทำงานหนักมาก เห็นบ่นว่านอนไม่หลับ หมอจิงมีอะไรจะแจกมั้ย”
จิงซิงอี้หยิบถุงสีเขียวส่งให้ พร้อมอธิบายอย่างใจเย็นว่า
“ถุงนี้เลยครับ ช่วยเื่การนอนหลับแล้วก็ช่วยผ่อนคลายได้ มีหยวนจื้อ สือชางผู่ เพ่ยหลาน เหอฮวนผี โร่วกุ้ย และปิงเพี่ยน
แต่ต้องเตือนก่อนนะครับคุณลุง การนอนไม่หลับเกิดจากหลายสาเหตุ และถ้าเป็มากจะต้องรักษาอย่างจริงจัง ถุงหอมช่วยได้บางส่วนเท่านั้น”
คุณลุงพยักหน้า และรับถุงไปสูดดมแรงๆ เขายิ้มกว้างและพูดว่า
“ดมแค่นี้ยังสดชื่นเลย! อาหลินต้องชอบแน่ๆ ขอบใจหมอจิงมากๆ นะ”
จิงเซียวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ วันนี้ ไม่เพียงแค่สองตาหลาน ยังมีชุนเฉิง ลูกศิษย์คนที่สองของจิงเซียว ที่มาค่อยช่วยดูแลรับแขกั้แ่เช้าด้วย
ถุงหอมที่ทำมาสองร้อยถุงเพื่อแจก ก็หมดไปั้แ่วันแรก จิงซิงอี้แบ่งเก็บเอาไว้บางส่วน เพื่อแจกให้คนป่วยที่มารักษาที่คลินิกในวันแรก แน่นอนว่า คู่สามีภรรยาหยวนซุนและเหยาหลิง พร้อมกับซวี่ฮั่น ต่างก็ได้รับถุงหอมกลับไปด้วย และยังได้เพิ่มเติมอีกคนละสองถุงเพื่อเอาไปให้พ่อแม่ที่บ้าน
เมื่อหยวนซุนและเหยาหลิงกลับมาถึงบ้านแถวชานเมืองเซี่ยงไฮ้ เหยาหลิงรีบเดินไปหาแม่ของเธอที่กำลังทำสวนอยู่หลังบ้าน บ้านของเธออยู่ในเขตเมืองรอบนอก จึงพอจะมีพื้นที่ทำสวนหลังบ้านขนาดเล็กได้ และแม่ของเธอก็ชอบใช้เวลาว่างไปกับการทำสวนตรงนี้
่นี้เป็ปลายฤดูใบไม้ผลิเข้าสู่ฤดูร้อน จึงมีฝนตกสลับกับอากาศร้อน ทำให้หลายคนไม่สบาย และยังมียุงกับแมลงต่างๆ ออกมารบกวนมากขึ้น
แม่ของเหยาหลิงจึงถูกกัดบ่อยๆ เมื่อได้ถุงหอมมา เหยาหลิงจึงรีบเอาไปให้ทันที เธออธิบายสรรพคุณของถุงหอม ซึ่งแม่ของเธอก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อสูดดมกลิ่นแล้วเธอก็ชอบ เพราะช่วยให้ผ่อนคลายดี
เย็นวันรุ่งขึ้น เมื่อแดดร่มลมตกแล้ว เธอจึงออกมาทำสวนตามปกติ และนำถุงหอมมากลัดติดกับเสื้อเอาไว้ตามที่เหยาหลิงบอก วันนั้นเธอทำสวนเพลิน จนสามีของเธอต้องเดินมาตามว่า
“แม่ๆ ยังไม่ทำข้าวเย็นอีกหรือ อาหลิงกับอาซุนกำลังจะกลับมาจากทำงานแล้วนะ”
แม่ของเหยาหลิงใ รีบคว้าอุปกรณ์มาล้างเก็บ และเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหารเย็น เธอบอกกับสามีในขณะล้างมือว่า
“ฉันลืมเวลาไปเลย มัวแต่ทำสวนเพลิน”
พ่อของเหยาหลิงซึ่งนั่งกินผลไม้รองท้องอยู่ใกล้ๆ ก็ถามด้วยความสงสัยว่า
“วันนี้เป็อะไรไป ทำไมอยู่ในสวนนานล่ะ ฉันเห็นเธอวิ่งหนียุงเข้าบ้านก่อนห้าโมงเย็นทุกที”
แม่ของเหยาหลิงหยุดคิดและทำตาโต เธอก้มลงมองถุงหอมที่กลัดเอาไว้ที่เสื้อ และก็นึกได้ว่า วันนี้ไม่มียุงกับแมลงมารบกวนเธอเลย เธอจึงบอกสามีด้วยความตื่นเต้นว่า
“ถุงหอมนี่ไง เหยาหลิงเอามาให้ ฉันไม่โดนยุงกัดเลยสักนิด ก็เลยทำสวนจนลืมทำข้าวเย็นไปเลย!”
เมื่อหยวนซุนและเหยาหลิงกลับมาถึงบ้าน แม่ของเหยาหลิงก็เล่าเื่นี้ให้พวกเขาฟังอีกครั้งด้วยความดีใจ
หยวนซุนจึงตอกย้ำฝีมือการรักษาโรคของจิงซิงอี้ ทำให้พ่อของเหยาหลิงสนใจถุงหอม และถามทั้งคู่ว่ายังมีเหลืออีกหรือไม่
เหยาหลิงจึงบอกว่า ตอนนี้มีเพียงถุงสีฟ้าที่ช่วยเื่ภูมิแพ้และการหายใจ พ่อของเหลาหลิงกำลังมีปัญหาจากอากาศร้อนชื้นใน่เปลี่ยนฤดูนี้พอดี เขาจึงขอลองใช้ ถ้าพบว่าได้ผลดี เขาก็ตั้งใจว่าจะให้ลูกสั่งซื้อ และนำไปแจกเป็ของขวัญในเทศกาลที่จะมาถึงด้วย
คืนนั้น พ่อของเหยาหลิงเข้านอน โดยวางถุงหอมสมุนไพรเอาไว้ข้างหมอน เขานอนหลับสนิททั้งคืน กลิ่นหอมจากสมุนไพรช่วยให้จมูกของเขาโล่ง หายใจสะดวก ไม่สะดุ้งตื่นกลางดึกเพื่อพ่นยาช่วยขยายหลอดลมเหมือนที่เคย
เช้าวันต่อมา เขาจึงสั่งให้หยวนซุนและเหยาหลิงช่วยสั่งซื้อถุงหอมให้ด้วย เหยาหลิงจึงส่งข้อความไปถามจิงซิงอี้ และได้คำตอบว่า ตอนนี้ถุงหอมแจกไปหมดแล้ว
แต่เขาตั้งใจจะทำขายเช่นกัน แต่ต้องใช้เวลาหน่อย เพราะเขาทำเองคนเดียว และจะแจ้งว่า เมื่อไหร่จะจำหน่ายอีกครั้ง ซึ่งเหยาหลิงยินดีจะช่วยโปรโมทสินค้าให้กับเพื่อนๆ ของเธออีกด้วย
และในภายหลัง ถุงหอมสมุนไพรนี้ ก็กลายมาเป็หนึ่งในสินค้าของจิงซิงอี้ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และกลายมาเป็จุดเริ่มต้นในการเป็นักธุรกิจสินค้าสมุนไพรของเขาในที่สุด
