เมื่อซูเมิ่งหานยืนขึ้นเพื่อช่วยเหลือเย่เฟิง ทุกคนโดยรอบต่างตกตะลึง
“คุณผู้หญิง งั้นผมขอถามหน่อย เขาต่อยคนอื่นจริงไหม?” นายตำรวจอ้วนเตี้ยเหมือนเห็นอะไรบางอย่าง จึงเปลี่ยนข้อหาเป็ทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ตอนนี้เขาเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ธรรมดา เป็ไปได้มากว่าพวกเขาเป็แฟนกัน เพราะงั้นคงเอาผิดข้อหาล่วงละเมิดทางเพศไม่ได้ แต่สำหรับเื่ทำร้ายร่างกายยังถือว่าเอาความได้อยู่
“เขาปกป้องหนูเลยต่อยชายคนนั้นค่ะ” ซูเมิ่งหานควงแขนเย่เฟิงก่อนเสริม “แม้อารมณ์ของเขาค่อนข้างแย่ แต่ชายคนนั้นทำผิดก่อน”
เมื่อเย่เฟิงได้ยินก็แปลกใจ เขาไม่คิดว่าซูเมิ่งหานจะกล้าพูดแทนเขา
“เอ่อ…” ตำรวจอ้วนเตี้ยลังเลเล็กน้อย ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ
“งั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว” ตำรวจร่างสูงที่อยู่ข้างๆ ดึงเพื่อนแล้วเอ่ย “พวกคุณนั่งลงก่อน ถึงสถานีแล้วค่อยลงไปเคลียร์กัน”
หลังจากพูดจบตำรวจร่างสูงก็ดึงเพื่อนของเขาออกจากโบกี้ผู้โดยสาร
“เฮ้ย เขาทำผิดกฎหมายนะ ทำไมถึงไม่จับเขาล่ะ?” ตำรวจอ้วนเตี้ยไม่เข้าใจ
“ไอ้โง่ เื่นี้เกี่ยวข้องกับแก๊งอสรพิษ์เลยนะ ถ้าพวกเราไม่ยุ่งได้ก็อย่าหาเื่ใส่ตัวดีกว่า” ตำรวจร่างสูงกระซิบบอกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว
เมื่อตำรวจทั้งสองจากไป ทุกคนที่อยู่ในขบวนต่างพากันเงียบ พวกเขาเป็คู่รักที่ทะเลาะกัน ส่วนชายในชุดสูทคนนั้นก็เข้าไปยุ่งไม่เข้าเื่จนโดนอัดไปตามระเบียบ นี่มันเื่ตลกชัดๆ อย่างไรก็ตามคู่รักวัยรุ่นคู่นี้คงแย่แน่ ชายชุดสูทเป็คนของเเก๊งอสรพิษ์
“เธอช่วยฉันทำไม?” เย่เฟิงนั่งลงและถามซูเมิ่งหาน
“ก็ทั้งหมดเป็ความผิดของฉัน ทำไมฉันจะช่วยนายไม่ได้ล่ะ?” ซูเมิ่งหานตอบเย่เฟิงและนั่งพิงหน้าต่าง
“ก็จริง” เย่เฟิงยิ้มและพยักหน้า เื่ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคำว่า ไอ้สารเลว ที่ออกจากปากน้อยๆ ของเธอไม่ใช่หรือ?
โชคดีที่ปัญหาเหล่านี้ไม่ส่งผลกระทบต่อเขาเท่าไร หากเป็คนธรรมดาคนอื่น ต่อให้อดทนหรือต่อยกลับก็ถูกพวกแก๊งอสรพิษ์ตามล่าอยู่ดี และเื่คงจบไม่สวยแน่ นี่คือผลจากการที่เขามีอำนาจ หากเขาไร้พลังอำนาจ แค่การอยู่กับสาวสวยอย่างซูเมิ่งหานก็ชักนำปัญหามาให้เขามากมายแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น เย่เฟิงจึงหยิบมือถือของเขาขึ้นมาและส่งข้อความให้ชายหน้าบากมารอที่สถานีรถไฟ
“แล้วก็นาย...” ซูเมิ่งหานเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพูดต่อ “นายต้องหัดควบคุมอารมณ์บ้าง ไม่ใช่เอะอะจะต่อยอย่างเดียว ถึงนายมีพวกแก๊งอสรพิษ์หนุนหลัง สักวันนายอาจจะเดือดร้อนก็ได้…”
เย่เฟิงจ้องเธอ ใบหน้าของเธอยังงดงามและบริสุทธิ์แต่มีความกังวลเล็กน้อย
“รู้เเล้วน่า” ชายหนุ่มพยักหน้า
เดิมเย่เฟิงไม่เห็นด้วยกับการใช้เหตุผลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกเทวะ ผู้แข็งแกร่งคือผู้ทุกสิ่ง ปลาใหญ่ย่อมกินปลาเล็ก หากยุ่งเื่ของคนอื่นก็มีสิทธิ์ตายได้ ด้วยระดับพลังเพียงสิบปีของเขา เพราะอาจารย์คนสวย เขาจึงมีชีวิตรอดในโลกใบนั้นได้ ถึงอย่างนั้นตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกแปลกๆ ในใจเล็กน้อย ในโลกเทวะเขายังมีอาจารย์คอยปกป้อง แต่ตอนนี้กลับไม่มีอีกแล้ว
“จำได้ว่าเมื่อก่อนเย่เฟิงไม่ได้เป็แบบนี้นี่นา หรือเพราะเื่เย็นวันนั้น ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเองกันนะ…” ซูเมิ่งหานคิดกับตัวเอง ความเปลี่ยนแปลงของเย่เฟิงตรงกับวันที่พ่อของเธอให้เงินสองแสนกับเขาเพื่อเหยียดหยาม นี่ทำให้เธอเสียใจเล็กน้อย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ซูเมิ่งหานมีความประทับใจที่ดีต่อเย่เฟิงหรืออาจกล่าวได้ว่าเธอเริ่มชอบเขาแล้ว ถ้าไม่มีเื่ของหลงหว่านเอ๋อร์ เธออาจสารภาพรักกับเย่เฟิงเเล้ว
……
เมื่อรถไฟหยุดที่สถานีเยี่ยนจิง ทั้งสองลงจากรถแล้วออกจากสถานี เย่เฟิงมองอาคารสูงพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็กลับมา ตราบใดที่เขาไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ฝึกวิถีเซียนก็จะไม่มีปัญหาในยทธจักร
“ลุง พวกมันออกมาแล้ว” หลังจากทั้งคู่ออกจากสถานี เย่เฟิงก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาหันไปเจอชายในชุดสูทคนเดิมยืนอยู่กับกลุ่มชายสวมแว่นกันแดดในชุดแบบเดียวกัน ขณะชี้นิ้วมาทางเย่เฟิงและซูเมิ่งหาน คนกลุ่มนี้น่าจะเป็พวกแก๊งอสรพิษ์ แต่ไม่มีชายหน้าบากอยู่ด้วย
ในไม่ช้าพวกมันก็เข้ามาหาเย่เฟิงและมองด้วยสายตาดุร้าย มองแวบแรกเหมือนอันธพาลของโลกใต้ดิน ทำให้คนรอบข้างหวาดกลัวและไม่มีใครกล้าขวางทาง มีเพียงเย่เฟิงและซูเมิ่งหานที่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนี้รอพวกมันเข้ามาหา
“สวัสดีหนุ่มน้อย ได้ข่าวว่าแกต่อยหลานฉันบนรถไฟ” ชายหน้าเหลี่ยมมองเย่เฟิงอย่างเ็า เขาเป็ลุงของชายหนุ่มในชุดสูทและเป็หัวหน้ากลุ่มย่อยของแก๊งอสรพิษ์ด้วย
“มันแสดงท่าทีหยาบคายกับแฟนฉันแล้วยังพูดด่าครอบครัวของฉัน ฉันต่อยมันแล้วแปลกตรงไหน?” เย่เฟิงมองชายหนุ่มชุดสูทพลางพูดด้วยน้ำเสียงสบายใจ
“ไอ้เด็กเวร อยู่ในเมืองแล้วแกยังอวดดีอีกงั้นเหรอ!?” เมื่อชายชุดสูทเห็นท่าทีใจกล้าของเย่เฟิงก็โกรธจัด เขาตั้งใจอัดผู้ชายจนพิการ และเอาผู้หญิงมาเล่นสนุกก่อน แต่เวลานี้เขาตัดสินใจสั่งสอนเย่เฟิงให้รู้ชะตากรรมที่บังอาจท้าทายแก๊งอสรพิษ์!
“หึ ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น” เย่เฟิงส่ายหัวแล้วเงยหน้ามอง เขาเห็นชายหน้าบากวิ่งมาด้วยสีหน้าร้อนรนเหมือนกับเพิ่งวางสาย เย่เฟิงคิดในใจ ดูเหมือนเขาไม่จำเป็ต้องลงมือเองแล้ว
ชายหนุ่มชุดสูทที่ยืนอยู่กับลุงหน้าเหลี่ยมของเขายังจ้องเย่เฟิงโดยไม่ได้รู้ว่าชายหน้าบากกำลังวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางเฉยเมยของเย่เฟิง พวกเขาก็ยิ่งโกรธ และคิดในใจ เดี๋ยวแกได้เจอดีแน่
ชายหน้าเหลี่ยมโบกมือให้ลูกน้องโจมตี สำหรับพวกเขา การจัดการกับเด็กนักเรียนมัธยมปลายคนเดียวไม่ถือเป็เื่ใหญ่ แค่วินาทีเดียวก็พอเเล้ว เวลานั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง “หยุดเดี๋ยวนี้! พวกแกคิดจะทำบ้าอะไรกัน!?”
กลุ่มคนเ่าั้หันกลับไปมอง พวกเขาพบหัวหน้าใหญ่ที่ใบหน้าโกรธเกรี้ยว
“พี่ใหญ่ เ้าหมอนี่มันต่อยหลานชายของผมบนรถไฟโดยไม่มีเหตุผล พวกเรากำลังพูดคุยหาทางแก้ปัญหาอยู่เลย” ชายหน้าเหลี่ยมััได้ถึงอารมณ์ของหัวหน้า และไม่กล้าพูดความจริงออกไป
“ต่อยได้ดี แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าหลานของแกเป็คนยังไง?” ชายหน้าบากพูดขณะจ้องชายหนุ่มชุดสูทคนนั้น
“นี่... พี่ใหญ่” ชายหนุ่มชุดสูทพูดอย่างระมัดระวัง เมื่อเทียบกับพี่ใหญ่ของแก๊ง ตัวเขาไม่มีค่าอะไรเลย
“เอาล่ะๆ นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉัน หลังจากนี้หากพวกแกเจอเขาต้องเรียกเขาว่าพี่ใหญ่เย่และนายหญิงเย่ด้วย ได้ยินไหม!” ชายหน้าบากพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมแตะไหล่ของเย่เฟิง ทำให้คนในแก๊งต่างมึนงง
พี่ใหญ่เย่กับนายหญิงเย่?
ใบหน้าของชายหนุ่มชุดสูทและชายหน้าเหลี่ยมเปลี่ยนสี บัดซบ ไอ้เด็กนี่มีฐานะสูงถึงระดับนี้เลยเหรอ นี่มันแกล้งเป็หมูให้เสือกินชัดๆ!
ซูเมิ่งหานที่ยืนเงียบๆ ด้านข้างเย่เฟิงได้ยินชายหน้าบากเรียกเธอว่า ‘นายหญิงเย่’ พลันหน้าแดงลามไปถึงคอ หญิงสาวคิดว่าชายหน้าบากพูดมากเกินไป เขาไม่รู้อะไรเเล้วยังพูดส่งเดชอีก เย่เฟิงเป็ญาติกับหัวหน้าแก๊งอสรพิษ์อย่างนั้นหรือ มิน่าล่ะพ่อถึงอยากให้เธอเข้าหาเย่เฟิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้