“เ้า?” วั่นเฮ่าซิงเหลือบมองหยวนจุน รอยยิ้มที่มุมปากยกขึ้นอีก มีแววตาของการดูถูกเหยียดหยามอยู่ลึกๆ “น้องหยวนจุนอย่าล้อเล่นสิ ทุกคนรู้อยู่ว่าเ้าไม่มีเส้นปราณแต่กำเนิด ฝึกพลังยุทธ์ไม่ได้”
หยวนจุนไม่หยุดเพียงเท่านี้ เขาฝ่าฝูงชนออกไปแล้วกล่าวว่า “การประลองในวันนี้ไม่เกี่ยวกับการฝึกพลังยุทธ์ ถึงข้าจะไร้เส้นปราณแต่กำเนิด แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่ข้าอยากประลองกระบี่?”
ผู้าุโกำลังจะยกมือห้ามวั่นเฮ่าซิง แต่ถูกหยวนฉางเทียนห้ามไว้ก่อน
“ปล่อยเขา ข้าเชื่อว่าวั่นเฮ่าซิงคงออมมือ ไม่ทำจุนเอ๋อร์เจ็บหรอก”
ในเมื่อประมุขพูดเช่นนี้แล้ว ผู้าุโใหญ่ก็ได้แต่ถอนหายใจ เพื่อกันไม่ให้วั่นเฮ่าซิงลงมือหนักเกินไป เขาจึงกำชับด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เฮ่าซิง อย่าทำจุนเอ๋อร์เจ็บนะ”
“ท่านปู่วางใจได้”
วั่นเฮ่าซิงพยักหน้า ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย แม้เขาจะยิ้ม แต่ก็ไม่พอใจกับความลำเอียงสุดโต่งของปู่ตนเอง
หากการประลองนี้ไม่เกี่ยวกับความเป็ความตาย เขายอมที่จะทำ “พลาด” แทงหยวนจุนให้ตายคาลานประลองกระบี่
เมื่อเห็นหยวนจุนขึ้นลานประลองอย่างมั่นใจ โจวเฉินมองเขาตาไม่กะพริบ คงเพราะรู้สึกว่าหนุ่มรูปร่างผอมนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน แม้จะยังดูผอมอยู่ แต่ก็รู้สึกถึงพลังความแข็งแรงที่แผ่จากภายในสู่ภายนอก
เสิ่นเฟยเสวี่ยกลับไปนั่งเก้าอี้ เขาเงยหน้าเหลือบมองหยวนจุน แล้วหัวเราะด้วยความดูถูก
“กระบี่ธรรมดาก็หลบไม่ได้ ยังจะประลองกระบี่กับวั่นเฮ่าซิงอีก... แม้อยากจะเรียกร้องความสนใจจากข้าก็ไม่เห็นจำเป็ต้องทำถึงขนาดนี้...”
ด้านล่างลานประลอง เหล่าศิษย์ในสำนักต่างรู้กันทั่วว่าหยวนจุนไร้เส้นปราณแต่กำเนิด แต่ด้วยหยวนจุนมีตำแหน่งสูง พวกเขาจึงแสดงอารมณ์เย้ยหยันออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงแอบดูถูกอยู่ในใจ
ความแตกต่างระหว่างหยวนจุนกับวั่นเฮ่าซิง เปรียบเหมือนดวงอาทิตย์บนท้องฟ้ากับเม็ดยาในโคลนตม แม้จะใช้ปราณดาราไม่ได้ แต่หยวนจุนก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร
เพราะสุดท้ายเขาก็ไม่ได้จับกระบี่อีกอยู่ดี
ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน วั่นเฮ่าซิงเปิดปากพูดขึ้นว่า “น้องหยวนจุน แม้ข้าจะออมมือให้ แต่กระบี่มันไม่มีตา หากข้าไม่ระวังทำร้ายเ้า เ้าก็อย่าโทษข้าแล้วกัน”
“มิต้องลำบากใจ”
หยวนจุนก้มลงหยิบกระบี่ที่หล่นอยู่บนพื้น ยืนตัวตรง ท่าทางแตกต่างจากวั่นเฮ่าซิง ในสายตาคนนอกเขาดูเป็คนธรรมดาที่ไม่รู้จักวิธีใช้กระบี่
“ยกกระบี่แล้ว? ท่วงท่าการถือกระบี่มีแค่คนสองประเภทเท่านั้น ประเภทแรกคือคนที่ไม่เคยใช้กระบี่ ส่วนประเภทที่สองคือคนที่เป็ยอดฝีมือกระบี่ แม้วิชากระบี่จะยอดเยี่ยมล้ำเลิศแล้ว แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้”
“ยิ่งไร้การเคลื่อนไหว ก็ยิ่งวางท่าหลอกล่อไม่เลิก”
หยวนฉางเทียนลูบเครา จู่ๆ แสงจ้าก็สาดเข้ามาในดวงตา แต่ไม่นานใบหน้าชรานั้นก็กลับนิ่งอีกครั้ง
คิดแล้วหยวนจุนคงไม่ใช่ประเภทที่สอง
โชคดีที่การประลองนี้ใช้แค่วิชากระบี่เท่านั้น ตนเองกับผู้าุโทั้งสามก็ดูอยู่ ไม่น่าจะเกิดอันตรายอะไร ปกติหยวนจุนเป็คนพูดน้อย เงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่กลับท้าประลองกระบี่กับวั่นเฮ่าซิง ซึ่งทำให้หยวนฉางเทียนพอใจเป็อย่างมาก
ไม่ว่าผลจะเป็อย่างไร แต่การที่หยวนจุนมีใจไม่ยอมแพ้ ถือเป็การพัฒนาที่ไม่เลวเลย
วั่นเฮ่าซิงใช้มือขวาถือกระบี่ ส่วนมือซ้ายเขาใช้สองนิ้วหนีบกระบี่ ค่อยๆ ไล่ไปตามแนวคม สายตาดุดันพร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
แม้คู่ต่อสู้จะเป็หยวนจุน เขาก็ไม่ประมาทแม้แต่น้อย ท่าทางเช่นนี้ทำให้หยวนฉางเทียนกับผู้าุโทั้งสามต้องชื่นชมเขา
ด้านเสิ่นเฟยเสวี่ยที่นั่งดูอยู่ตรงขอบลานประลองรู้สึกเบื่อ เลยอดไม่ได้ที่จะเล่นปอยผมที่ร่วงลงมาข้างหู
“วิชากระบี่ของวั่นเฮ่าซิงเปลี่ยนไวมาก เดี๋ยวแข็งแรง เดี๋ยวอ่อนโยน เดี๋ยวรวดเร็ว เดี๋ยวเชื่องช้า โดยไม่ต้องใช้ปราณดาราเลย แม้แต่ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้เขา ไม่รู้ว่าหยวนจุนจะตกอยู่ในสภาพใด”
คิดได้ถึงตอนนี้ เสิ่นเฟยเสวี่ยจึงกลับมาสนใจอีกครั้ง มุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกถึงการดูแคลนและเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด
“ชิ้ง”
ปลายกระบี่ของวั่นเฮ่าซิงััจนเกิดเสียงโลหะกระทบกัน เขาเปลี่ยนจังหวะก้าว ตรงไปยังหยวนจุนที่มือขวาถือกระบี่อยู่
“เอวข้อมือเป็หนึ่ง ประสานจังหวะ แทงสับปาดงัด หมุนวนกวาดกรุย!” ขณะที่วั่นเฮ่าซิงกำลังจะแตะกระบี่ในมือหยวนจุน เขาก็เคลื่อนไหวทันที ทำให้เกิดการปะทะตอบโต้ ท่วงท่าว่องไว ร้อยเรียงต่อเนื่อง!
“เคลื่อนไหวดั่งพญาเสือลงเขา สงบดั่งสตรี ท่าทางดั่งัโผบิน ดุดันดั่งเหยี่ยวจับกระต่าย สักพักเหมือนโจมตีรอบทิศกลางคืน สักพักเหมือนต่อสู้ประจันหน้ากลางวัน!”
กระบี่ที่หยวนจุนถือราวกับงอกออกมาจากมือของเขา มันเต็มไปด้วยจิติญญากระบี่ที่เป็ไปดั่งใจ ทั้งแข็งแรง ทั้งอ่อนโยน จนทำให้วั่นเฮ่าซิงทำอะไรไม่ถูก
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”
เสียงคลื่นลมพัดต่อหน้าวั่นเฮ่าซิงหลายครั้ง เขาเห็นเพียงปลายกระบี่แทงออกมาจากกลุ่มควัน กระบี่โจมตีอย่างบ้าคลั่ง
ขณะเดียวกันเสียงตื่นเต้นของหยวนจุนก็ดังนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน
“การฝึกกระบี่ เริ่มจากแรงที่ข้อมือ จังหวะก้าวที่เอว จากนั้นใช้วิชากระบี่ จับจังหวะแทงกระบี่ เอวนำข้อมือตาม บิดขึ้นลง กวาดหน้าหลัง ระวังซ้ายขวา ก้าวะโออกมา แยกภูผาแบ่งหิน แหวก์”
“ชิ้งชิ้ง” หยวนจุนบีบให้วั่นเฮ่าซิงถอย ะโเสียงดังครั้งสุดท้ายพร้อมส่งแรงกระบี่ที่รวดเร็วราวกับลูกธนูพุ่งไปยังหัวใจของวั่นเฮ่าซิง
“เคร้ง”
เมื่อเห็นว่าคมกระบี่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ วั่นเฮ่าซิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกกระบี่ขึ้นมาบัง แต่คาดไม่ถึงว่ากระบี่ของหยวนจุนนั้นแข็งแกร่งมาก ทำให้กระบี่ของเขาหักจนต้องร่นถอยไปไกล
หยวนจุนค่อยๆ ดึงกระบี่กลับ เขามองกระบี่ในมือ แสงสะท้อนกระบี่ส่องราวกับของใหม่ แม้แต่คมมีดก็ไม่มีบิ่น!
ขอบลานประลองเงียบราวกับป่าช้า ทั้งที่มีศิษย์หลายพันคนอยู่ แต่กลับไม่มีใครกล้าเป็คนแรกที่ทำลายบรรยากาศประหลาดนี้
“ประมุขน้อยชนะวั่นเฮ่าซิงหรือนี่!? รู้ไหมว่าวิชากระบี่กับเพลงกระบี่ที่วั่นเฮ่าซิงฝึกฝนสืบทอดจากผู้าุโเชียวนะ!”
“หยวนจุนไม่เคยฝึกกระบี่เลย จะเข้าใจได้อย่างไร? เขาชักกระบี่ได้อย่างว่องไว ตอนเก็บกระบี่ กระบี่ก็สะอาดหมดจด ผู้ที่มีความสามารถระดับนี้ ทั้งสำนักิเจี้ยนก็มีแต่ประมุขกับผู้าุโทั้งสามเท่านั้น!”
หยวนฉางเทียนแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาถึงกับขยี้ตาแรง แต่ก็ยังเห็นเป็ร่างของหยวนจุนยืนอยู่บนลานประลอง
หยวนจุนหรี่ตามอง รู้สึกว่าการแสดงกระบี่ออกมาครั้งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก ความทรงจำของเพลงกระบี่พรั่งพรูราวกับน้ำพุ แม้กระบี่ของวั่นเฮ่าซิงจะหักไปเสียก่อนที่เขาจะได้แสดงฝีมือก็ตาม
“น่าเสียดายที่ร่างกายนี้ไม่เคยฝึกการใช้ปราณดารา ไม่อย่างนั้นวั่นเฮ่าซิงคงได้รับาเ็สาหัสในกระบี่สุดท้ายแน่นอน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้