วันเวลาประดุจสายน้ำ พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วเก้าปี
เช้าตรู่ ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า เด็กรุ่นเล็กของตระกูลเนี่ยล้วนมารวมตัวกันที่ลานกว้าง เพื่อนั่งสมาธิรับเอาพลังิญญาฟ้าดินที่เหมือนจะมีและเหมือนไม่มี หรือไม่ก็มาวาดลวดลายฝึกฝนทักษะการต่อสู้ที่ลานกว้างแห่งนี้
มุมหนึ่งของลานกว้างใหญ่ เด็กอายุประมาณสิบกว่าขวบกลุ่มหนึ่งกำหมัดแน่น แต่ละคนต่อยลงไปอย่างแรง บนทางที่ปูด้วยหินฝั่งตะวันออก
“เขาฝึกการหลอมลมปราณได้เพียงแค่ขอบเขตหลอมลมปราณขั้นสามเท่านั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะชนะได้ตลอดเวลา! เมื่อวานข้าเพิ่งจะฝ่าทะลุขั้น วันนี้จะต้องสั่งสอนเขาให้รู้จักที่ต่ำที่สูงกันไปเลย!” เวลาผ่านไปเก้าปี เนี่ยหงที่อายุสิบขวบอาศัยไข่มุกจากงานฉลองจับฉลากของปีนั้นได้ฝึกตบะมาถึงขอบเขตของหลอมลมปราณขั้นหกแล้ว ขณะที่เขากำลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ปลายนิ้วมือข้างซ้ายก็เปล่งประกายแสงวิบวับออกมา
“พี่หง เขาเองก็รู้เช่นกันว่าเนี่ยหงได้ฝ่าทะลุไปอีกหนึ่งขั้นแล้ว วันนี้คงไม่กล้ามาแล้วกระมัง?” เนี่ยหยวนกล่าว
“ไม่ เขาต้องมาแน่ ข้ารู้จักเขาดี!” เนี่ยหงส่ายหน้า
ตรงกลางลานกว้าง อู๋เทาขุนนางต่างรัฐของตระกูลเนี่ย และยังมีคนหนุ่มคนสาวอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีของตระกูลเนี่ย นอกจากฝึกบำเพ็ญตบะแล้ว ดวงตาก็คอยมองมายังทิศทางนี้อยู่บ่อยครั้ง ใบหน้าเผยความสนใจยิ่งนัก
“เนี่ยหยวน เมื่อครู่เ้าพูดรึว่าข้าไม่กล้ามา?”
และในเวลานี้เอง เสียงของเด็กคนหนึ่งที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังก็ดังลอยมาจากทางหินแคบยาวฝั่งตะวันออก เงาร่างที่สูงใหญ่กว่าเด็กวัยเดียวกันยิ่งนักของเนี่ยเทียนค่อยๆ ปรากฏออกมา
“ข้ามาแล้ว!”
“ทั้งๆ ที่รู้ว่าเนี่ยหงเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณที่หก เขาก็ยังกล้ามา ใจกล้าไม่น้อย!”
“น่าสนใจ!”
ชายหนุ่มหญิงสาวตระกูลเนี่ยกลุ่มหนึ่งที่มีอายุมากกว่าหน่อย พอได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นต่างก็มีสีหน้าฮึกเหิม
คนสี่ห้าคนที่กำลังฝึกบำเพ็ญตบะต่างก็พากันลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พวกที่ฝึกต่อยฝึกเตะอย่างห้าวหาญก็หยุดชะงักลงกลางคัน ทุกสายตาล้วนหันไปรวมกันอยู่บนร่างของเนี่ยเทียนอย่างพร้อมเพรียง
ในสายตาของพวกเขา เนี่ยเทียนนั้นก็คือตัวประหลาด
เก้าปีมาแล้ว นับั้แ่งานเลี้ยงจับฉลากในครั้งนั้นจบลง จนถึงกระทั่งวันนี้เนี่ยเทียนก็ยังไม่มีธาตุพิเศษใดๆ ในการฝึกแสดงตัวออกมา กระดูกสัตว์ชิ้นนั้นที่เขาได้มา สุดท้ายแล้วก็ไม่มีการตอบสนองต่อพลังิญญาของเขาเลยแม้แต่น้อย
และด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกเนี่ยหง เนี่ยหยวนรู้คุณสมบัติของพลังิญญาตนอย่างแน่ชัดแล้วจึงเลือกฝึกฝนวิชาเฉพาะ อาศัยอาวุธวิเศษที่พวกเขาได้มาจากงานเลี้ยงจับฉลากในครั้งนั้น ขณะที่ตบะของแต่ละคนพัฒนาไปอย่างล้ำหน้ารวดเร็ว เนี่ยเทียน... กลับยังคงฝึกฝนได้เพียงวิชารวมลมปราณขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ความก้าวหน้าในการฝึกบำเพ็ญตบะของเนี่ยเทียน เชื่องช้าเสียจนทำให้ทุกคนแอบเยาะเย้ยลับหลัง และก็ทำให้เนี่ยตงไห่ผู้เป็ประมุขของตระกูล รวมถึงเนี่ยเฉี่ยนต่างก็อับจนหนทาง
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงและแปลกใจนั้นก็คือนับวันร่างกายของเนี่ยเทียนกลับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้เขาจะมีขอบเขตการฝึกตบะที่ต่ำต้อย ทว่าเวลาต่อสู้กับเด็กวัยเดียวกัน กลับไม่เคยเสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
ในทางกลับกัน ตลอดเก้าปีมานี้ เด็กวัยเดียวกันทุกคนที่ต่อสู้กับเนี่ยเทียน ล้วนพ่ายแพ้ยับเยินไปเสียทุกครั้ง
จนถึงกระทั่งทุกวันนี้เนี่ยเทียนก็ยังคงรักษาสถิติการรบไร้พ่ายเอาไว้ได้
ที่พวกเขาให้ความสนใจการต่อสู้ของเนี่ยเทียนก็เพราะอยากรู้ข้อได้เปรียบทางร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาจะหมดลงเมื่อใด
เมื่อวานเนี่ยหงเพิ่งจะเหยียบย่างเข้าสู่หลอมลมปราณขั้นหก พลังิญญาในร่างกายที่แฝงเร้นไว้ด้วยอนุภาพของสายฟ้า ตัวพวกเขาเองล้วนรู้สึกว่าสถิติไร้พ่ายของเนี่ยเทียนจะต้องสิ้นสุดลงในวันนี้อย่างแน่นอน
ดังนั้นพวกเขาจึงแอบรอคอยการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ไม่น้อย
“เนี่ยหยวน ก่อนหน้านี้เ้าเยาะเย้ยข้าใช่หรือไม่? ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเราลองมาประลองฝีมือกันก่อนดีหรือไม่?” เนี่ยเทียนเดินรุดหน้าเข้ามา เหล่ตามองเนี่ยหยวนหนึ่งครั้งที่เป็ฝ่ายเอ่ยท้าทายก่อน
เนี่ยหยวนที่หลอมลมปราณได้ถึงขั้นห้า เมื่อถูกสายตาของเขาจับจ้องก็ดูท่าทางหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด
เนี่ยหยวนถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว พูดด้วยสีหน้าที่ขี้ขลาดว่า “เนี่ยเทียน คู่ต่อสู้ของเ้าในวันนี้คือพี่หง หากเ้าสู้กับพี่หงแล้วยังสามารถยืนอยู่ได้ ข้าก็จะเป็เพื่อนกับเ้า”
“หน้าไม่อาย” เนี่ยโยวที่มัดผมจุกพึมพำเสียงเบา
“ก็ดี” เนี่ยเทียนไม่แยแส พูดด้วยน้ำเสียงดูิ่ “ต่อสู้กับเ้า ข้าไม่จำเป็ต้องออกแรงอะไรมากมายเลยจริงๆ”
“เ้า!” เนี่ยหยวนเดือดดาล
“พวกเ้าถอยออกไปให้หมด!” เนี่ยหงะโเสียงดัง บอกให้เด็กคนอื่นถอยห่างออกไป ระหว่างที่พูดมือขวาของเขาที่กำหมัดนั้นก็มีประกายสายฟ้าสีเขียวลอยออกมา
พวกเด็กตระกูลเนี่ยที่อยู่ข้างกายเนี่ยหงพอได้ยินคำพูดก็ล้วนถอยห่าง เว้นพื้นที่ว่างนั้นไว้ให้เขาและเนี่ยเทียน
อู๋เทาที่อยู่กลางลานกว้าง และคนหนุ่มสาวที่อายุค่อนข้างมากของตระกูลเนี่ยเ่าั้ มองเห็นว่าการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่างก็ยิ้มร่าเริง พูดคุยกันและล้อมวงเข้ามาใกล้
บนตำหนักหินสูงใหญ่แห่งหนึ่ง เนี่ยตงไห่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มือทั้งสองประคองผนังหิน มองลงมายังลานกว้าง
เก้าปีมานี้ เนี่ยตงไห่ใช้อำนาจของการเป็ประมุขตระกูลเนี่ย ครุ่นคิดหาหนทางมากมายเพื่อสืบข่าวของชายที่ทำร้ายเนี่ยจิ่น
น่าเสียดาย จนถึงทุกวันนี้เขาก็ยังคงไม่ได้รับข่าวคราวใดที่เกี่ยวข้องกับชายผู้นั้นเลย
ชายผู้นั้นราวกับปรากฏตัวออกมาจากความว่างเปล่า และหายตัวไปอย่างฉับพลัน
ร่องรอยเดียวที่เขาเหลือทิ้งไว้ก็คือเนี่ยเทียนที่กำลังจะต่อสู้กับเนี่ยหงกลางลานกว้างนั้น
ร่างของเนี่ยตงไห่ย่ำแย่ลงทุกวัน เขาที่เคยสูงใหญ่มากบารมี มาวันนี้กลับเหี่ยวแห้งโรยราราวท่อนฟืน ต่อให้เป็คนที่สายตาไม่มีแววแค่ไหน เพียงแค่มองเห็นเขาก็รู้ว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน
บนแท่นสูง มองเห็นการต่อสู้ของเนี่ยเทียนและเด็กวัยเดียวกันเ่าั้ มองเห็นเนี่ยเทียนได้รับชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ถือเป็ความบันเทิงใจที่มีอยู่ของเขาแล้ว
แต่เขาก็เข้าใจเช่นกัน ขอบเขตเพียงเท่านนี้นั้นยังไม่เพียงพอ อาศัยเพียงร่างกายแข็งแกร่งของเนี่ยเทียน สักวันก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี
เขายังรู้ด้วยว่า หากเนี่ยเทียนพ่ายแพ้เมื่อใด ก็หมายความว่าข้อได้เปรียบในความแข็งแรงของร่างกายเนี่ยเทียนจะไม่มีทางฟื้นคืนกลับมาได้อีก
ต่อไป ระยะห่างระหว่างเนี่ยเทียนและเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามตบะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของเด็กพวกนั้น
“เปรี๊ยะๆ”
เสียงแปลกประหลาดดังลอยมาจากหมัดที่มีสายฟ้าเปล่งประกายของเนี่ยหง หลังจากตวาดเสียงดัง เนี่ยหงก็พุ่งเข้าใส่เนี่ยเทียน
“โอ้ เร็วกว่าก่อนหน้านี้หน่อยหนึ่ง” เนี่ยเทียนเอ่ยปาก เผชิญหน้ากับเนี่ยหงที่พุ่งเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง หลังจากหัวเราะเสร็จก็ไม่คิดจะหลบหลีกแม้แต่นิด
เนี่ยเทียนพลันยกมือขวาขึ้น ก้าวขึ้นเข้าไปหนึ่งก้าวอย่างห้าวหาญ กำปั้นที่เห็นได้ชัดว่าใหญ่กว่าเนี่ยหงหนึ่งเท่ากระแทกเข้าไปอย่างแรงไปยังหมัดขวาของเนี่ยหง
“ปัง!”
หมัดทั้งสองกระแทกเข้าหากัน เสียงอื้ออึงดังลอยมา การโจมตีของเนี่ยหงหยุดชะงักลงทันควัน
เนี่ยเทียนถอยหลังไปสองก้าว แยกเขี้ยวยิงฟันสะบัดมือเร่าๆ สายฟ้าหลายเส้นแตกปะทุออกมาจากหมัดตามการสะบัดแขนของเขา
คนดูทุกคนล้วนมองอย่างตั้งใจ พบว่าหลังกำปั้นของเนี่ยเทียนมีร่องรอยไหม้เกรียมสีดำเด่นชัด
“หลอมลมปราณขั้นหก ต่างจากขั้นห้าเพียงแค่หนึ่งขอบเขต ทว่าในความเป็จริงแล้วกลับมีธาตุแท้ที่แตกต่างกัน ขั้นที่หกสามารถปลดปล่อยพลังิญญาออกมาด้านนอกได้ ส่วนอนุภาพของสายฟ้าที่แฝงไว้ในพลังิญญาก็สามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายได้”
เนี่ยเสียนญาติห่างๆ ของตระกูลเนี่ยซึ่งฝึกได้ถึงหลอมลมปราณขั้นแปด ปีนี้อายุสิบสี่ปีแล้ว มองเนี่ยเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ทุกครั้งที่หมัดัักัน เนี่ยหงสามารถทิ้งสายฟ้าที่แฝงอยู่ในพลังิญญาของตัวเองไว้ในร่างกายของเนี่ยเทียนได้ สายฟ้าจะทำให้เืเนื้อของเขาชาไปทั่วร่าง เสียวปลาบไปทั้งร่าง เขาจำเป็ต้องใช้พละกำลังส่วนหนึ่งต่อต้านการรุกรานของสายฟ้าที่เหลือทิ้งไว้ในร่างกาย”
“เป็เช่นนี้ต่อไป ไม่นานนักเขาต้องสูญเสียพลังในการรบ ปล่อยให้เนี่ยหงรังแกได้ตามใจชอบ”
“ด้วยพลังหลอมรวมลมปราณขั้นสามกับขั้นหก หากคิดฝืนใช้กำลังดึงดันสู้ต่อ ดูท่าไม่ค่อยฉลาดเอาเสียเลย”
ขุนนางต่างรัฐของตระกูลเนี่ย อู๋เทาพยักหน้าเล็กน้อย ใช้สายตาชื่นชมมองเนี่ยเสียนที่มีอนาคตกว้างไกล จากนั้นก็กล่าวว่า “เนี่ยเทียนอาศัยร่างกายที่แข็งแกร่ง การต่อสู้ตลอดหลายปีมานี้ เขาเคยชินกับการใช้กำลังไปแล้ว เมื่อก่อนเขาไม่เคยเสียเปรียบก็จริง แต่เขาไม่รู้ว่าการล้นออกมาของพลังิญญาหลอมลมปราณขั้นหกหมายความว่าอย่างไร วันนี้เขาต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน สถิติไร้พ่าย... ก็คงถูกทำลายลงหลังการต่อสู้ครั้งนี้”
“ว่ากันว่าในท้ายที่สุดแล้วก็เป็เพราะเขาไม่มีพร์นั่นเอง หากเขาเป็เหมือนเนี่ยหงที่อยู่ในขั้นหลอมรวมลมปราณหก พลังิญญาของเขาก็จะมีธาตุพิเศษเช่นกัน เอาชนะเนี่ยหงถือเป็เื่ที่สบายมาก” เนี่ยเสียนกล่าว
“เ้ารู้สึกหรือยัง?” เนี่ยหงที่บนหมัดมีสายฟ้าเปล่งวาบขึ้นมาอีกครั้งมองเนี่ยหงที่ยังคงสะบัดแขนด้วยดวงตาเ็า “สายฟ้าเส้นนั้นที่ข้าทิ้งเอาไว้บนมือของเ้าแผ่ขยายออกไปทั่วแขนของเ้าแล้วใช่หรือไม่? รสชาติมันเป็อย่างไร? มือข้างนั้นของเ้าคงจะเสียวปลาบมากเลยสิ?”
“ก็แค่เล็กน้อย” เนี่ยเทียนแสยะปาก เห็นได้ชัดว่าเ็ปเล็กน้อย “แต่ก็ยังพอไหว ไม่ถือว่าส่งผลอะไรต่อข้ามากนัก”
“ยังจะปากดีอยู่อีกรึ?” เนี่ยหงสีหน้าฮึกเหิม เขาที่ถูกข่มมาตลอดเก้าปี พ่ายแพ้ยับเยินติดต่อกันหลายครั้ง ในที่สุดก็เหมือนมองเห็นแสงสว่างจากการต่อสู้ครั้งนี้ “ไม่ส่งผลมากใช่หรือไม่? ถ้าอย่างนั้นก็ลองอีกสักหลายทีเป็อย่างไรเล่า!”
“ปัง ปัง! ปัง ปัง ปัง!”
หมัดของเนี่ยหงราวกับลูกะเิ ต่อยเข้ามาที่เนี่ยเทียนอย่างต่อเนื่อง เนี่ยเทียนกลับไม่ยอมหลบหลีก ทั้งยังใช้วิธีการเช่นเดิมเอาคืนเนี่ยหงอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
ผ่านไปสิบชั่วลมหายใจ เนี่ยหงเป็ฝ่ายหยุดลงก่อน สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ มองเนี่ยเทียนด้วยความดุดันราวพยัคฆ์ร้าย
และมือทั้งสองข้างของเนี่ยเทียนก็ไหม้เกรียมราวกับถ่าน ประกายไฟจากสายฟ้าเป็จุดๆ ลอยพุ่งออกมาจากแขนของเขาอย่างต่อเนื่อง
ทุกคนล้วนดูออกว่าแม้แต่การเหวี่ยงแขนของเนี่ยเทียนก็ยังดูแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าสายตาของเนี่ยเทียนกลับเผยแววปรารถนาในการสู้รบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ราวกับสัตว์ร้ายตัวน้อยที่ในที่สุดก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ะเิเสียงคำรามใส่เนี่ยหง “ต่อเลยสิ ทำไมถึงหยุดไปเล่า? มาสิ อย่าหยุด!”
ทำราวกับว่า เขาต่างหากที่เป็ฝ่ายได้เปรียบ
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้