“ศักดินาเมืองหยางโจว!”
ฝูงชนต่างตกตะลึง นอกจากจะเป็ผู้บัญชาการทหารม้าโลหิตแล้ว หลินเฟิงยังได้รับศักดินาเมืองหยางโจวอีก
ในอาณาจักรเสวี่ยเยว่ ตระกูลต้วนถือเป็เสนาบดี มีสิทธิ์ในการควบคุมเสวี่ยเยว่ได้ และตำแหน่งรองลงมาจากเสนาบดีก็คือตำแหน่งโหวหรือขุนนาง ตำแหน่งโหวหรือขุนนางก็คือเ้าผู้ครองนครรัฐ
ขุนนางบางคนสามารถปกครองได้เพียงหมู่บ้าน ในขณะที่ขุนนางบางคนกลับสามารถเมืองหนึ่งได้ ซึ่งบุคคลอย่างหลังนั้นนับว่าเป็ขุนนางที่แท้จริง
แม้ว่าเมืองหยางโจวจะไม่ใหญ่นัก แต่ต้วนหวู่หยาได้มอบเมืองหยางโจวให้กับหลินเฟิง หลินเฟิงจึงกลายเป็ขุนนางผู้มีอำนาจอยู่ในมือ ฉะนั้นเมืองหยางโจวจึงตกอยู่ในกำมือหลินเฟิง
ไม่ว่าใครก็ตามในเมืองหยางโจวก็ล้วนตกอยู่ในการปกครองของหลินเฟิง ซึ่งหลินเฟิงสามารถตัดสินความเป็ตายของพวกเขาได้
ก่อนออกเดินทาง ต้วนหวู่หยาได้บอกกับหลินเฟิงว่า เขาหวังในตัวหลินเฟิงว่าจะสร้างผลงานออกมาได้ดี หลังจากที่กลับมาเมืองหลวงหลินเฟิงก็ได้รับการยกย่อง ตอนนี้ต้วนหวู่หยาก็ได้รักษาสัญญาของเขาแล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังประกาศอีกว่า หลินเฟิงนั้นเป็คนของต้วนหวู่หยา
“หลินเฟิงขอขอบพระทัยฝ่าา”
หลินเฟิงกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าหลินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธความหวังดีของต้วนหวู่หยา ในอาณาจักรเสวี่ยเยว่นั้นมียอดฝีมือมากมาย ซึ่งหลินเฟิงในตอนนี้ยังไม่ใช่ยอดฝีมือที่ดีพอ และต้วนหวู่หยาก็ได้ดึงเขามาเป็พวก แน่นอนว่าเขาควรดีใจกับมัน
“ไม่ต้องรีบขอบคุณข้าไป ตอนนี้ข้าได้แต่เกริ่นเอาไว้ก่อน โดยเฉพาะการมอบศักดินานั้นยังต้องรอท่านพ่อตัดสินใจก่อน”
ต้วนหวู่หยากล่าวอย่างเฉยเมยภายใต้รอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน ถึงแม้เขาจะเอ่ยมาเช่นนี้ แต่มันก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนอย่างมาก ที่ต้วนหวู่หยาได้ประกาศออกไปแบบนั้น ถึงอย่างไรผลลัพธ์มันก็ได้ถูกลิขิตไว้แล้ว การตัดสินใจนั้นมันก็เป็เพียงกระบวนการหนึ่งเท่านั้น
องค์ชายรองต้วนหวู่หยา ถ้าเขาไม่สามารถทำอย่างที่ได้พูดไว้จริงๆ ล่ะก็ เขาจะกล้าพูดต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร ต้วนหวู่หยาคงไม่อาจทำให้ตัวเองเสียหน้าได้
หลินเฟิงหยักหน้าเล็กน้อยและไม่พูดอะไรอีก ทว่ากลับเห็นสายตาของต้วนหวู่หยากำลังมองไปที่ต้วนซินเยี่ยและกล่าวว่า “ซินเยี่ย เิชงผู้นั้นได้ออกคำสั่งให้สังหารเ้า แล้วเิกู่เฟิงที่อยู่บนหอคอยด้วยนั่นล่ะ?”
ต้วนซินเยี่ยเหลือบมองต้วนหวู่หยา จากนั้นก็พยักหน้าและกล่าวว่า “อืม ทุกคนที่อยู่นอกเมืองล้วนเป็พยานได้ เพราะเิชงสั่งให้สังหารข้า หลินเฟิงถึงได้สังหารเขา และเิกู่เฟิงก็ยังขัดขวางไม่ให้ข้าเข้ามาในเมืองหลวง”
“อืม” ต้วนหวู่หยาพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กล่าวต่อว่า “เิกู่เฟิงเป็ถึงผู้บัญชาการของเมืองหลวง กลับทำเื่ผิดร้ายแรงและยังมอบอำนาจให้กับเิชง อาจเป็ไปได้ว่าเขาจงใจมอบอำนาจให้กับเิชงเพื่อสังหารน้องสาวของข้า ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงผู้นี้กล้าลงมือแม้กระทั่งองค์หญิง มันผู้นั้นสมควรตาย ทว่ามันก็มีบางอย่างที่น่าสงสัย”
เมื่อได้ยินคำพูดของต้วนหวู่หยาดังนั้น ฝูงชนต่างต้องตกตะลึง พ่อลูกคู่นั่นก็ได้ตายจากไปแล้ว ทำไมต้วนหวู่หยาถึงเอ่ยออกมาเช่นนั้นกัน?
อย่างไรก็ตามขณะที่พวกเขากำลังครุ่งคิด ก็เห็นว่าต้วนหวู่หยากำลังมองไปที่เิหาน ทันใดนั้นมันก็ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันในใจของเิหานเองก็สั่นเทาอย่างไม่อาจห้ามได้ และเกิดสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาทำให้ต้วนหวู่หยาเสียหน้าขณะอยู่ข้างต้วนเทียนหลาง...
“ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงเิกู่เฟิง แม้จะตายจากไปแล้วก็ยังถูกกล่าวหาว่าพยายามสังหารองค์หญิง แต่พี่ชายอย่างเิหานก็ยังเป็ถึงผู้บัญชาการองครักษ์หลวง ข้าคิดว่าก่อนจะสอบสวนเื่เิกู่เฟิงที่ได้พยายามสังหารองค์หญิง เิหาน… เ้าไม่เหมาะที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์หลวงอีกต่อไป”
หลังจากสิ้นสุดเสียงของต้วนหวู่หยา ผู้คนต่างก็อกสั่นขวัณแขวน สมแล้วที่เป็ถึงองค์ชายรองต้วนหวู่หยา ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
ซึ่งเหตุผลนี้ไม่มีอะไรที่เิหานสามารถโต้แย้งได้
ในใจของเิหานกำลังสั่นระรัว ต้วนหวู่หยาได้คว้าโอกาสเอาไว้และหาข้ออ้างเพื่อให้เขาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์หลวง
จากนั้นเิหานก็หันไปมองต้วนเทียนหลาง ทว่ากลับเห็นต้วนเทียนหลางยังปิดปากสนิทไม่เอ่ยอะไรออกมา ในตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด เขาจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา
องค์ชายรองต้วนหวู่หยานั้น ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปจริงๆ
เมื่อเิหานเห็นว่าต้วนเทียนหลางยังคงนิ่งเงียบ จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับต้วนหวู่หยาว่า “ฝ่าา เิกู่เฟิงได้กระทำผิดอย่างร้ายแรงก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เื่ที่ข้าเิหานอาจกล้าได้ แม้ข้าจะเป็พี่ชายของเขา แต่เื่นี้ข้าไม่มีส่วนรู้เห็นเลยแม้แต่น้อย แล้วจะโทษข้าได้อย่างไร ได้โปรดคืนตำแหน่งดังเดิมให้ข้าด้วยเถิดขอรับ”
“เิหาน ข้าก็ไม่ได้บอกว่ามันเกี่ยวข้องกับเ้า แต่เิกู่เฟิงนั้นแม้แต่น้องสาวของข้าก็ยังกล้าที่จะสังหาร ในฐานะที่ข้าเป็องค์ชายรอง จะไม่ตรวจสอบเื่นี้ได้อย่างไรกัน แต่ก่อนที่จะสอบสวนให้แน่ชัด เ้าจึงไม่เหมาะที่จะอยู่ตำแหน่งนี้ รอจนกว่าเื่นี้จะคลี่คลายลงเสียก่อน หากเ้าบริสุทธิ์จริง ข้าจะคืนตำแหน่งดังเดิมให้กับเ้าแน่นอน”
คำพูดของต้วนหวู่หยานั้นไม่มีแม้แต่ช่องโหว่ใดๆ ทว่าใครๆ ก็ทราบถึงความจริงของเื่นี้ดี หากเิหานได้ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง แน่นอนว่าเขาก็ต้องรีบปกป้องตำแหน่งของเขาเอาไว้ แต่ว่าเื่นี้มันยากเกินไปหรือแทบจะเป็ไปไม่ได้เลยก็ว่าได้
“ข้าเิหาน ไม่ผิดอยู่แล้ว!”
เิหานในตอนนี้อกผ่ายไหล่ผึ่งและมีั์ตาเยือกเย็น ขณะกล่าวก็จ้องตาต้วนหวู่หยาอย่างอาจกล้า
อย่างไรก็ตามเิหานก็ยังคงมีอำนาจ องครักษ์หลวงเองต่างก็ได้รับคำสั่งจากเขา หากองค์ชายรอง้าเคลื่อนย้ายตำแหน่งเขาล่ะก็ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะหลังจากวันนี้ไปจะต้องมีคนมาช่วยเขาอย่างแน่นอน
“เิหาน เ้าช่างไร้มารยาทยิ่งนัก แล้วยังกล้ากระทำต่อองค์ชายเช่นนี้อีก”
“ดูเหมือนเิหานผู้นี้จะมีใครบางคนคอยสนับสนุนอยู่”
ผู้คนที่อยู่ไกลๆ ต่างวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา เิหานผู้นี้ช่างกล้านัก กล้าโต้แย้งต้วนหวู่หยาต่อหน้าผู้คนมากมาย
“ฮ่าๆๆๆ!”
ต้วนหวู่หยาหัวเราะ ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้านั้นยังคงเยือกเย็นอยู่เช่นเดิม
“เิหาน เ้าหมายความว่าที่ข้าทำไปนั้น มันไม่มีเหตุผลและเป็การดูถูกเ้างั้นหรือ? เิหาน เ้าไม่เชื่อฟังข้าเลยแท้ๆ แต่กลับอยากได้ตำแหน่งคืน?”
“เิหานผู้นี้จะไม่เชื่อฟังคำสั่งขององค์ชายรองได้อย่างไร เพียงแต่ตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์หลวงนั้นเป็ตำแหน่งที่สำคัญมากๆ นอกจากข้าก็ไม่มีใครเหมาะสมอีกแล้ว นอกจากนี้เหล่าพี่น้ององครักษ์ก็ไม่มีใครอยากเห็นข้าต้องย้ายไป”
“งั้นหรือ?”
ทันใดนั้นสีหน้าของต้วนหวู่หยาก็กลายเป็ชั่วร้าย ถึงกับทำให้เิหานหน้าถอดสี
“ฉึก…!!!”
ตอนนั้นเองได้มีเสียงหนึ่งดังออกมา ตัวของเิหานพลันสั่นระริกอย่างรุนแรง ทันใดนั้นมุมปากของเขาก็มีเืไหลออกมา
ไม่เพียงแค่เิหานเท่านั้น แต่ตอนนี้ผู้คนต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
เิหานยังคงมีเืไหลออกจากปากอย่างต่อเนื่อง จากนั้นเขาได้ก้มลงไปมองที่หน้าอกตนเอง ถึงเห็นว่ามีหอกสีเงินปักอยู่ และตอนนี้หอกเล่มนั้นก็เต็มไปด้วยเืที่ค่อยๆ หยดลงมาจากปลายหอก
เหล่าพี่น้ององครักษ์หลวงของเขา ไม่มีใครอยากเห็นเขาย้ายไป?
เสียงกรีดร้องของเขาดังกังวานไปถึงจิตใจของผู้คน หรือจะกล่าวว่าหนาวไปถึงกระดูกก็น่าจะถูกต้องมากกว่า
เิหานพยายามหันหลังกลับไป ทว่าหอกเล่มนั้นก็ตรึงเขาอยู่กับที่ ทันใดนั้นเจตจำนงแห่งการทำลายล้างได้แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา ทำให้ตัวเขาพลันแข็งทื่อในฉับพลัน จากนั้นร่างของเขาก็ค่อยๆ ล้มลงสู่พื้นช้าๆ
หลังจากที่เิหานทรุดลงไป เหล่าองครักษ์หลวงก็ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีแม้แต่คลื่นอารมณ์ใดๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น
องครักษ์ทั้งสามสิบคนนี้ยังเยาว์วัยนัก แต่ท่าทางเยือกเย็นที่พวกเขาแสดงออกมา มันกลับทำให้ฝูงชนต้องรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“ฝ่าา น้องชายของเิหานหรือก็คือเิกู่เฟิงนั้น พยายามที่จะสังหารองค์หญิง และเิหานก็ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีที่กล้าย้อนแย้งกับองค์ชายรอง ในฐานะรองผู้บัญชาการองครักษ์หลวงอวี๋จี้ โปรดอภัยให้กับการกระทำของกระหม่อมด้วยฝ่าา”
อวี๋จี้คุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าต้วนหวู่หยา และคนที่อยู่ข้างหลังเขาล้วนเป็เหล่าองครักษ์หลวงที่กำลังนิ่งเงียบและดูไม่แปลกใจอะไรเลย เหมือนกับทุกอย่างนี้เป็สิ่งที่สมควรทำ
ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็น จนรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกแช่แข็ง
“เิกู่เฟิงวางแผนก่อฏและจงใจจะสังหารน้องสาวข้า ทว่าเิหานกลับไม่แสดงความเสียใจใดๆ แล้วยังไม่ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดจากคนในตระกูลเขา มิหนำซ้ำยังอวดดีและทำตัวหยาบคาย ต่อให้ยังมีความจงรักภักดีอยู่ แต่ข้าก็รังเกียจคนที่ไม่แยแสต่อคนรอบตัวของตนเองเป็ที่สุด”
ต้วนหวู่หยากล่าวต่ออีกว่า “ในเมื่อวันนี้เิหานได้ตายไป ตำแหน่งผู้บัญชาการองครักษ์หลวงจะว่างไม่ได้เด็ดขาด อวี๋จี้ ข้าขอแต่งตั้งให้เ้าเป็ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงคนต่อไป”
“ขอบพระทัยฝ่าา”
อวี๋จี้โค้งคำนับให้กับต้วนหวู่หยาจากนั้นเขาก็ลุกขึ้น ในขณะเดียวกันผู้คนที่อยู่ด้านหลังก็ต่างะโว่า “ฝ่าาผู้ชาญฉลาด พวกข้าขอคารวะผู้บัญชาการคนใหม่!”
เหล่าองครักษ์หลวงทั่วๆ ไปต่างตกตะลึง จนถึงตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นพวกเขาก็คุกเข่าลงและะโพร้อมกันว่า “ขอบพระทัยฝ่าา พวกข้าขอคารวะผู้บัญชาการคนใหม่!”
เสียงที่ดังสนั่นทำให้หัวใจของฝูงชนล้วนสั่นสะท้านอย่างไม่อาจสงบลงได้
ร้ายกาจยิ่งนัก การที่ต้วนหวู่หยาสามารถควบคุมเหล่าองครักษ์หลวงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็กลอุบายที่ร้ายกายมาก
ถ้าหากมีใครบอกว่าอวี๋จี้ไม่ใช่เป็คนของต้วนหวู่หยา เกรงว่าทุกคนอาจหัวเราะเยาะเอาได้
ตอนนี้หลินเฟิงกำลังจ้องมองต้วนหวู่หยาด้วยท่าทีสงบนิ่ง ทว่าในใจของเขากลับรู้สึกเยือกเย็นขึ้นมาเล็กน้อย ต้วนหวู่หยาผู้นี้ช่างเป็คนที่อันตรายมากๆ!