วันนี้ฮองเฮา “หวงจินเหลียน” ได้แวะมาเยี่ยมเยียน “องค์หญิงมู่หรงเซียว” บุตรสาวของตนถึงตำหนักด้วยความรักใคร่
พระนางทรงฉลองพระองค์สีแดงเหลือบทอง งดงามสูงศักดิ์ ปิ่นปักผมหงส์ทองประดับบนมวยผมอย่างวิจิตร ทุกย่างก้าวสง่างามสมตำแหน่งสตรีผู้เป็ศูนย์กลางแห่งวังหลัง
แม้จะทรงเป็สตรีวัยกลางคนแล้ว แต่หวงจินเหลียนยังคงความงามอ่อนช้อยตามแบบฉบับสตรีแห่งเจียงหนาน ดวงพักตร์อ่อนโยนแต่เปี่ยมด้วยอำนาจ ั์ตาสีดำขลับลึกล้ำ ทว่าแฝงไว้ด้วยเสี้ยวหนึ่งของเชื้อสายแคว้นต้าชิง
มู่หรงเซียวได้รับรู้อยู่เสมอว่าพระมารดาของตนนั้นมีสายเืต้าชิงอยู่ในกายเสี้ยวหนึ่ง แม้จะมิได้เอ่ยถึงบ่อยครั้งก็ตาม
หากกล่าวว่าสตรีที่งดงามที่สุดในแคว้นเจียงหนานคือฮองเฮา เช่นนั้นคงไม่ใช่เื่แปลกที่องค์หญิงจะทรงได้รับสิริโฉมอันโดดเด่นมาจากพระนาง
"คารวะเสด็จแม่"
เสียงหวานดังขึ้น มู่หรงเซียวก้าวออกมาต้อนรับพระมารดาด้วยท่าทีอ่อนช้อย แม้จะเพิ่งกลับจากการหนีเที่ยวมาไม่กี่วัน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระมารดา นางกลับวางกิริยาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"เซียวเซียวของแม่ เ้าเตรียมพร้อมสำหรับพิธีปักปิ่นแล้วหรือยัง?"
น้ำเสียงอ่อนโยนของ ฮองเฮาหวงจินเหลียน เอื้อนเอ่ยขึ้น ขณะทอดพระเนตรพระธิดาด้วยแววตาเอ็นดูปนห่วงใย
"เ้าอายุสิบหกหนาวแล้วนะลูก แต่ยังทำตัวเป็เด็กอยู่เลย"
"เสด็จแม่..."
"ชิงหลิงบอกแม่หมดแล้วว่าเ้าไปทำอะไรที่ไหนมา"
สุรเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง ดวงเนตรคมดุจอัญมณีจ้องมองมู่หรงเซียวจนองค์หญิงน้อยต้องหลุบตาต่ำ
"หากเสด็จพ่อรู้เข้า หลังพิธีปักปิ่น เ้าคงหนีไม่พ้นสมรสพระราชทานแน่ เมื่อถึงเวลานั้น แม่เองก็คงช่วยเ้าไม่ได้ เพราะฉะนั้น... ่นี้จงอยู่แต่ในตำหนัก และเตรียมพร้อมสำหรับพิธีที่จะมาถึง"
"ลูกทราบแล้วเพคะ เสด็จแม่."
นางรู้ดีว่าพระมารดาหวังดีกับตน แต่นางยังมิอาจทำใจยอมรับเื่การแต่งงานได้ เพื่อ้าเปลี่ยนหัวข้อสนทนา มู่หรงเซียวจึงรีบเอ่ยขึ้น
"ไหนๆ เสด็จแม่ก็เสด็จมาแล้ว ลองดื่มน้ำชาสูตรใหม่ของลูกดีหรือไม่เพคะ?"
"เอาสิ อย่างน้อยเ้าก็ชงชาได้ดีมาก"
ฮองเฮายิ้มบางๆ รับถ้วยชาที่บุตรสาวยื่นให้กับมือ
"แม้เจียงหนานจะขึ้นชื่อเื่ชามากเพียงใด แต่พร์ในการชงชาของเ้านั้นกลับโดดเด่นกว่าใครในใต้หล้า"
"เสด็จแม่กล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ"
"หากวันหน้าเ้าได้ออกเรือนกับองค์ชายสักพระองค์ ข้าเกรงว่า สามีของเ้าอาจจะหลงใหลในฝีมือชงชาของเ้าจนไม่อยากไปไหนเลยก็เป็ได้"
มือที่กำลังจับถ้วยชาของมู่หรงเซียวชะงักไปครู่หนึ่ง ความเงียบแผ่ปกคลุมรอบตัว
'แต่งงาน?'
นางไม่เคยคิดถึงเื่นี้เลย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าวันหนึ่งจะต้องแต่งงาน แต่... นางไม่อยากแต่งงาน
แม้ว่านางจะเป็เพียงองค์หญิงพระองค์เดียวที่ประสูติจากฮองเฮา แต่ในวังหลังนั้นยังมีพระพี่นางต่างพระมารดาอีกหลายองค์ สตรีเ่าั้ล้วนแต่งออกไปยังแคว้นอื่น บ้างก็เป็บรรณาการทางการเมืองเพื่อเสริมสร้างพันธมิตรให้กับแคว้น
และหากวันหนึ่งนางต้องจากบ้านเกิดไปเช่นกัน...
เพียงแค่คิด หัวใจดวงร้อยขององค์หญิงก็หนักอึ้งขึ้นมาทันที
ข่าวลือแพร่สะพัดกันว่าราชทูตจากหลายแคว้นได้รับเชิญให้มาร่วมงานปักปิ่นขององค์หญิงมู่หรงเซียว และไม่เพียงเท่านั้นบางแคว้นถึงกับมีข่าวว่าองค์ชายจะเสด็จมาด้วยพระองค์เอง
หากเป็จริง นั่นหมายความว่างานนี้มิใช่เพียงพิธีปักปิ่นธรรมดา แต่อาจเป็การเลือกคู่ครองอย่างไม่เป็ทางการ!
แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะคืออะไร นางยังไม่พร้อม...
มู่หรงเซียวหลุบตาลง ดื่มด่ำรสชาติของชาในถ้วย ทว่าในใจกลับขมปร่า นางอยากยืดเวลาออกไป ยืดให้นานที่สุด
แต่ลึกๆ แล้ว นางรู้ดีว่าคงยืดได้ไม่พ้นเหมันตฤดูที่กำลังจะมาถึงนี้เป็แน่...
พิธีปักปิ่นใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่มู่หรงเซียวกลับไม่อาจทนความน่าเบื่อของการเตรียมงานได้ นางจึงแอบลอบออกจากวังหลวงอีกเช่นเคย
แม้เวรยามจะแ่าสักเพียงใด แต่ก็มิอาจต้านทานความสามารถขององค์หญิงตัวแสบได้ เพราะ “องค์ชายมู่หรงเยวี่ยน” พระเชษฐาของนางได้แอบถ่ายทอดวิชายุทธ์ให้ ด้วยกังวลว่าสักวันหนึ่งจะมีบุรุษเหลือบไร้ค่ามาตอมรอบตัวพระขนิษฐาให้มัวหมองใจ
วิชาตัวเบาของมู่หรงเซียว ก็ถือว่าไม่เป็รองใครในใต้หล้า! ทว่าเพียงก้าวเท้าออกจากกำแพงวังได้ไม่นาน เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากเงามืด
"นั่น เ้าคิดจะไปไหน?"
ร่างบางชะงักกึก ก่อนจะหันขวับไปตามสัญชาตญาณ
"เสด็จพี่!?"
เสียงหวานอุทานออกมาอย่างใ คนที่ยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาดุกร้าว มิใช่ใครอื่น แต่เป็องค์ชายมู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาผู้เถรตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดของขุนนางเสียอีก ครั้งนี้นางคงมิรอดถูกลากกลับวังเป็แน่!
หมดกัน อิสรภาพของวันนี้...แต่มู่หรงเซียวยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ
"ละเว้นข้าสักวันได้หรือไม่เพคะ เสด็จพี่?"
มู่หรงเซียวเปลี่ยนน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมโตฉายแววอาลัยอาวรณ์
"พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว อาจถูกจับแต่งงานเมื่อใดก็ไม่รู้... ข้าอยากชมทิวทัศน์ของเจียงหนานให้เต็มตาสักครั้งเถิด"
"ไม่ได้!"
แม้คำปฏิเสธของพระเชษฐาจะดูไร้ซึ่งเยื่อใย แต่เ้าตัวไม่ยอมแพ้ง่ายๆ มู่หรงเซียวเบี่ยงกายเข้าใกล้ ก่อนจะคว้าหมับเข้าที่แขนเสด็จพี่ ของนาง
"ถือว่าข้าขอเถอะเพคะ! หากท่านระแวง เช่นนั้นก็ไปกับข้าก็ได้"
มู่หรงเยวี่ยนขมวดคิ้วมุ่น ดวงเนตรคมกริบฉายแววครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจอย่างจำนน
"ก็ได้..." เสียงทุ้มต่ำตอบรับ
"แต่ห้ามทำตัวซุกซน ไม่เช่นนั้นข้าจะพากลับวังทันที"
"ย่อมได้!"
องค์หญิงตัวแสบยิ้มกว้าง ก่อนจะคล้องแขนพี่ชายแน่นราวกับกลัวเขาจะเปลี่ยนใจ
มู่หรงเยวี่ยนเพียงส่ายพระพักตร์อย่างระอา แต่สุดท้ายก็ยอมพานางออกไป ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เขาก็ไม่เคยใจแข็งกับน้องสาวคนนี้ได้เลย
มู่หรงเยวี่ยน เป็โอรสองค์โตของฮ่องเต้และฮองเฮา เป็องค์ชายที่มีรูปโฉมงดงามสมกับสายเืแห่งราชวงศ์ ดวงเนตรเรียวยาวเฉียบคม คิ้วเข้มขับให้พระพักตร์ดูสง่างาม จมูกโด่งเป็สันรับกับริมพระโอษฐ์หยักที่มักจะแต้มรอยยิ้มบางๆ ยามทอดพระเนตรพระขนิษฐา
หากกล่าวว่ามู่หรงเซียวนั้นงดงามดุจกลีบดอกท้อแรกแย้ม มู่หรงเยวี่ยนก็คือพยัคฆ์ขาวแห่งราชวงศ์ แข็งแกร่ง สง่างาม น่าเกรงขาม แต่กลับมีเพียงพระขนิษฐาเท่านั้นที่สามารถแผลงฤทธิ์ใส่พระองค์ได้
องค์ชายเติบโตมาพร้อมกับมู่หรงเซียว ความรักใคร่ที่มีให้นางมิได้เจือปนเพียงหน้าที่ของพระเชษฐา แต่เป็ความหวงแหนที่แฝงอยู่ในสายเื
เพราะวันหนึ่ง นางจะต้องจากไปสู่อ้อมแขนของบุรุษอื่น เพียงแค่คิด หัวใจของมู่หรงเยวี่ยนก็หนักอึ้งแต่ถึงกระนั้น วันนั้นยังมาไม่ถึง และคืนนี้น้องสาวของพระองค์ก็ยังอยู่เคียงข้าง
หากนาง้าเห็นเจียงหนานให้เต็มตา... เช่นนั้น พระองค์ก็จะพานางไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้