บทที่ 72 ข้ามีเยอะไป
สัตว์ปีศาจตัวน้อยที่แปลกประหลาดนี้คือตัวที่ฉู่อวิ๋นพบในทะเลโอสถ
ในเวลานั้น มันยังขุดผลไม้แฝดหยวนหยางขึ้นมา ซึ่งผลหนึ่งมันกินเอง และอีกผลถูกฉู่อวิ๋นกลืนเข้าไป ทั้งน่ารักและมีไหวพริบ
“ทำไมเ้าก้อนขนตัวน้อยนี้ถึงถูกจับมาได้ มันมีความสามารถลึกลับที่จะปกป้องพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่หรือ?” ฉู่อวิ๋นสับสน ดูเหมือนว่าเ้าก้อนขนตัวน้อยจะถูกนักล่าสัตว์ปีศาจจับตัวไประหว่างทางกลับไปยังด้านในป่าสนธยา
“อ๊ะ! นั่นคือสัตว์ปีศาจตัวน้อยที่เราพบในวันแรกนี่!” มู่หรงซินรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นเ้าก้อนขนตัวน้อยที่นี่ นางยกมือปิดปากไว้และอุทานออกมา
จากนั้นนางก็แสดงสีหน้าสงสาร เ้าก้อนขนตัวน้อยนี่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายในเวลาเพียงเดือนกว่าๆ และดูเหมือนว่าจะยังไม่พบเ้าของที่เหมาะสมพอจะรับมันไป
“หน้าตาก็น่ารักอยู่หรอก แต่ไม่เชื่อฟังเลย น่าเบื่อ!”
“ใช่ ให้ตายเถอะ เ้าตัวน้อยนี่หมดแรงไปแล้ว มาที่นี่จะมีประโยชน์อะไรอีก? ดูแจกันยังดีกว่า!”
ยามนี้ มีผู้คนพูดอะไรบางอย่างที่ดูถูกเหยียดหยามออกมา จากนั้นจึงหยิบกิ่งไม้จากที่ไหนสักแห่งแล้วตีไปยังทิศทางของเ้าก้อนขนตัวน้อย
“แปะ แปะ แปะ”
กิ่งก้านกระแทกกับพื้นใกล้เ้าก้อนขนตัวน้อย ทำให้เกิดเสียงที่ทำให้มันใจนตัวสั่นและะโถอยหลัง
“ฮิ น่าสนใจ!” ชายคนนั้นยิ้มและเล่นกับเ้าก้อนขนตัวน้อยต่อ เขาแต่งตัวงดงาม สวมชุดทองระย้า ดูเหมือนพ่อค้าผู้มั่งคั่งที่ติดอยู่ในหมู่บ้านหงอู้
นักล่าสัตว์ปีศาจที่อยู่ข้างๆ เขาไม่พอใจมากกับพฤติกรรมของพ่อค้าคนนี้และขมวดคิ้ว แต่เขาทำได้เพียงกล้าโกรธไม่กล้าพูด ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็เพียงไม่กี่คนที่มีแนวโน้มจะซื้อเ้าก้อนขนตัวน้อยนี้ได้ในตอนนี้
นักรบรับจ้างหรือนักรบที่หลบหนีจะไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่อซื้อสัตว์ปีศาจที่ไร้ประโยชน์
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะมีนักรบหญิงอยู่บ้าง แต่พวกนางก็ยังเป็นักรบรับจ้างที่แข็งแกร่งและไม่สนใจสัตว์เลี้ยงน่ารักเหล่านี้
กิ่งไม้ตกพื้นอย่างต่อเนื่องและเ้าก้อนขนตัวน้อยก็หวาดกลัวมาก มันหลบเลี่ยง และในไม่ช้าก็หมดแรง
“ะโสิ ให้ตายเถอะ!” พ่อค้าผู้มั่งคั่งชื่อโจวอันดาเห็นว่าเ้าก้อนขนตัวน้อยอ่อนแอ เขาโกรธมากจนอยากจะทุบมันด้วยกิ่งไม้
“ควั่บ!”
แต่ก่อนที่กิ่งไม้จะเหวี่ยงลงมา เสียงคำรามของัแ่เบาก็ดังออกมา และแสงฝ่ามือสีเหลืองก็ส่องผ่านความว่างเปล่า โจมตีกิ่งไม้เล็กๆ จนเป็ผุยผง
“สัตว์ปีศาจตัวนี้ไร้ความผิด หากเ้าตีมันตาย คนเขาจะทำการค้าได้อย่างไรอีก?” ฉู่อวิ๋นเก็บฝ่ามือและจ้องมองโจวอันดาอย่างเ็า
“เด็กสารเลวนี่มาจากไหนกัน?! ข้าก็แค่อยากจะเล่นกับเ้าตัวนี้ เพราะสุดท้ายมันก็จะกลายเป็ของข้า อย่ามายุ่งเื่คนอื่น!” โจวอันดาหรี่ตาลงแล้วมองฉู่อวิ๋นด้วยอารมณ์โมโห
แต่ในขณะเดียวกัน โจวอันดาก็รู้ดีว่าแสงจากฝ่ามือเมื่อครู่นี้มีพลังมาก ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าแสดงท่าทีผลีผลาม ทำเพียงพูดขู่เท่านั้น
“ฮ่าๆ ที่นี่เองก็มีนักรบไม่น้อย พวกเขาทั้งฉลาด มีไหวพริบ และเป็วีรบุรุษ นี่ท่านดูถูกพวกเขา คิดว่าพวกเขาไม่มีเงินซื้อสัตว์ปีศาจตัวนี้หรือ?” ฉู่อวิ๋นยกยิ้ม หว่านเมล็ดความไม่ลงรอยกัน และปล่อยให้ทุกคนมองดูโจวอันดาด้วยสายตาโกรธเคือง
“เ้า...เ้า...ฮึ่ม! ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น!” โจวอันดาโกรธมาก แต่เขาก็ผงะถอยหลังด้วยความใทันทีเมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็มิตรจากทุกคน
เพราะแม้ว่าเขาจะรวย แต่การถูกนักรบหลายคนรุมทึ้งก็ไม่ใช่เื่ดีแน่
“เถ้าแก่! เ้าบอกราคามันมา หากข้าคิดว่าเหมาะสมข้าก็จะซื้อ!” โจวอันดาตะคอกอย่างโกรธเคืองและ้าซื้อเ้าก้อนขนตัวน้อยนี้ เพื่อแสดงฐานะและไม่ให้ตนเองต้องเสียหน้า
“เอ่อ... อะแฮ่ม ท่านผู้นี้ สัตว์ปีศาจตัวนี้มีค่ามาก เกรงว่า...” แม้ว่านักล่าจะได้ยินว่าโจวอันดาสนใจที่จะซื้อ แต่เขาก็ยังคงแสดงท่าทีลังเล ทำให้ทุกคนสับสน
“หยุดอ้ำๆ อึ้งๆ ได้แล้ว บอกราคามา!” โจวอันดาใจร้อน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนร่ำรวย แต่เขามักจะทำการค้าที่ทำเงินได้มากมาย ย่อมรู้สึกว่าการซื้อสัตว์ปีศาจเป็แค่เื่เล็ก
เมื่อได้ยินดังนั้น นักล่าก็กลอกตา เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก และพูดอย่างสั่นเทา "ห้าสิบ... ไม่! สี่... หินิญญาสี่สิบก้อน!"
เสียงของเขาเบามากแต่ทุกคนกลับได้ยินชัดเจน จากนั้นฝูงชนก็แตกฮือ ตกอยู่ในความวุ่นวาย
“นี่! พี่ชาย ท่านไปขโมยเสียยังดีกว่า! หินิญญาสี่สิบก้อน? สี่หมื่นเหรียญทอง?”
“สมบัติพลังปราณชิ้นหนึ่งก็แค่สามหมื่นเหรียญทอง แต่กับสัตว์ปีศาจไร้ประโยชน์นี่ท่านกลับขายถึงสี่หมื่นเหรียญทอง? ท่านนี่บ้าเงินเกินไปแล้วกระมัง?”
ทุกคนอุทานครั้งแล้วครั้งเล่าโดยคิดว่านักล่าคนนี้พยายามกดราคา ทำให้โจวอันดาซื้อไม่ได้
“นี่ เ้าคิดว่าข้าจะยอมให้เอาเปรียบหรือ? แม้ว่าข้าจะมีเงินแต่ก็ไม่มีทางเอามาใช้จ่ายเช่นนี้แน่! เ้าตัวน้อยนี่ราคาสี่พันเหรียญทอง ไม่มากไปกว่านี้แล้ว!” โจวอันดามองไปที่เ้าก้อนขนตัวน้อยด้วยความดูถูก ทำให้ดวงตาของมันเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ดวงตากลมโตดูหวาดกลัว
สี่พันเหรียญทองมีราคาใกล้เคียงกับสัตว์ปีศาจระดับสี่ โจวอันดารู้สึกว่านี่เป็ราคาที่ถูกต้องสำหรับนักล่าแล้ว
“ท่านลุง ข้าอยากรู้ว่าทำไมท่านถึงตั้งราคาสูงเช่นนี้?” ฉู่อวิ๋นถาม เขารู้สึกว่าในป่าสีเืที่ผิดปกติไปและนักล่าคนนี้ต้องรู้อะไรบางอย่างแน่
“ใช่! ท่านตั้งราคาเช่นนี้ใครเขาจะซื้อกัน?”
“บอกที่มาของสัตว์ปีศาจตัวน้อยนี้หน่อยสิ!”
ทุกคนเห็นด้วยกับฉู่อวิ๋น ข้อคำถามเขียนชัดอยู่เต็มหน้า พวกเขาอยากรู้ว่าทำไมเ้าตัวเล็กนี่ถึงราคาสูงนัก
เมื่อเห็นคลื่นผู้คนพลุ่งพล่าน นักล่าก็เริ่มเครียดขึ้นมา จากนั้นเขาก็เช็ดเหงื่อด้วยแขนเสื้อ กลืนน้ำลายแล้วอธิบายว่า "ไม่ใช่ว่าข้าตั้งราคาสูง แต่เ้าตัวน้อยตัวนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !”
“เื่นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนั้นข้าพบกับเ้าตัวนี้ในป่าสนธยา เห็นมันน่ารักก็เลยอยากจะจับมาขาย แต่พอเข้าไปใกล้มันก็ปล่อยแสงสีทองเป็ตาข่ายวงกลมออกมาครอบตัวเองไว้ ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง!”
“ข้าออกล่ามาหลายปี ไม่เคยเห็นสัตว์วิเศษเช่นนี้มาก่อน เลยรออยู่ที่นั่น หลังจากนั้นไม่นาน ตาข่ายแสงสีทองก็หายไป เ้าตัวน้อยนี่ก็ดูหมดแรง ข้าจึงจับมันได้สำเร็จ”
หลังจากฟังคำอธิบายของนักล่า ทุกคนก็ยังคงสงสัยอยู่ สัตว์ปีศาจที่มีทักษะป้องกันตัวใต้หล้านี้ก็มีไม่ใช่น้อย แต่พวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีสัตว์ปีศาจที่สร้างตาข่ายกั้นอากาศได้มาก่อน
แม้ว่าจะมี แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่นักล่าเพียงคนเดียวจะจับได้อย่างแน่นอน
ต้องรู้ว่า ทักษะหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับอวกาศนั้น เป็สิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและทรงพลังอย่างถึงที่สุด
โจวอันดาเลิกคิ้วและเยาะเย้ยคำพูดของนักล่า “ไร้สาระน่า ถ้าตามที่เ้าพูด เ้าตัวน้อยนี่มีพลังพิเศษ เช่นนั้นตอนที่มันฟื้นฟูกลับมาแข็งแรง มันก็จะหลบหนีไปได้สินะ?”
“ข้า...ข้าก็ไม่มั่นใจ! แต่นับั้แ่นั้นมา มันก็ไม่ได้ใช้ตาข่ายกั้นอากาศอีกเลย ความจริงก็เป็เช่นนี้ อาจจะเพราะว่าข้าเลี้ยงไม่เป็กระมัง! ถ้า...ท่านไม่ซื้อ ก็ช่างมันเถอะ!” นักล่าเองก็ดูกังวล เหงื่อออกมาก และดูเศร้าโศก
เพราะเขาติดใจอยู่กับราคานี้ ทุกวันนี้จึงไม่มีใครสนใจสัตว์ปีศาจตัวน้อยนี่เลย
เมื่อเห็นท่าทางที่สั่นเทาของนักล่า ทุกคนก็มองหน้ากัน แม้ว่าทุกคนจะเห็นว่าเขาตื่นกลัวแค่ไหน แต่ก็ไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
ในเวลานี้ โจวอันดาเองก็เห็นว่านักล่าน่าสงสารเพียงใด เขาขมวดคิ้ว ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ คิดเสียว่าข้าทำบุญก็แล้วกัน หนึ่งหมื่นเหรียญทอง! ข้าจะเอาเ้าตัวนี้ไป!”
โจวอันดาไม่เชื่อเื่ที่นักล่าเล่า แต่เมื่อครู่เขาคุยอวดไปแล้วว่าจะซื้อ จะขายหน้าไม่ได้
“หมื่นเหรียญทอง…” นักล่ากัดฟัน ราคานี้ยังห่างไกลจากความคาดหวังของเขานัก แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงผ่อนปรนเท่านั้น เพราะในหมู่บ้านนี้ จะขายราคาเช่นนี้ได้ก็ยากแล้ว
“ก็ได้! หนึ่ง...หมื่นเหรียญทองก็หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!”
“หึ ตกลง!”
ใบหน้าของโจวอันดาบึ้งตึง เขาพ่นลมหายใจและโยนถุงเหรียญทองหนักๆ ให้กับนักล่า
จากนั้น เขาก็มองไปที่เ้าก้อนขนตัวน้อย และคิดจะเอามันไป ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองเขาด้วยความอิจฉา
ความจริงแล้ว ที่ตรงนี้ก็มีอีกหลายคนที่อยากจะซื้อเ้าก้อนขนตัวน้อยนั่น เพราะหากพบกับคุณสมบัติตาข่ายกั้นอากาศนั่นได้ สิ่งที่ได้รับกลับมาย่อมประเมินค่าไม่ได้
แต่สำหรับทุกคนแล้ว หนึ่งหมื่นเหรียญทองนับว่าฟุ่มเฟือยไปสักหน่อย ดังนั้นหลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว พวกเขาจึงล้มเลิกจะแย่งชิงมา
“ฮึ่ม มากับข้า! เ้าสัตว์ขนปุกปุย!” โจวอันดาะโเพื่อระบายความโกรธ พยายามดึงโซ่เพื่อเอาเ้าก้อนขนตัวน้อยไป
“รอเดี๋ยว!”
ยามนี้ เสียงของฉู่อวิ๋นดังออกมาจากฝูงชนอีกครั้ง ทำให้ใบหน้าของโจวอันดาจริงจังขึ้น เขาแค่นเสียงอย่างเ็า “ไอ้หยา เ้าคนกระจอก คิดจะทำอะไรอีก? สัตว์ปีศาจตัวนี้เป็ของข้าแล้ว ข้า้าสิ่งใดก็ต้องได้สิ่งนั้น! มือเท้าเ้าสอดเข้ามาไม่ได้แล้ว!”
ฉู่อวิ๋นยกยิ้มไม่เห็นด้วย “หืม? จริงหรือ? ถ้าเช่นนั้น ข้าอยากถามท่านนักล่าหน่อย ตอนนี้หากข้า้าเสนอราคา ได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สีหน้าของนักล่าที่ประหลาดใจ แต่ทุกคน ณ ที่นี้ก็ประหลาดใจเช่นกัน หนึ่งหมื่นเหรียญทองก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ แล้ว หรือว่าชายที่สะพายกระบี่ไว้บนหลังนี้ จะสามารถเสนอราคาได้สูงกว่านี้?
“นี่...ได้ ได้แน่นอน!” นักล่าสงบลงเล็กน้อยแล้วปาดเหงื่อ เขารู้ดีว่าเ้าก้อนขนตัวน้อยนี่พิเศษแค่ไหน และแน่นอนว่าเขาไม่้าขายมันในราคาถูกนัก
“เมื่อครู่ที่ท่านบอกราคาสี่หมื่นเหรียญทอง ข้าจะซื้อมันในราคาเดิม” ฉู่อวิ๋นพูดอย่างสงบ ราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเื่ธรรมดา ทำให้ทุกคนประหลาดใจมาก
สี่หมื่นเหรียญทองเชียวนะ! เงินจำนวนนี้สามารถซื้อสมบัติระดับต่ำได้เลยนะ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับไม่สนใจเลยสักนิด?
“สี่... สี่สี่... หมื่น?! ตกลง ตกลง!” นักล่าประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะซื้อมันในราคาเดิม นี่เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
ทันใดนั้น นักล่าก็โยนถุงเหรียญทองกลับไปให้โจวอันดาด้วยท่าทางรังเกียจ ดึงสัตว์ปีศาจตัวน้อยกลับ และเดินไปหาฉู่อวิ๋นด้วยความเคารพ พร้อมสีหน้าประจบประแจง
“นี่คือหินิญญาสี่สิบก้อน มูลค่าสี่หมื่นเหรียญทอง รับไว้เถอะ” ฉู่อวิ๋นยกยิ้มเล็กน้อยและยื่นถุงหินิญญาให้นักล่า ทำให้เขายิ้มได้
ในเวลานี้ ทุกคนต่างตกตะลึง ชายหนุ่มคนนี้ทำตามที่พูดจริงๆ เขารวยมากเลย!
บางคนถึงกับแอบคาดเดาถึงตัวตนของฉู่อวิ๋น โดยคิดว่าเขาเป็เด็กจากตระกูลร่ำรวยที่แอบหนีออกมา
“เดี๋ยวก่อน!” โจวอันดาหายใจแรง หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง น่าอับอายเหลือเกิน
เขาเดินไปหานักล่าเพียงไม่กี่ก้าว โยนถุงเหรียญทองใบใหญ่ให้อีกครั้ง และพูดด้วยความโมโห “น่าตายนัก! ข้ามีเงินมากกว่านี้อีก! นี่คือห้าหมื่นเหรียญทอง สิ่งที่ข้าหมายตา ใครอยากได้ก็คิดว่าจะได้มันไปหรือ!?”
ขณะที่เขาพูด โจวอันดาก็เหลือบมองฉู่อวิ๋นอย่างเกลียดชัง
เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่าโจวอันดากำลังจะต่อสู้กับฉู่อวิ๋น เพื่อแย่งชิงสัตว์ปีศาจกลับมากู้หน้า
นักล่าเองก็อับอายมากเช่นกัน ในมือข้างหนึ่ง เขามีหินิญญาที่ใสสว่างราวหยก และอีกข้างหนึ่งก็มีเหรียญทองหนักอึ้ง ตัดสินใจยากเหลือเกิน
“โอ๊ะ? แค่ห้าหมื่นเอง” ฉู่อวิ๋นไม่สนใจ เขาแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยน ยื่นมือออกมาและค่อยๆ มอบหินิญญาให้กับนักล่าทีละก้อน
“ห้าหมื่นหนึ่งพัน”
“ห้าหมื่นสองพัน”
“ห้าหมื่นสามพัน”
“หกหมื่น”
ฉู่อวิ๋นเคลื่อนไหวเชื่องช้า แต่ในเวลาเดียวกันก็จ้องมองไปที่โจวอันดาอย่างสงบ ทำให้ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดมากขึ้น คิ้วของเขาสั่นกระตุกทันที ขบกัดฟันด้วยความไม่พอใจ
“หินิญญา ข้ามีเยอะไป แต่เ้า…”
ฉู่อวิ๋นหัวเราะสองสามครั้ง ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็โน้มตัวไปแก้ห่วงโซ่เหล็กให้เ้าก้อนขน หยิบมันขึ้นมา และพามู่หรงซินจากไปอย่างไม่แยแส ปล่อยให้ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงและสับสน
ในเวลานี้ ผู้ที่สายตาดีสังเกตเห็นโจวอันดาที่มีสีหน้ามืดมน ก่อนจะเห็นว่าถุงเงินในอ้อมแขนของเขาว่างเปล่า
เขาไม่มีเงินแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้