การคุยกันทางโทรศัพท์ไม่นาน เธอก็วางสายไปเมื่อรถมาถึงสนามบิน จ้าวเวยเวย นั่งเครื่องบินมาถึงประเทศไทย เธอไม่ได้ให้แม่กับน้องสาวมารับ เธอเดินทางกลับไปที่บ้านเอง
เมื่อมาถึงบ้าน เธอลากกระเป๋าเดินทางเข้าบ้าน บรรยากาศเงียบสงบจนรู้สึกวังเวง เธอลากกระเป๋าไปวางไว้ในบ้านก่อน ที่จะเดินไปรอบๆ บ้าน และเจอน้องสาวกำลังนั่งเหม่อออกอยู่หลังบ้าน
“เจินเจิน น้องมานั่งทำอะไรตรงนี้”เธอเข้าไปหาน้องสาวอย่างแ่เบา
จ้าวเจินเจินหันมาเห็นพี่สาว เธอเห็นว่าเป็พี่สาวที่ไม่ได้เจอกันมาเป็เดือน ได้กลับมาแล้ว เธอยิ้มดีใจและวิ่งเข้ามากอดพี่สาวอย่างดีใจ “พี่กลับมาแล้ว!ฉันคิดถึงพี่มากเลย”
“พี่กลับมาแล้ว ไม่ต้องร้องไห้นะ"จ้าวเวยเวยกอดปลอบน้องสาว ก่อนจะถามถึงแม่ที่ไม่เห็นในบ้าน"คุณแม่ไม่อยู่บ้านเหรอ” เธอเอ่ยถามน้องสาวด้วยความสงสัย
“คุณแม่อยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ คุณพ่อยังไม่ได้กลับมาที่บ้าน”จ้าวเจินเจินตอบพี่สาวเสียงเบาเล็กน้อยจากการร้องไห้ก่อนจะเอ่ยถามพี่สาวว่า“พี่กลับมาแล้ว ได้ซื้อของฝากจากประเทศจีน กลับมาให้ฉันบ้างหรือเปล่า”
“พี่ซื้อมาแล้ว ของอยู่ในกระเป๋าเดินทางของพี่ เอาไว้กลับค่อยมาดูนะ ขอพี่ไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลก่อน” เธอตอบน้องสาว
“ได้ค่ะ! งั้นฉันจะพาพี่ไปโรงพยาบาลกันก่อน คุณพ่อท่านต้องดีใจมากที่พี่กลับมาเยี่ยมท่าน” จ้าวเจินเจินกล่าวอย่างกระตือรือร้น
…
สองพี่น้องนั่งรถมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็ที่ที่ครอบครัวเข้ารับการรักษาเป็ประจำ พวกเขาคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็อย่างดี
จ้าวเวยเวยเดินตามน้องสาวไปที่ห้องพักผู้ป่วย VVIP ซึ่งเป็ห้องที่คุณพ่อจ้าวิโจว เข้ารักษาตัวอยู่ในตอนนี้ เมื่อประตูห้องเปิดออก ภาพแรกที่เธอเห็นคือแม่ที่นั่งเฝ้าพ่ออยู่ข้างเตียง พ่อของเธอนอนนิ่งอยู่บนเตียง ร่างกายดูปกติเหมือนคนนอนหลับ แต่เครื่องวัดสัญญาณชีพที่ดังอยู่ตลอดเวลา บ่งบอกว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่
เธอมองพ่อด้วยแววตาที่สั่นไหวเ็ป เธอรีบเดินเข้าไปหาแม่ด้วยน้ำตาที่คลอ
“แม่ค่ะ คุณพ่อเป็ยังไงบ้าง”เธอถามเสียงสั่น
เขมิกาที่กำลังปอกผลไม้ใส่กล่องเตรียมเอาไว้ให้ลูกสาวคนเล็กเวลามาเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล ได้ยินเสียงลูกสาวคนโต เธอหยุดมือที่ปอกผลไม้ ก่อนจะหันไปมอง เห็นว่าลูกสาวคนโตกลับมาถึงแล้ว
เขมิการีบวางมีดปอกผลไม้ เดินเข้าไปหาลูกสาวและกอดเธอเอาไว้ “ในที่สุดลูกก็กลับมาแล้ว แม่กับน้องคิดถึงลูกมากเลยนะ”
“แม่ค่ะ ฉันกลับมาแล้ว คุณพ่อ…” เธอพูดไม่ทันจบก็มองไปที่พ่อที่กำลังนอนอยู่บนเตียง
เขมิกาปล่อยตัวลูกสาว หันไปมองสามีที่นอนแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว เธอตอบลูกสาวว่า“ก็เหมือนเดิม ร่างกายปกติดี แต่พ่อของลูกก็ไม่ยอมตื่น”
จ้าวเวยเวยเดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างเตียง จับมือที่ใหญ่และอบอุ่นของคุณพ่อขึ้นมากุมเอาไว้ “คุณพ่อค่ะ...ฉันกลับมาแล้ว ฉันมาหาแล้วนะคะ” เธอก้มลงไปใกล้ๆ คุณพ่อเอ่ยกระซิบบอกท่าน เธอหวังว่าท่านจะได้ยินเสียงของเธอและรู้สึกตัวขึ้นมาเร็วๆ
“แม่กับน้องพยายามคุยกับพ่อเขาทุกวันเลย แต่ก็ไม่ยอมตื่นสักที” เขมิกากล่าวกับลูกสาวคนโต
“คุณแม่คะ สักวันคุณพ่อท่านจะต้องตื่น และลุกขึ้นมาคุยกับพวกเราแน่ๆ” จ้าวเวยเวยกล่าวปลอบคุณแม่
“แม่ก็หวังอย่างนั้น...แต่ตอนนี้ที่บริษัทกำลังวุ่นวายมาก ถ้าพ่อของลูกยังเป็แบบนี้…” เธอกล่าวเื่บริษัทกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงเป็กังวล “เวยเวย ไหนๆ ลูกก็กลับมาแล้ว บ่ายนี้ตามแม่เข้าไปที่บริษัทเลยนะลูก”
“ฉัน...ได้ค่ะ” จ้าวเวยเวยคิดจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าของแม่แล้วเธอก็เอ่ยปฏิเสธไม่ออก
“แม่...พี่เวยเวยเพิ่งกลับมาเองนะคะ จะไม่ให้พี่เขาพักก่อนหรือคะ” จ้าวเจินเจินช่วยพี่สาวพูดกับแม่
เขมิกาถอนหายใจ เธอเองก็อยากให้ลูกสาวพักผ่อนอยู่หรอก แต่เื่ที่บริษัทมันรอไม่ได้ “แม่ก็อยากให้ลูกพักผ่อนสักสองสามวันอยู่หรอกนะ แต่บ่ายนี้ที่บริษัทมีประชุม ในฐานะที่ลูกเป็ลูกสาวคนโตของตระกูล ลูกควรจะตามแม่ไปเข้าประชุมและแนะนำตัวให้ผู้บริหารได้รู้จัก ก่อนที่ลูกจะเข้าทำงาน” เธออธิบายให้ลูกสาวคนโตฟังถึงเหตุผลที่เธอต้องเข้าบริษัท ทั้งๆ ที่เพิ่งกลับมา
“คุณแม่จะให้ฉันเข้าทำงานที่บริษัทของคุณพ่อหรือคะ!” เธอเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่จ้ะ ลูกควรที่จะเข้าทำงานและเรียนรู้งานในบริษัทแล้ว”เขมิกากล่าว
“คุณแม่ค่ะ ฉันยังต้องกลับประเทศจีนอีกนะคะ ฉันคงเข้าทำงานในบริษัทไม่ได้” จ้าวเวยเวยกล่าวปฏิเสธแม่ของเธอ
เขมิกาจ้องมองลูกสาว และกล่าวว่า “แม่บอกตามตรงนะ แม่ไม่เชื่อเื่คำสาปบ้าบออะไรนั่นของตระกูลของพ่อลูกหรอกนะ”
“ถึงคุณแม่ไม่เชื่อเื่คำสาป แต่เื่ที่พระที่วัดทักพ่อกับแม่มา คุณแม่น่าจะเชื่อนะคะ” จ้าวเวยเวยกล่าวและนั่งลงมองพ่อที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้
เขมิกาเห็นท่าทางลูกสาวคนโตแล้ว เธอเอ่ยถาม “ลูกจะกลับประเทศจีนจริงๆ หรือ! พ่อของลูกยังไม่ฟื้นเลยนะ ลูกอย่ากลับไปอีกเลยนะ”
“ฉันต้องกลับไปค่ะ ไม่ว่าคำสาปจะเป็เื่จริงหรือไหม ฉันจะกลับไปพิสูจน์ ฉันจะไม่ยอมให้คุณพ่อต้องนอนเป็เ้าชายนิทราอยู่แบบนี้” จ้าวเวยเวยกล่าวและจ้องไปที่ใบหน้าซีดเซียวของคุณพ่อ
เขมิกาเห็นว่าลูกสาวไม่ยอมไปบริษัทกับเธอ เธอมองไปที่ลูกสาวคนโตกับสามี ก่อนจะหันมาบอกกับลูกสาวคนเล็กว่า “แม่จะเข้าบริษัทก่อน ทางนี้ลูกก็อยู่เป็เพื่อนพี่สาวลูกแล้วกัน”