“ตอนนี้พวกนายก็ได้ดูแล้ว” เอ็ดเวิร์ดเก็บนิตยสารโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เขาแย่งของกลับมาจากมือฮอคที่แข็งดั่งหินแล้วยัดนิตยสารกลับเข้าไปในกระเป๋า
ใบหน้าของหร่านซวี่จือเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
ไม่สิ ของที่หล่นพื้นเมื่อครู่มันคืออะไรกัน??? นายอย่าถือว่าไม่มีใครพูดก็แกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไหม!
คนที่ได้สติเร็วสุดก็คือแดนนี่ เขาหัวเราะแห้งสองทีแล้วรีบช่วยเอ็ดเวิร์ดแก้สถานการณ์ “เอาล่ะๆ เรารีบตรวจค้นกันดีกว่า เดี๋ยวจะเสียเวลาการถ่ายทำของวันนี้”
เอ็ดเวิร์ดกอดอกพิงผนังพร้อมกับสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก เมื่อมองนานๆ ไปคนคงนึกว่าคนคนนี้กำลังเหม่อลอยหรือไม่
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม หน้าปกของนิตยสารที่หล่นจากกระเป๋าของเอ็ดเวิร์ดเมื่อครู่คือคนอื่นหรือ? ”
ระบบ: “คุณรัน การหลบหนีความเป็จริงไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษพึงกระทำนะครับ”
หร่านซวี่จือ: “…”
ระบบ: “บางทีคุณเอ็ดเวิร์ดอาจจะแค่บังเอิญซื้อเล่มนี้ได้พอดีน่ะครับ ปกติเขาชอบอ่านนิตยสารอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ? ”
หร่านซวี่จือ: “มีเหตุผล”
เมื่อรอจนคนรองสุดท้ายถูกตรวจค้นเสร็จก็ยังไม่พบร่องรอยของแหวนที่หายไป สายตาของคนทั้งหมดก็เลื่อนมาที่ตัวของหร่านซวี่จือ
สีหน้าของชูเปลี่ยนไปทันใด “รัน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นาย”
หร่านซวี่จือนั่งปวดศีรษะอยู่ตรงบนเตียงของตนเอง เขาไม่ได้ตอบ
คนที่เหลือมองหน้ากันเหมือนกับว่าไม่ค่อยกล้าเชื่อ แต่คนที่ไม่ชอบหร่านซวี่จือก่อนหน้านี้ก็เอ่ยเสริมขึ้นเพื่อเป็เชื้อเพลิง “จริงๆ เลย เสียเวลาของพวกเรามาก ถ้ายอมรับั้แ่เนิ่นๆ ก็จบแล้วไม่ใช่หรือไง? ”
“ต้องตรวจให้ครบทุกคน” ทันใดนั้นเอ็ดเวิร์ดที่นิ่งเงียบก็โพล่งขึ้นมา
อลิซาเบธเอ่ย “ใช่ ยังไม่ได้ทันตรวจดูกระเป๋าของรันเลยไม่ใช่หรือ? ”
หร่านซวี่จือคิดในใจขอบคุณพวกนายจริงๆ นะ แต่ถ้าฉันอธิบายว่าแหวนมันบินมาอยู่ในกระเป๋าฉันอย่างน่าแปลกประหลาดแบบนี้ พวกนายจะมีใครเชื่อฉันไหม?
แดนนี่เดินมาแล้วเปิดกระเป๋าของหร่านซวี่จือออก เขาค้นอยู่นาน ส่วนหร่านซวี่จือเองก็ใมาก
เกิดอะไรขึ้น? ในกระเป๋าไม่มีแหวนงั้นหรือ?
หรือว่าตนเองนั้นเข้าใจชูผิดไป? เขาไม่ได้อยากให้ร้ายตนเองงั้นหรือ?
“กระเป๋าของหร่านซวี่จือก็ไม่มี! ” อลิซาเบธเอ่ยด้วยความดีใจ
“เป็ไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อแหวนของชูไม่ได้อยู่ในกระเป๋าของทุกคน แล้วแหวนมันหายไปไหน? ”
ชูรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋าของตนเองมา “แหวนของฉันหายไปจริงๆ นะ ตอนเช้าวันนี้ฉันหามัน…” ยังไม่ทันพูดจบ ชูก็ต้องเบิกตาโพลง
ฮอคคว้าบางอย่างออกจากกระเป๋าของชูแล้วชูขึ้นส่องกับแสง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เ็า: “หืม นี่คงไม่ใช่แหวนมรกตฝังเพชรของนายวงนั้นหรอกนะ? ”
“ทำไมเป็แบบนี้” ชูตื่นตระหนก “แต่วันนี้ฉันหามันแล้วจริงๆ ทำไมถึง…”
“หือ! ” จู่ๆ อลิซาเบธก็อุทานออกมาเสียงเบา “นี่มันต่างหูของฉันนี่นา! ”
ขณะที่พูดอยู่นั้น อลิซาเบธก็วิ่งไปแล้วหยิบต่างหูเพชรคู่ระยิบระยับออกมาจากกระเป๋าของชู “์ ฉันหามันมาตั้งนาน ในที่สุดก็หาเจอแล้ว”
ฮอคทำหน้าสงสัย “ชู นายช่วยอธิบายได้หรือเปล่า ว่าทำไมต่างหูของอลิซาเบธถึงมาอยู่ในกระเป๋าของนายได้”
ชูตกตะลึงและเหมือนว่าเขาจะตั้งรับกับสถานการณ์ตอนนี้ไม่ทัน
หร่านซวี่จือเองก็สงสัยเป็อย่างมาก: “สองสามสาม นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”
ระบบ: “ไม่ใช่ฝีมือของคุณรันหรือครับ? ”
หร่านซวี่จือ: “ไร้สาระ แม้ฉันจะบอกว่าจะวางกับดักเขา แต่นี่ไม่ใช่แผนการที่ฉันวางไว้”
ระบบ: “งั้นก็ต้องมีคนอื่นสินะครับ”
สายตาของหร่านซวี่จือชำเลืองไปทางอลิซาเบธ ท่าทางของเธอไร้เดียงสาบริสุทธิ์และก็มองไม่ออกว่าจะมีลับลมคมในอะไร
เมื่อสถานการณ์พลิกผัน ชูที่ของหายก่อนหน้านี้กลับกลายเป็คนที่ขโมยของของคนอื่นแทน กระทั่งทีมงานเองก็ใกันยกใหญ่
“จะว่าไป ่นี้ฉันก็มีของหายไปเหมือนกัน” นายแบบในกลุ่มคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้น
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นเราก็เปิดตู้ของชูออกมาดูกันเถอะ” ฮอคเอ่ย
ชูโมโหจนทนไม่ได้ “อะไรนะ?! พวกนายสงสัยว่าฉันขโมยงั้นหรือ? อย่ามาตลกหน่อยเลยน่า ฉันเป็ถึงคนในเชื้อสายราชวงศ์นะ จะขาดแคลนเงินงั้นหรือ? พวกนายมีของมีค่าอะไรพอให้ฉันขโมยได้?! ”
แม้ปากจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของชูก็ตื่นเต้นพอสมควร เพราะจากเื่ต่างหูเมื่อครู่แล้ว มันเหมือนว่ากำลังมีคนวางกับดักเขาอยู่เื้ั
ฮอคไม่ได้สนใจคำพูดของชู เขาเดินไปเปิดตู้ของชูออกเองและใบหน้าก็แข็งตึงทันที
“ฮอค นายเห็นอะไร? ทำไมไม่พูด? ” นายแบบหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น แล้วเดินมาดูด้วย สายตาชำเลืองไปมองของในตู้ จากนั้นก็ไม่พูดไม่จาเหมือนกัน
ชูรีบวิ่งไปดูที่ตู้ของตนเองแล้วก็หน้าแดงทันที
อลิซาเบธหยิบของจากในตู้ออกมา กลับมีรูปภาพของเอ็ดเวิร์ดแล้วยังมีผ้าขนหนูสีเทากับกางเกงในหนึ่งตัวที่ดูจากขนาดแล้วไม่น่าจะใช่ของชู
ภาพเหตุการณ์นั้นตึงเครียดอย่างมาก หร่านซวี่จือถึงขั้นไม่กล้าดูตรงๆ ใครกันนะที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว
หางตาของเอ็ดเวิร์ดกระตุกเล็กน้อย
“หืม? ผ้าขนหนูผืนนี้ฉันเคยเห็น เป็ของเอ็ดเวิร์ด! หลายวันก่อนหน้านี้เอ็ดเวิร์ดหาไม่เจอ เขาก็เลยซื้อใหม่” แดนนี่หยิบขึ้นมา จากนั้นก็เอ่ยอย่างลังเล “งั้นนี่คงไม่ใช่…”
ชูเอ่ยด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ไม่ใช่! ”
เสียงของชูสั่นเครือ “ไม่ใช่แบบนั้นนะ ของพวกนี้ไม่ใช่ของฉัน รูปถ่ายน่ะฉันเป็คนถ่ายจริงๆ แต่ผ้าขนหนูกับชั้นในไม่ใช่ของฉัน”
บริทนีย์แอบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้
หร่านซวี่จือถอนหายใจอยู่ในใจ: “ชูจ๋า สมองนายนี่ทึบเสียจริง เวลานี้แล้วทำไมยังยอมรับว่ารูปถ่ายเป็ของนาย อธิบายไปแบบนี้ใครจะเชื่อ”
“เอ็ดเวิร์ด…” ชูมองเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตาน่าสงสาร “นายเชื่อฉันนะ…”
เอ็ดเวิร์ดเบนศีรษะไปอีกทาง สายตาที่ราบเรียบนั้นปนไปด้วยความขยะแขยง
“พวกนายเชื่อฉันนะ ของพวกนี้ฉันไม่ได้เป็คนหยิบมานะ มี…มีคนใส่ร้ายฉัน! ” ทันใดนั้นชูก็เอ่ยเสียงดัง “ใช่! นายนั่นเอง! นายที่ใส่ร้ายฉัน! ”
ชูชี้นิ้วไปทางหร่านซวี่จือที่กำลังยืนดูฉากเหตุการณ์นี้อยู่ “นายจมน้ำเพราะช่วยฉัน ดังนั้นเลยอยากแก้แค้นฉัน! ”
“ชู” หร่านซวี่จือได้ทีก็เผยสีหน้าเศร้าสลด “ฉันทำอาหารเช้าให้นายทุกวัน ขนาดนายเกือบจมน้ำฉันก็ยังเข้าไปช่วยนายจนตัวเองแย่ขนาดนั้น ฉันดีกับนายขนาดนี้ แล้วฉันจะใส่ร้ายนายได้อย่างไรกัน? ”
ระบบ: “ฝีมือการแสดงไม่เลวเลยครับ สื่อท่าทางของคนที่ตกเป็เครื่องมือของอุบายได้อย่างเป็ธรรมชาติ”
หร่านซวี่จือ: “แน่นอนอยู่แล้ว”
มีนายแบบพูดขึ้นว่า “ชู นายทำแบบนี้เกินไปจริงๆ อย่างน้อยรันก็เป็คนช่วยชีวิตนายนะ นายพูดแบบนี้กับเขาได้อย่างไร? ”
“แต่ของพวกนี้ฉันไม่ได้เป็คนขโมยมานะ! พวกนายมีหลักฐานอะไรพิสูจน์ว่าฉันเป็คนขโมยของพวกนี้มาไม่ทราบ? ” ชูแผดเสียงดัง
บริทนีย์ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันใด “หืม! ในเว็บมีบุคคลนิรนามปล่อยภาพวิดีโอออกมาด้วย”
ซาซ่านางแบบสาวที่อยู่ข้างบริทนีย์ก็เอ่ยขึ้น “จริงด้วย ทุกคนมาดูเร็ว”
บนหน้าจอนั้นกำลังฉายภาพหน้าประตูห้องหนึ่ง ซึ่งก็คือห้องของกลุ่มหร่านซวี่จือ ในขณะที่รออยู่สักพักก็มีเงาคนคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ซึ่งก็คือชู
ชูเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตรงหน้าประตูสักพัก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องพักของหร่านซวี่จือ
วิดีโอก็จบลงตรงนี้
หลังจากดูคลิปวิดีโอจบ ทุกคนก็ทอดสายตาที่บอกความหมายไม่ถูกไปทางชู ส่วนชูก็หน้าแข็งทื่อ อ้าปากค้าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก