เหลียงปิ่งอันพยายามจะเป็คนสมถะเรียบง่าย เขาเปลี่ยนจากขับรถเก๋งเป็ขี่จักรยาน ปฏิบัติตัวต่อเพื่อนร่วมงานในหน่วยราวกับลมฝนแห่งชีวิตในฤดูใบไม้ผลิ [1] เต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน กระทั่งยามหน้าประตูยังรู้สึกว่า่นี้รองหัวหน้าเหลียงใจดียิ่งนัก ได้รับคำทักทายอย่างสนิทสนมจากรองหัวหน้าเหลียงบ่อยครั้ง ทำให้ยามเฝ้าประตูรู้สึกปลาบปลื้มอย่างเหลือล้น
ส่วนหลิวฟางเป็ประเภทที่เก็บอาการไม่อยู่
พอสถานการณ์อันตึงเครียดซึ่งเกิดจากกรณีของฝานเจิ้นชวนผ่านพ้นไป หลิวฟางก็กลับมาเป็ ‘คุณนายเหลียง’ ผู้ยโสโอหังคนนั้นอีกครั้ง
เหลียงฮวนััได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศภายในครอบครัวเช่นกัน เมื่อทราบว่าบิดาของเธอกำลังจะเลื่อนขั้นเป็หัวหน้า ‘าแทางจิตใจ’ ของเหลียงฮวนแทบหายขาดโดยไม่ต้องรักษา เดินอย่างมีสติ และเวลาอยู่ที่โรงเรียนก็ร่าเริงยิ่งนัก... ในชั้นเรียนที่เธออยู่นั้น ก่อนหน้านี้มีฝานหานเป็ลูกพี่ใหญ่ นั่นเป็เพราะบิดาของฝานหานคือฝานเจิ้นชวนนี่นา!
ตอนนี้ฝานเจิ้นชวนถูกจับ และบิดาเหลียงฮวนใกล้จะเลื่อนตำแหน่งเป็หัวหน้า เหลียงฮวนจึงคิดว่าเธอคืออันดับหนึ่งของโรงเรียนโดยแท้จริงแล้ว
เหล่านักเรียนหญิงที่เข้าเมืองพร้อมเหลียงฮวนไปก่อนหน้านี้ไม่ค่อยยอมรับเท่าไรนัก เหลียงฮวนอวดโอ้ว่า ‘หลานเฟิ่งหวง’ เป็ร้านที่ลุงแท้ๆ เปิด ลุงรักใคร่เอ็นดูเธออย่างไร ทว่าหลังไปถึงแล้วทุกคนก็พบว่ามีสภาพเช่นนั้น อีกทั้งลูกพี่ลูกน้องของเหลียงฮวนได้ทะเลาะกับเธออีกด้วย แม้ร้านใหญ่โต ป้าสะใภ้กลับไม่ใส่ใจเหลียงฮวนสักเท่าไรเลย!
เหลียงฮวนดูถูกเหยีดหยามอย่างหนัก
“ต่อให้เปิดร้านใหญ่โตขนาดไหน ก็เป็พวกค้าขายอิสระอยู่ดี ถ้าไม่เห็นแก่ฐานะญาติพี่น้อง ฉันไม่ไปเด็ดขาด!”
ด้วยขนาดกิจการของหลานเฟิ่งหวงนั่น เรียกว่าค้าขายอิสระเหมือนกันได้หรือ?
เหลียงฮวนคุยโวคะนองปากจริงๆ พอถามอีกที เหมือนว่าพ่อของเหลียงฮวนใกล้จะเลื่อนตำแหน่งแล้ว ทุกคนจึงทำได้เพียงยกยอปอปั้นเธอดั่งเดิม
เหลียงฮวนนั้นได้รับความนิยมในหมู่นักเรียนชายมาโดยตลอด ส่วนเพื่อนนักเรียนหญิงจะเข้ามาคลุกคลีกับเธอก็ต่อเมื่อมีผลประโยชน์เท่านั้น ด้วยนิสัยองค์หญิงน้อยของเหลียงฮวน หากไร้จุดประสงค์อื่นแอบแฝง มีเพื่อนเพศเดียวกันน้อยคนนักที่จะทนรับไหว ฝานหานลอบหัวเราะเย้ยหยัน เหลียงฮวนรู้ั้แ่แรกว่าพี่สาวเธอจะแต่งงานเข้าบ้านเขามา แต่กลับไม่บอกไม่กล่าวสักคำ พอตอนนี้เห็นว่าบ้านฝานตกอับ... เหลียงฮวนก็เบิกบานเริงร่าขึ้นมาอีกครั้งแล้วสินะ?
จะแปลกกว่าถ้าเหลียงปิ่งอันได้เลื่อนขั้น
ฝานหานนึกถึงคนที่มาหาเขา ทำไมฝานเจิ้นชวนถึงโชคร้าย ก็เพราะ้าบังคับพี่สาวของเหลียงฮวนแต่งงานไม่ใช่หรือ?
พี่สาวของเหลียงฮวนมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและมีผู้อุปถัมภ์ สามารถต่อต้านฝานเจิ้นชวนได้ ทุกวันนี้มีผู้คนมากมายในเขตเหอตงถูกจับกุม ล้วนเป็บุคคลที่ใกล้ชิดฝานเจิ้นชวนบิดาของเขาทั้งนั้น ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่าเคยร่วมกันทำอะไรเลวร้ายบ้าง แต่ถ้าไม่เกิดเื่บังคับพี่สาวเหลียงฮวนแต่งงานขึ้น ไม่รู้ว่าจะสั่นคลอนคนพวกนี้ในเขตเหอตงได้เมื่อไร เหลียงปิ่งอันยังไม่ทันลงเรือลำเดียวกับบ้านฝาน ทว่าบ้านเหลียงอุตสาหะเป็ผู้ชักใยเพื่อให้เกิดวิวาห์ครั้งนี้ จะไม่โดนผลกระทบแม้แต่น้อย อีกทั้งกลับกลายเป็ได้เลื่อนขั้นจริงๆ หรือ?
เหลียงฮวนกำลังฝันสินะ!
เมื่อก่อนเหลียงฮวนพยามยามพะเน้าพะนอเขามาก ฝานหานถึงมีความสัมพันธ์อันดีกับเธอ แถมเคยพาเธอไปเที่ยวเล่นบ้านเก่าตระกูลฝาน
ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วเหลียงฮวนแค่ใช้เขาเป็แท่นเหยียบ เพื่อประจบย่าของเขา จนย่าเขาเกือบขอเธอมาเป็แม่เลี้ยงให้ฝานหาน... ตอนนั้นฝานหานรู้ว่าเหลียงฮวนไม่อยากสมรสกับบิดาของเขา ยังนึกดีใจไม่น้อย คิดว่าแม้เหลียงฮวนจะฟุ้งเฟ้อไปหน่อย อย่างไรเสียสมองก็ยังไม่ทึบ ฝานหานก็ช่วยเหลือด้วยเช่นกัน แนะนำเหลียงฮวนว่าแต่งตัวกะโปโลหน่อย หลีกเลี่ยงไม่ให้บิดาของเขาถูกใจ
ผลสุดท้ายเล่า บ้านเหลียงจะส่งผู้หญิงให้ฝานเจิ้นชวน เหลียงฮวนกลับไม่บอกเขาสักคำ!
“พี่หาน ดูสิ...”
“ไม่เป็ไร ปล่อยเหลียงฮวนภูมิใจไปก่อนสักสองวัน เธอแค่ระริกระรี้ ทั้งที่อย่างน้อยรอให้คำสั่งเลื่อนตำแหน่งของพ่อเธอยืนยันแล้วค่อยอวดก็ไม่สายไปหรอก!”
ฝานเจิ้นชวนล้มแล้ว พวกต้นหญ้าบนกำแพง [2] ต่างแตกฮือกระเจิดกระเจิง
แต่ฝานหานเป็คนที่กล้ารายงานประณามกระทั่งบิดาแท้ๆ เขาเป็คนใจหินพอ ยังคงมีพวกพ้องที่เชื่อมั่นในตัวเขาอยู่มาก เคียงข้างเขาด้วยความซื่อสัตย์ภักดีอย่างแท้จริง
“ผู้หญิงคนนั้นเป็อย่างไรบ้าง?”
“ซื้อตั๋วรถไฟเพื่อออกจากเขตเหอตงแล้ว พวกเรายังไม่ได้จัดการเธอให้สาสมเลย!”
ไม่ได้จัดการเธอสาสมจริงหรือ เมื่อวานก็ไปก่อกวนยังที่อยู่ของเธอ ทั้งยังทำลายงานใหม่ของเธอด้วย รับรู้โดยทั่วแล้วแม่บ้านสาวกับฝานเจิ้นชวนมีความสัมพันธ์กัน เสียวอวี่อย่าได้คิดจะใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในเขตเหอตงอีกเลย ในที่สุดบีบคั้นจนเสียวอวี่ต้องออกจากเขตเหอตง ฝานหานถึงรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาบ้าง
หลายปีมานี้คงไม่ได้ลำบากสินะ มีสิทธิอะไรจะจากฝานเจิ้นชวนไปอย่างปลอดภัยแล้วเริ่มใช้ชีวิตของคนปกติเล่า?
ฝานหานขโมยเงินของเสียวอวี่ ทำลายอาชีพ และทำลายชื่อเสียงในเขตเหอตง
นี่คือผลกรรมที่เสียวอวี่ควรได้รับอย่างแท้จริง ฝานหานคิดว่าเขาเมตตาเกินไปด้วยซ้ำ! เฮ้อ ช่วยไม่ได้ ก่อนมารดาของเขาจะตาย ดึงมือเขาไว้พลางขอว่าต่อไปให้เขาเป็คนดี อย่าเลียนแบบฝานเจิ้นชวน
ตระกูลฝานผู้สุดแสนหยิ่งผยองในเขตเหอตง ไม่ต่างจากไม้ใหญ่ล้มลิงค่างร่วง [3] จริงๆ
ตอนฝานเจิ้นชวนเพิ่งถูกจับ ท่าทีแข็งขืนยิ่งนัก
เมื่อเผชิญหน้ากับการสอบสวน เขายังคงทำการขัดขืน คนคนนี้กระทำความชั่วมามากจนจิตใจไม่รู้สึกรู้สา เขาใจเด็ดต่อผู้อื่น ต่อตนเองก็ไม่แพ้กัน
แม้หลักฐานวางตรงหน้าก็จะยอมรับไม่ได้!
มารดาของเขาร้องไห้คร่ำครวญพลางคิดหาวิธีช่วยเหลือเขา ทว่าหลักฐานที่มิอาจหักล้างเกี่ยวกับคดีของฝานเจิ้นชวนกองรวมกันสูงราวกับเนินเขาขนาดย่อม มีเหยื่อจำนวนมาก ส่วนผู้เสียหายที่ก่อนหน้านี้ยอมทนเพราะอำนาจและอิทธิพลของฝานเจิ้นชวน ตอนนี้ฝานเจิ้นชวนโดนจับกุมแล้ว พวกลิ่วล้อก็พินาศไปตามๆ กัน เหล่าผู้เสียหายจึงกล้าพูดความจริงในท้ายที่สุด
แรกเริ่มฝานเจิ้นชวนดึงดันไม่สารภาพ ทว่าหลังถูกขังสองวัน รู้สึกว่าปวดร้าวที่เอว
ความเ็ปนี้มันมาเป็ระยะ ทำเอาเขารำคาญจนทนไม่ไหว
ต่อมาอาการปวดรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ฝานเจิ้นชวนจึงบอกว่าจะพบหมอ คนสอบสวนนึกว่าเขาเป็โรคพวกนิ่วในไตเสียอีก เมื่อปวดขึ้นมาแทบขาดใจเลยทีเดียว ในที่สุดก็ส่งฝานเจิ้นชวนเข้าโรงพยาบาลไปเอกซเรย์ ไตของเขาไม่มีความผิดปกติแม้แต่น้อย!
แต่ฝานเจิ้นชวนร้องว่าปวดอยู่ดี เวลาปวดที่สุดเหงื่อเย็นแตกพลั่กจนถึงกับทำให้เสื้อผ้าทั้งตัวเปียกชื้นไปหมด
คนใจแข็งอย่างฝานเจิ้นชวนให้ความร่วมมือกับการสอบสวนจนได้ ไม่ให้ความร่วมมือไม่ได้ เพราะคนสอบสวนเขาจะไม่ให้ยาแก้ปวดไปรับประทาน
แม้เป็อาการปวดแบบนั้น ยาแก้ปวดช่วยได้ไม่มากยามมันกำลังกำเริบ แต่รับประทานย่อมดีกว่าไม่รับประทาน... ฝานเจิ้นชวนนึกถึงหมัดที่เขาโดนในบ้านพักรับรองประจำเมือง ชั่วขณะนั้นเจ็บเพียงครู่เดียว ใครจะรู้ว่าผลที่ตามมาจะสาหัสขนาดนี้! หากรู้ั้แ่ตอนนั้น เขาจะสู้ไม่ปล่อยคนพวกนั้นไป ต่อให้ตัวเองต้องตายพวกมันทุกคนอย่าได้คิดหนี!
ตอนนี้ฝานเจิ้นชวนสงสัยว่าเื่ราวทั้งหมดคือกับดัก เหลียงปิ่งอันคือคนของใครกันแน่ ถึงได้จงใจแนะนำหลานสาวให้แก่เขา มันเป็แผนลวงนี่เอง
รู้เมื่อสายเกินไปเสียแล้ว!
ฝานเจิ้นชวนมองหลักฐานที่วางอยู่ตรงหน้า นี่เป็การจะจัดการเขาให้ถึงที่สุด ครั้งนี้เขาหนีไม่รอดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เหลียงปิ่งอันอย่าคิดจะได้อยู่อย่างสงบสุขเลย ฝานเจิ้นชวนอ้าปาก เผยให้เห็นฟันขาวจั๊วะ เพียงแต่ขาดฟันไปสองซี่เท่านั้น เขาจึงพูดจาไม่ค่อยชัดเจนนัก
“ผมสารภาพ ผมขอสารภาพทุกปัญหาของตัวเอง...”
----------------------------------------
“หัวหน้าเหลียงมาแล้วหรือครับ?”
“หัวหน้าเหลียง ชงชาของคุณไว้ให้แล้ว ซิ่นหยางเหมาเจียนเหมือนเดิม”
“หัวหน้าเหลียง...”
เหลียงปิ่งอันกลายเป็คนดังของหน่วยงานภายในชั่วพริบตา ทั้งที่ไม่ใช่ธุระของเขา แต่ทุกคนก็รายงานการปฏิบัติงานกับเขาอยู่ดี
โดยเฉพาะวันนี้ จะประกาศผู้รักษาการตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่ในที่ประชุม ในเมื่อกลุ่มคนไร้ผู้นำ ย่อมต้องมีคนออกมารับหน้าที่ควบคุมงาน เหลียงปิ่งอันวิจารณ์เหล่าคู่แข่งจากหน่วยงานเดียวกันในใจ ดูเหมือนว่าไม่มีใครมีคุณสมบัติครบถ้วนสู้เขาได้ เขาอายุยังไม่มาก แต่เริ่มทำงานเร็ว อายุงานจึงยาวนาน ถือว่าาุโพอที่จะเป็หัวหน้าแล้ว
เวลา 10 นาฬิกา ที่ประชุมกล่าวถึงประเด็นผู้รักษาการหัวหน้าอย่างที่คาดไว้
“ภาระงานในสำนักงานต้องดำเนินการ...”
สิ่งเหล่านี้ล้วนคือถ้อยคำตามมารยาท ไม่มีประโยชน์ใดด้วยซ้ำ เหลียงปิ่งอันแค่รอคอยประกาศแต่งตั้งหัวหน้าเท่านั้น
ในขณะที่กำลังกล่าวถึงจุดสำคัญพอดี มีคนจำนวนหนึ่งปรากฏตัวกะทันหัน และขัดจังหวะการประชุม เหลียงปิ่งอันสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว คนนำกลุ่มช่างคุ้นตายิ่งนัก ที่บ้านพักรับรองประจำเมืองในวันนั้น เขาพาตัวฝานเจิ้นชวนไป มือของเหลียงปิ่งอันที่กำลังถือถ้วยชาออกแรงมากขึ้น
คนพวกนี้มาทำอะไรกัน ทำไมพวกเขาเดินมาทางนี้!
“สหายเหลียงปิ่งอัน...”
มือทั้งสองข้างแตะบนบ่าเหลียงปิ่งอัน หูของเขาส่งเสียงดังหึ่งๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรบ้าง
เชิงอรรถ
[1]春风化雨 ลมฝนในฤดูใบไม้ผลิ ความหมายตรงตัวคือ ลมและฝนในฤดูใบไม้ผลิซึ่งเหมาะสมแก่การเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ นำมาเปรียบเทียบถึง การสั่งสอนอบรมที่ดี
[2]墙头草 ต้นหญ้าบนกำแพง หมายถึง ผู้ที่ไร้จุดยืนของตนเอง ไหลตามคนอื่น เพราะต้นหญ้าที่ขึ้นบนกำแพงจะเอนไหวตามแรงลม
[3]树倒猢狲散 ไม้ใหญ่ล้มลิงค่างกระเจิง หมายถึง เมื่อผู้มีอำนาจตกต่ำ เหล่าบริวารที่ติดตามเพื่อผลประโยชน์ต่างก็พากันกระจัดกระจายหนีไป