ยังไม่ทันพูดออกไปลั่วหยิ่งกลับตัดบทเขาทันควัน “หานไท่ฟู่ เฟิงเอ๋อร์บ้านข้าได้ยินว่าหานไท่ฟู่จะเดินหมากกับผู้อื่น จึงพาสหายของเขามาชมการเดินหมาก ท่านคงไม่ว่าอะไรกระมัง”
หานไท่ฟู่รีบเก็บงำสีหน้าพยักหน้า “ศิษย์มาให้กำลังใจอาจารย์ ข้าย่อมไม่รังเกียจ”
องค์ไท่จื่อน้อยกลับส่ายหน้า “ไท่ฟู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว! ข้าและลั่วเฟิงไม่ได้มาให้กำลังใจไท่ฟู่ แต่มาเพื่อให้กำลังพี่หญิงเฟิง!”
หานไท่ฟู่หน้าบึ้งทันที
องค์ไท่จื่อน้อยกำหมดเล็กๆ แล้วพูดอีกว่า “แน่นอนว่าไท่ฟู่เองก็ต้องสู้ๆ! จะแพ้อย่างน่าเกลียดเกินไปไม่ได้เด็ดขาด!”
หานไท่ฟู่หน้าดำทะมึนจนแทบดูไม่ได้!
เฟิ่งเฉี่ยนเม้มปากกลั้นยิ้ม บุตรชายนางช่างน่ารักเหลือเกิน เขาได้สืบทอดพันธุกรรมยั่วโทสะคนจนตายแต่ไม่รับผิดชอบจากนางไปเต็มเปี่ยม!
หานไท่ฟู่มีโทสะจนกล้ามเนื้อบนใบหน้าถึงกับกระตุก “พวกเ้ามิใช่กล่าวว่าไม่รู้จักนางหรือ”
องค์ไท่จื่อน้อยกระพริบตาปริบๆ ด้วยท่าทีไม่รู้เื่รู้ราว “ไท่ฟู่ไม่ได้ถามให้ชัดเจนว่านางเป็ใครนี่นา สตรีที่อยู่นอกห้องเรียนมีตั้งมากมาย พวกเราไม่รู้ว่าท่านหมายถึงพี่หญิงเฟิง”
ลั่วเฟิงพยักหน้าสนับสนุน “ใช่แล้ว เป็ไท่ฟู่เองที่ไม่ได้พูดให้ชัดเจน!”
หานไท่ฟู่ถลึงตามองเ้าก้อนแป้งสองก้อนที่แสดงท่าทีไร้เดียงสา ดูเหมือนว่าเขากำลังใส่ร้ายพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น เขาเกือบจะกระอักออกมาเป็เื
เฟิ่งเฉี่ยนลอบหัวเราะในใจทว่ากลับแสดงสีหน้าจริงจังและกล่าวว่า “ไท่ฟู่ นี่เป็ท่านที่ทำไม่ถูกแล้ว ท่านจะพุ่งเป้ามาที่ข้านั้นช่างเถิด เหตุใดต้องทำให้เด็กน้อยสองคนลำบากใจด้วย ยังเป็ถึงนักเดินหมากระดับเจ็ด ทำเช่นนี้เสียชื่อจริงๆ!”
“เ้า เ้า...” หานไท่ฟู่โมโหจนหายใจไม่ทัน
เฟิ่งเฉี่ยนเกรงว่าเขาจะหมดสติไปต่อหน้าต่อตา จึงเห็นว่าพอหอมปากหอมคอก็พอ นางรีบห้ามปราม “ไอหยา ข้าว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว พวกเราเริ่มเดินหมากเร็วหน่อยเถิด!”
พูดแล้วนางก็เดินนำหน้าคนทั้งหมดเข้าไปยังห้องพิเศษ หวง ที่อยู่บนชั้นสอง
“นิสัยมุทะลุของข้านี้หนอ!” หานไท่ฟู่สะบัดแขนเสื้อพุ่งออกไป หานหลินเยว่และลู่ซงเทาคนหนึ่งซ้ายคนหนึ่งขวารีบรั้งเขาไว้ได้ทัน
“ท่านปู่ ท่านคลายโทสะ! อย่าทำให้การเดินหมากล่าช้า!”
“ถูกต้อง ท่านาุโหาน อย่าเดินไปติดกับดักของนาง!”
หานไท่ฟู่สงบสติอารมณ์ เขาแค่นเสียงฮึ “นางเด็กคนนี้ เ้าโอ้อวดได้อีกไม่นานแล้ว อีกประเดี๋ยวจะบีบเ้าให้ตายในกระดาน!”
การปะทะกันเล็กๆ ทำให้คนในชุมนุมมีเื่ให้พูดถึง
มู่ชิงหว่านพาสาวใช้เข้ามาปะปนกับผู้คนในชุมนุมเดินหมากแต่เช้า เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่นางถึงกับประหลาดใจอยู่บ้าง “นั่นมิใช่องค์ไท่จื่อน้อยหรือ เหตุใดเขาจึงมาชุมนุมเดินหมาก”
สาวใช้ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “คนที่อยู่ข้างกายองค์ไท่จื่อน้อย มิใช่องครักษ์คนสนิทข้างกายฮ่องเต้ ใต้เท้าลั่วหยิ่ง หรือเ้าคะ หรือองค์ไท่จื่อได้รับอนุญาตจากฝ่าาให้มาชมการเดินหมากเ้าคะ”
“เป็ไปไม่ได้! ท่านพี่เช่อรักและเอ็นดูองค์ไท่จื่อที่สุด เขาไม่มีทางปล่อยให้องค์ไท่จื่อออกมาอยู่ท่ามกลางอันตราย จะต้องเป็เฟิงเฉี่ยนใช้เล่ห์เพทุบาย แอบพาองค์ไท่จื่อออกมาแน่ๆ!” มู่ชิงหว่านพูดอย่างโกรธเคือง
อย่างไรนางก็เห็นเฟิงเฉี่ยนขัดหูขัดตา!
สาวใช้ไม่รู้จะพูดอะไรดี
หานไท่ฟู่เดินกลับเข้าไปในห้องพิเศษ เสวียน ด้วยโทสะ เขาพูดกับคนทั้งหกที่รออยู่ว่า “ข้าขอถอนคำพูดที่กล่าวไปเมื่อสักครู่!”
คนทั้งหกตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงคำพูดประโยคใด
หานไท่ฟู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฟางเสีย ข้า้าให้เ้าบีบคั้นนางให้ตาย! ให้นางจนตรอก! ต่อไปเมื่อนางพบเจอการเดินหมากก็ต้องปวดเนื้อเมื่อยตัวไปหมด! ให้นางได้ยินคำว่าเดินหมากสองคำนี้ก็ต้องอาเจียนเป็เืสามครั้งสามครา!”
ภายในห้องพิเศษมีเพียงความเงียบงัน
แต่ละคนมองหานไท่ฟู่ด้วยสายตาหมดคำพูด!
มีเสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นจากห้องพิเศษฝั่งตรงข้ามในตอนนี้เอง “หานไท่ฟู่ ปรึกษาหารือกันเสร็จแล้วหรือไม่ อย่าได้เสียเวลาอีกเลย เร็วหน่อยเถิด อย่างไรก็ต้องแพ้อยู่ดี!”
หานไท่ฟู่ะโออกไปด้านนอก “นางเด็กคนนี้ เ้ารอก่อนเถิด ดูว่าข้าจะบีบเ้าให้ตายอย่างไร!”
ะโแล้วก็หันมาพูดกับฟางเสีย “เริ่มเลยเถิด! พวกเราลงมือก่อน! บีบคั้นนางให้ตาย!”
ฟางเสียหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ท่านาุโหาน นี่ท่าน้าให้ข้าเดินหมากแทนท่านหรือ”
หานไท่ฟู่พูดราวกับเป็เื่สมเหตุสมผล “เดินหมากแทนหรือไม่เดินหมากแทนอันใดกัน ตอนนี้ไม่ใช่ความแค้นระหว่างข้าหานซื่อหลงและนางแล้ว แต่เป็การต่อสู้เพื่อเกียรติและชื่อเสียงของชุมนุมเดินหมากเทียนหยวน! ดังนั้น เ้าจะต้องชนะเท่านั้น! รู้หรือไม่”
ฟางเสียอึกอัก “แต่ว่า...”
หานไท่ฟู่พูดอีกว่า “อย่าได้กล่าวว่าตาแก่เช่นข้าคิดว่าตนเองร้ายกาจ ฝีมือการเดินหมากของนางเด็กคนนั้นไม่ได้ด้อย เ้าจะเอาชนะนางได้หรือไม่ยังเป็เื่พูดยากสักหน่อย! หากเ้าแพ้ พรุ่งนี้เ้าจะประลองกับซือคงเซิ่งเจี๋ยได้อย่างไร หากแพร่งพรายออกไปจะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเพียงใด”
ฟางเสียคิดจะอ้าปาก หานไท่ฟู่ตัดบทเขาอีกครั้ง “อีกประการหนึ่ง หากซือคงเซิ่งเจี๋ยรู้ว่าวันนี้เ้ามาเดินหมากอย่างเปิดเผย แล้วส่งหูตามาปะปน เพื่อสังเกตการณ์เดินหมากวิธีการใหม่ๆ ของเ้า เช่นนั้นศึกในวันพรุ่งนี้เ้ามิใช่ต้องเป็ฝ่ายเสียเปรียบหรือ”
ฟางเสียยังคงรู้สึกว่าไม่เหมาะสมอยู่นั่นเอง ทว่าอีกห้าคนกลับฟังจนเคลิบเคลิ้มหลงเชื่อ
“พี่ฟาง ท่านเดินหมากกับอีกฝ่ายในนามของท่านาุโหาน หากชนะ ก็ไม่ทำให้ผู้อื่นกล่าวหาว่าเป็ผู้แข็งแกร่งทว่ารังแกผู้อ่อนแอ แต่ถ้าแพ้ ก็ไม่ทำลายชื่อเสียงของท่าน...แน่นอนว่า ด้วยฝีมือการเดินหมากของพี่ฟางย่อมไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!”
“ถูกต้อง ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ พวกเราล้วนไม่พูดออกไป!”
“ข้าเห็นด้วย! เดิมทีพวกเราก็ออกมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ ท่านก็คิดเสียว่าช่วยเหลือท่านาุโหาน เดินหมากเล่นๆ สักกระดานหนึ่ง”
ภายใต้การเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวของทุกคน ฟางเสียได้แต่พยักหน้ารับปาก “ก็ได้ เช่นนั้นก็เล่นสักกระดานหนึ่ง!”
หานไทฟู่ยิ้มเต็มหน้า เขาเปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าตำราเสียอีก!
ภายในห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนเอนกายพิงกรอบหน้าต่างจ้องเขม็งไปยังห้องพิเศษตรงข้าม นางกำลังใช้ความคิดตามรายงานของลั่วหยิ่ง ตอนนี้ภายในห้องพิเศษห้องนั้นมียอดฝีมือระดับเก้าอย่างน้อยหกคน พวกเขาจะส่งใครมาประลองในศึกครั้งนี้กันนะ
แต่ไม่ว่าจะเป็ใครลงสนามนางล้วนต้องพยายามอย่างสุดกำลัง เพราะศึกครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตามหาแมวเทพเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับเื่ที่นางจะได้พบหน้าบุตรชายอีกหรือไม่!
ดังนั้น นางจะต้องชนะเท่านั้น!
“เฉียนเฉี่ยน สำหรับเื่แมวเทพสามหาง ข้าได้สอบถามคนอื่นๆ แล้ว เป็เช่นที่หลิวต้าซือกล่าวไว้ ทั้งแคว้นเป่ยเยียนไม่อาจหาแมวเทพสามหางได้อีก มีเพียงแมวเทพสองหางที่กำลังจะบำเพ็ญตนในห้าวันนี้เพียงตัวเดียว ก็คือตัวที่อยู่ในมือของหานไท่ฟู่ในเวลานี้!”
คำพูดของมู่ชิงเซียวทำให้เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะต้องเอาชนะการเดินหมากในวันนี้ให้ได้!
“ได้ ข้ารู้แล้ว” ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยนเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น “กระดานนี้ ต้องชนะเท่านั้น แพ้ไม่ได้!”
มู่ชิงเซียวมองใบหน้าด้านข้างที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจและแน่วแน่ของนาง ร่างของนางมักจะเปล่งประกายไม่ยอมแพ้ออกมาเสมอ คล้ายต้นไผ่ที่งอกขึ้นมาใหม่หลังจากฝนได้ผ่านพ้นไป ต่อให้ดูเป็ยอดอ่อนทว่ากลับเหยียดตรง ไม่กลัวลมฝน มีเพียงพุ่งเข้าชน!
นางที่เป็เช่นนี้ดึงดูดสายตาเกินไป ทำให้สายตาของเขาไม่อาจละเลื่อนไปจากร่างของนางได้เลย!
เสียงของไท่จื่อน้อยร้องขึ้นว่า “หมากดำเดินแล้ว!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันกลับมามองไปที่กระดานหมาก เห็นหมากดำตัวแรกวางลงบนตำแหน่งมุมบนด้านขวาของกระดาน นางเดินกลับเข้าที่อย่างไม่รีบร้อน หยิบหมากขาวตัวหนึ่งเดินในตำแหน่งตอบโต้กลับไปทันควัน!
เสียงพูดคุยภายในห้องโถงชั้นล่างเงียบลงอย่างน่าอัศจรรย์!
ทุกคนแทบจะกลั้นลมหายใจจ้องเขม็งไปบนกระดานหมาก