เมื่อเห็นว่าสองพี่น้องกําลังต่อปากต่อคำ ผู้คนต่างก็เห็นเป็เื่ธรรมดาไปนานแล้ว ทำเป็ไม่ได้ยิน หลัวหนิงหยูเห็นว่าสถานการณ์ในห้องโถงดูน่าอายเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงรีบสั่งให้หัวหน้าดูแลจวนเตรียมอาหารเย็นทันที
หลังอาหารรับประทานกลางวันเสร็จ มู่เซี่ยหรงกับมู่อวิ๋นจิ่งก็นั่งคุยเื่ทั่วไป มู่อวิ๋นจิ่งรู้สึกเบื่อ ดังนั้นนางจึงหาข้ออ้าง ออกจากจวนซ่างไป
มู่หลิงจูเห็นมู่อวิ๋นจิ่งไปแล้ว เกิดความคิดขึ้นในใจ แล้วก็หาเหตุผล ออกไปพร้อมกับมู่อวิ๋นจิ่ง
“พี่หญิง โปรดรอก่อน” ดูมู่อวิ๋นจิ่นที่ยังเดินจากไปไม่ไกล มู่หลิงจูก็วิ่งตามขึ้นไป
มู่อวิ๋นจิ่นชะลอฝีลง รอมู่หลิงจูเดินตามมา พูดด้วยความรังเกียจว่า "มู่หลิงจู เ้า้าจะทําอะไรอีก?"
"ท่านพี่ ท่านกับข้าปกติไม่ลงลอยกัน แต่ก็เป็ครอบครัวเดียวกัน เมื่อมีศัตรูพวกเดียวกัน ควรที่จะร่วมมือกันต่อต้านสิ” มู่หลิงจูยิ้มเล็กน้อย มองที่สายตาของมู่อวิ๋นจิ่น
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หยุดลง มีใบหน้าที่อธิบายยาก สายตาที่เ็ามองไปที่ดวงตาคู่นั้นของมู่หลิงจู
"ท่านพี่ เป็อะไรไป ! " มู่หลิงจูถูกสายตาที่มองมาเช่นนี้ก็รู้สึกขนลุก อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
" มู่หลิงจู ที่ผ่านมาสองสามครั้งที่เ้าทำร้ายข้า เ้ายังมีหน้ามาขอให้ข้าช่วยเหลือเ้าอีก มู่อวิ้นจิ่นยกคิ้วขึ้น
ใบหน้าของมู่หลิงจูซีดขาว ปรับอารมณ์ของนางเสร็จพูดอีกครั้งว่า “แต่ฉินซูหนิงทำกับข้าเช่นนี้ ก็เหมือนตบหน้าจวนซ่างเช่นเดียวกัน พวกเราเกิดเป็คนของจวนซ่าง ทำไมต้องให้ผู้อื่นกดขี่ด้วย"
“นั่นเป็เื่ของเ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า “มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มอย่างเ็า มองที่มู่หลิงจู เอื้อมมือออกไปลูบหอกของมู่หลิงจู"มู่หลิงจู อย่าคิดว่าทุกคนจะไร้จิตใจเช่นเ้า"
"ข้ามู่อวิ๋นจิ่นคนนี้ ไม่มีข้อเสียอะไร ก็แค่ใจแคบ ชอบแค้นฝั่งใจ สิ่งที่ผ่านมาที่เ้าทำต่อข้า ข้าจำไว้อย่างดี ไม่แน่วันไหนที่พระชายาหรงจะฆ่าเ้า คนที่ฝนมีดอยู่ด้านข้างอาจจะเป็ข้าก็ได้
“เพราะฉะนั้น ถึงสักว่าตอนนี้ยังสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ ต่างคนต่างหาที่พักสบายใจอยู่กันดีกว่า อย่ามารบกวนข้าอีก”พูดจบ มู่อวิ๋นจิ่นหัวเราะดังทีหนึ่ง แล้วเดินจากไป
หลังจากเดินออกไกล จื่อเซียงก็ดึงแขนเสื้อของมู่อวิ๋นจิ่น พูดด้วยรอยยิ้มที่ย่ามใจ “คุณหนู คุณหนูสี่ก็น่าสงสารพอแล้ว ทำไมเมื่อครู่ท่านยังขู่นางอีก?"
“คนเช่นนางยังน่าสงสารอีกหรือ ตอนที่แต่งกับท่านอ๋องหรง ในใจนางวางแผนไว้อย่างดีข้ารู้ดี นางหวังที่จะหลอกใช้ท่านอ๋องหรงไต่เต้าขึ้นไป แต่กลับไม่ได้สืบประวัติของพระชายาหรง ตอนนี้ถือว่าตนรนหาที่เอง”
"ก็ไม่รู้ว่าซูปี้ชิงเมื่อได้เห็นสถานการณ์ตอนนี้ของมู่หลิงจูแล้ว จะโกรธจนฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า"
“ฮ่าๆๆ คุณหนู ท่านช่างร้ายกาจเสียจริง”
……
หลังจากทั้งสองต่อสู้กันสักพักก็กลับถึงจวนองค์ชาย
"พระชายา ท่านกลับมาแล้วหรือ “ แม่นมเสิ่นเมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นกลับมาเร็ว ก็รีบเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า มองไปรอบ ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะถาม "อืม แล้วฉู่ลี่อยู่จวนหรือเปล่า"
"องค์ชายเสด็จเข้าวังั้แ่เช้าตรู่ เพื่อหารือกับฮ่องเต้แล้วเ้าค่ะ และคาดว่าน่าจะกลับมาสาย ๆ “ แม่นมเสิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เอ่อ... มู่อวิ๋นจิ่นตอบ อืม กลับไปคำหนึ่ง นึกได้ว่าเมื่อวานที่จวนท่านอ๋องหรง ได้ยินพูดเื่นี้กันอยู่
ขณะพูดคุยกับแม่นมเสิ่นอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียวซ่าข้อมือขึ้นมาทันที มองดูที่ข้อมือ แล้วมู่อวิ๋นจิ่นก็รีบเอามือไปจับไว้ วิ่งไปเรือนลี่เฉวียน
หลังจากที่รีบวิ่งเข้ามาในห้อง เขาก็เห็นฉีฉี่และซิวเม่ยสองคนนั้นยืนอยู่ในห้องของเขาในขนาดนี้
“พวกเ้าทำไมมาแล้วล่ะ”หลังจากเห็นทั้งสองแล้ว สัญญาณบนข้อมือก็เริ่มหายไป มู่อวิ๋นจิ่นถอยหายใจ นั่งลงแล้วเทน้ำชาให้ตนเอง
"นายหญิง ท่านดูนี่สิ " ฉีฉี่เดินเข้ามาแล้ววางกองกระดาษในมือต่อหน้ามู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นยื่นมือมาจับไปหนึ่งใบ เมื่อเห็นเนื้อหาบนกระดาษแล้ว น้ำชาในปากก็พ่นออกมา จ้องตาโตบนตัวอักษรที่เขียนอยู่บนกระดาษนั้น 'เงินรางวัล' สามตัวอักษร
"ั้แ่เมื่อวานนี้ ในทุกมุมของเมือง มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วว่าพระชายาหกมีคัมภีร์เสวียนหลิงเจินที่สูญหายไปนานนับปีอยู่ในมือ และมีคนให้ราคาถึงสองหมื่นเหรียญ ได้ยินว่ามีจอมยุทธมือดีมาเมืองเต่ฮั่วเอาชีวิตท่าน เพื่อชิงคัมภีร์เสวียนหลิงเจิน” ฉีฉี่กล่าว
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่เกาหัวไปมา มองดูกองกระดาษที่เขียนเงินรางวัลนั้น ไม่ต้องพูดก็รู้ว่าเป็ฝีมือของเหวินหยวนกับิหยวนสองคนนั้นเป็คนปล่อยข่าว
เ้าสองคนเ้าเล่ห์นี้ รู้อย่างนี้ก็ไม่ปล่อยพวกมันสองคนไว้หรอก
"แล้วตอนนี้ ข้าไม่ใช่มีศัตรูเพิ่มมากขึ้นหรอกหรือ" มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่ฉีฉี่กับซิวเม่ย รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ฉีฉี่ยิ้มแล้วส่ายหัว "แน่นอนไม่มีอยู่แล้วเ้าค่ะ ประกาศให้เงินรางวัลนี้ถูกเราสกัดกั้นอย่างลับ ๆ แล้วเ้าค่ะ และพวกนักล่าบางคนที่รู้เื่นี้ก็ถูกเราจัดการอย่างลับๆ แล้วเ้าค่ะ"
“เอ่อ พวกเ้ารู้จุดติดประกาศเงินรางวัลนี้ได้อย่างไรกัน?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างประหลาดใจ
"นายหญิง สำนักหวงยี่ของเราไม่ได้อยู่เฉนนะเ้าค่ะ ทั่วเมืองหลวงแห่งนี้ ล้วนแต่มีสายลับของพวกเราทั้งสิ้น เื่ประกาศรางวัลเงินนี้หรือ จะหลุดพ้นจากสายตาพวกเราไปได้อย่างไร”
เมื่อได้ยินเื่นี้ มู่อวิ๋นจิ่นก็มองไปที่ฉีฉี่กับซิวเม่ยชื่นชมทั้งสอง รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ครั้งแรกที่เป็ผู้นำสำนักหวงยี่แล้วก็ดูไม่ธรรมดา
"ถ้าอย่างนั้น นายหญิงมีหนังสือลับในตำนานเล่มนี้จริงหรือไม่?” ฉีฉี่ขยับเข้ามาใกล้มู่อวิ๋นจิ่น ถามด้วยน้ำเสียงเบา
มู่อวิ๋นจิ่นจิบปาก ไม่ได้ตอบฉีฉี่โดยตรง “คัมภีร์เสวียนหลิงเจินนั้น มหัศจรรย์มาเลยหรือ”
“เล่าลือว่าคัมภีร์เสวียนหลิง เมื่อนับพันปีก่อนมีจอมยุทธ์หนานซานได้สืบทอดเป็สมบัติล้ำค่าเอาไว้ ทุกกระบวนท่าในคัมภีร์ยอดเยี่ยมไร้ที่ติ ถ้าฝึกสำเร็จถึงขั้นสูงสุดแล้ว จะสามารถทำให้ยุทธภพสั่นะเืเลื่อนลั่นไปทั่ว” ซิวเม่ยที่เงียบอยู่ตั้งนานได้อธิบายให้มู่อวิ๋นวิ่นฟัง ในคำพูดยากที่จะปิดบังความน่าตื่นแต้น ที่มีต่อคัมภีร์เสวียนหลิงได้
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือเกาหัว เมื่อรู้ถึงความมหัศจรรย์ของคัมภีร์เล่มนี้บางแล้ว แต่ก็ไม่ทราบว่ายังมีอะไรที่น่าอัศจรรย์ที่สามารถทำลายพลังงานและฆ่าทำลายอะไรอีก ไม่ไม่ให้นำปัญหามาสู่ตนเอง ก็ส่ายหัวไปมา “ข่าวลือไม่เป็จริง คัมภีร์เล่มนี้ไม่ได้อยู่กับข้า”
"ดูแล้ว คนที่ปล่อยข่าว ตั้งใจที่ทำร้ายนายหญิงแน่นอน ไม่งั้นจะคิดสร้างเื่นี้ได้เช่นไร นำปัญหาใหญ่โตเช่นนี้มาสู่นายหญิงเล่า” ฉีฉี่ขมวดคิ้วพูดอย่างไม่พอใจ
"น่าจะเป็อย่างนั้น” มู่อวิ๋นจิ่นดื่มน้ำอีก สายตาดูซีดเล็กน้อย
……
ในขณะเดียวกัน ในจวนท่านอ๋องหรง
มู่หลิงจูเพิ่งจะกลับถึงจวน หัวหน้าคุมคนใช้ก็พูดกับนางว่า “สนมมู่ หวางเฟยรอท่านอยู่ในห้องโถง” เมื่อได้ยินว่าเรียกนาง ในใจมู่หลิงจูก็หนาวเหน็บทันที เกิดความกลัวขึ้นภายในใจ จากนั้นก็เดินไปทางห้องโถง เมื่อก้าวเข้าประตู ก็เห็นพระชายาหรงนั่งอยู่ตรงที่นั่งหลัก ขนาดนั้นในมือกำลังจับถ้วยน้ำชาเป่าชาที่ยังร้อนเบา ๆ อยู่
"ข้าน้อยคารวะพระชายาหรง” มู่หลิงจูเม้มปากหันไปทางพระชายาหรง
"น้องหญิงกลับมาแล้วหรือ” พระชายาหรงชายตามอง มองไปทางมู่หลิงจูที่ยังอยู่ในท่าถวายความเคารพอยู่
หลิงจูส่ายหัว “เพคะ น้องหญิงกลับมาแล้วเ้าค่ะ”
" วันนี้ข้าอารมณ์ดีเป็พิเศษ ดังนั้นข้าจะเป็คนพูดกฎของจวนท่านอ๋องหรงให้น้องเ้าฟังเอง"
พระชายาหรงพูดเสร็จ ก็ยิ้มเล็กน้อย “น้องหญิงคุกเข่าฟังข้าพูดดีแล้ว นี้ถึงจะลึกซึ้งหน่อย ง่ายต่อกันจดจำ”
“……”
มู่หลิงจูเงยหน้าขึ้นมองพระชายาหรง กัดริมฝีปาก ทันใดนั้นก็ด่าว่าพระชายาหรงหลายพันครั้งในหัวใจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ ก็ยังคงทําให้นางต้องคุกเข่า
เมื่อคุกเข่าลงกับพื้น มู่หลิงจูก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อมองลงดู ก็เห็นว่าพื้นดินในห้องโถงด้านหน้าถูกโรยด้วยหินก้อนเล็ก ๆ จํานวนมาก ในเวลานี้ได้ทรมานหัวเข่าของนาง ทำให้นางทุกข์ทรมานพูดไม่ออก
“เรือนหลังของจวนท่านอ๋องหรงของเรา รวมเ้าด้วยมีสนมทั้งหมดหกคน ท่ามกลางนางสนมมีเ้าที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็สนมรอง ฉะนั้นเ้าถือได้ว่าเป็นายหญิงครึ่งหนึ่ง เ้าต้องเรียนรู้ที่จะอ่อนน้อมถ่อมตน ข้าจะจัดเวรเดือนละครั้งให้เ้าได้รับใช้ท่านพี่ และวันที่เหลือจะแบ่งให้นางสนมอีกหกคนนั้น"
“อีกทั้งตีสามของทุกวัน เ้าต้องมาเรือนไช่เย่ถวายความเคารพข้า ถึงเวลานั้นคนรับใช้ข้าจะจัดเตรียมหนังสือสวดมนต์หนึ่งเล่มไว้ให้เ้า เ้าเพียงแค่คุกเข่านอกห้องข้า อ่านบทสวดหนึ่งชั่วยามพอ ก็สามารถกลับไปได้”
“ข้าเป็พระชายาเอก ดังนั้นในวันปกติ เ้าไม่สามารถสวมเสื้อผ้าสีได้ ทุกวันสวมใส่ได้เพียงเสื้อผ้าธรรมดาสีอ่อน และห้ามใส่ไข่มุกของมีค่า...”
“……”
ถ้อยคำเ่าั้ของพระชายาหรง ทำให้ฟันของมู่หลิงจูเกือบถูกบดขยี้หมด เหลือบมองฉินซูหนิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายนั้น มู่หลิงจูอดไม่ได้แล้วที่จะรีบเข้าไปฆ่านางหญิงแก่นี้เสีย
ร่างกายของนางไม่ค่อยแข็งแรงมิใช่หรือ แต่มองนางวันนี้ ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่เคยป่วยหนักมาก่อน
“ข้าพูดมาตั้งเยอะ น้องหญิงจะรู้สึกว่าข้ากำลังหาเื่ลำบากเ้าหรือไม่?” หลังจากหรงหวาเฟยพูดจบ แววตาแอบยิ้ม มองไปที่มู่หลิงจูที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น
มู่หลิงจูส่ายหัว แกล้งยิ้มออกมา “จะเป็ไปได้อย่างไร หวางเฟยก็พูดไป”
“เฮ้อๆ หญิงตระกุลมู่ของพวกเ้า ต่างคนต่างอาศัยคนมีอำนวจไต่เต้า พี่สาวเ้าอาศัยถูกคนลอบทำร้ายแต่งกับเ้าชายองค์หก ก็ถือว่าได้ดีแล้ว ตอนนี้เ้าเป็นางสนมจวนท่านอ๋องหรง พอมาเปรียบเทียบดู ดูเหมือนจะลำบากเ้าไปสักนิด”
ฉินซูหนิงยิ้มเยาะเย้ย พอพูดถึงมู่อวิ๋นจิ่น ใบหน้าที่ไม่แยแสและหยิ่งผยองเมื่อวานปรากฏขึ้นในใจของนาง หญิงผู้นั้นเพียงแค่มอง นางก็รับรู้ได้ว่าจะต้องเป็คู่แข่งของมู่เย่ในอนาคตแน่นอน
แต่ไม่เป็ไร ตอนนี้ตระกูลฉินของพวกเขาตอนนี้มีอํานาจเพิ่มขึ้นในราชวงศ์แล้ว ต้องมีสักวัน จะกําจัดคนที่ขวางทางทุกคน
ใครก็ตามที่ต่อต้านตระกูลฉินของพวกเขา ไม่ต้องคิดว่าจะมีจุดจบที่ดี
“ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว เ้าอยู่นี้คุกเข่าอีกสองชั่วโมง และจำให้ดีสิ่งที่ข้าบอกเ้าไปเมื่อสักครู่” คําพูดของพระชายาหรงจบลง สาวใช้ก็ประคองนางเดินจากไป
มู่หลิงจูจ้องหลังพระชายาหรงด้วยดวงตาที่ลุกเป็ไฟ ดวงตาขยับเล็กน้อยส่งสัญญาณไปให้สาวใช้ชุ่ยอวิ๋นคนใช้ข้างกายตนที่พามาจากจวนซ่าง
“คุณหนู” ชุ่ยอวิ๋นเดินเข้าใกล้มู่หลิงจู
“เ้าไปปล่อยข่าวลือบนท้องถนน บอกว่าพระชายาหรงด่าว่ามู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้จะอายแย่งผู้ชายของฉินมู่เยว่ไป และอีกทั้งตระกูลฉินในตอนนี้มีอำนาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก กำลังเตรียมพร้อมที่จะสนับสนุนท่านอ๋องหรงขึ้นเป็ฮ่องเต้ เผยแพร่คําพูดเหล่านี้ให้เกินจริงให้มากที่สุด”
มู่หลิงจูมองไปที่ชุ่ยอวิ๋น ขณะพูดเขาเอื้อมมือไปจับชุ่ยอวิ๋น แล้วเอากำไลหยกบนข้อมือของเขา สวมไปที่ข้อมือของชุ่ยอวิ๋น
ชุ่ยอวิ๋นก้มหัวดูกำไรหยกบนข้อมือที่โปร่งวิจิตร เขาสนใจมากแล้วพยักหน้า วิ่งออกไปจากจวน
หลังจากที่ชุ่ยอวิ๋นจากไป มู่หลิงจูยิ้มจางๆ “ฉินซูหนิง ในครั้งนี้ ข้าจะทำให้เ้ากับมู่อวิ๋นจิ่นได้เจอปัญหาแน่นอน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้