บทที่ 23 พี่น้องตระกูลเมิ่ง
ลู่เสียงและคนอื่นๆ เห็นกับตา ถึงแม้จะทำใจไม่ได้แต่ตระกูลอวิ๋นก็ตั้งราคาแลกเปลี่ยนยาที่ยุติธรรมจริงๆ เป็ที่รู้กันดีว่าเซียนหยกขั้นสูงหนึ่งเม็ดมีค่าเทียบเท่ากับเซียนหยกขั้นกลางหนึ่งร้อยเม็ด ซึ่งเทียบเท่ากับเซียนหยกขั้นต่ำหนึ่งหมื่นเม็ด หากเซียนหยกขั้นสูงสองร้อยสี่สิบเม็ด คิดเป็เซียนหยกขั้นต่ำสองล้านสี่แสนเม็ด ซึ่งเทียบเท่ากับรายได้หนึ่งในสิบของทั้งปีจากตระกูลลู่แล้ว นับว่าเป็มูลค่ามหาศาลยิ่งนัก ยิ่งไปกว่านั้นนายน้อยยังเป็คนปรุงโอสถนั้นเองอีกด้วย เช่นนั้นแล้วหาก้าเซียนหยกเท่าไรขอแค่มีวัตถุดิบ ย่อมปรุงออกมาเท่าไรก็ได้ตามใจ?
เมื่ออวิ๋นอันเหรินตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องเรียบร้อย ก็นึกดีใจไม่น้อยจึงหยิบเซียนหยกขั้นสูงสองร้อยสี่สิบเม็ดออกมาจากแหวนลับมาใส่ไว้ในถุงเก็บลับเล็กๆ ใบหนึ่งแล้วมอบให้ลู่อวี่ พร้อมกับพูดว่า “คุณชายลู่ใจป้ำจริงเชียว ในภายภาคหน้าหากมีของดีเช่นนี้อีก ตระกูลอวิ๋นของเรายอมจ่ายในราคาสูงลิบเช่นกัน”
ลู่อวี่รับเซียนหยกมาพร้อมกับปรายตามองอวิ๋นอันเหริน ด้วยความไม่พอใจและพูดว่า “เ้าย่อมรู้ดีว่าวัตถุดิบของยาอายุวัฒนะไท่หยวนนั้นหายากเพียงใด อีกทั้งยังปรุงยาออกมาได้จำนวนน้อย แม้ว่าวัตถุดิบของยายืดอายุไป่เฉ่าจะดีกว่ายาอายุวัฒนะไท่หยวนแต่ก็มีค่าเท่ากัน ต่อไปเว้นแต่ตระกูลอวิ๋นของเ้าจะสามารถหาวัตถุดิบได้เพียงพอแล้วนำมาแลกกัน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีเื่ดีๆ เช่นนี้เกิดขึ้นอีก!”
ลู่อวี่ไม่มีทางใจดีจนยอมขายยาอายุวัฒนะไท่หยวนให้กับตระกูลอวิ๋นเป็พิเศษแน่นอน แต่วัตถุดิบยาอายุวัฒนะไท่หยวน หลายปีมากนี้ขนาดตระกูลลู่ยังรวบรวมวัตถุดิบได้ไม่มากนัก ดังนั้นที่เขายอมขายยาล้ำค่าในครั้งนี้ก็เพื่อเป็การโยนหินถามทางหลังจากที่เขาสร้างชื่อเสียงไปแล้วจากนั้นมันจะง่ายต่อการรวบรวมวัตถุดิบ โดยเฉพาะเื่ที่เขาเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าก็คงปิดบังได้ไม่นาน จึงไม่จำเป็ต้องถ่อมตัวเกินไป
“แน่นอน แน่นอนสิ!” อวิ๋นอันเหรินใบหน้ายิ้มแย้มพยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ แต่กลับรู้สึกเหมือนมีคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ เวลานี้เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าตระกูลลู่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิธีการปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนแล้ว แม้ว่าลู่อวี่จะไม่ใช่คนปรุงโอสถขั้นหก แต่ในตระกูลลู่ต้องมีคนที่บรรลุขั้นเป็คนปรุงโอสถขั้นหกอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นคงจะไม่มีเหตุผลให้ขายยาอายุวัฒนะไท่หยวนเช่นนี้
ทว่าลู่อวี่กลับไม่สนใจเขา สนใจดูแต่รายการของในมือ และถือโอกาสบอกรายการและปริมาณของที่้า ทางอวิ๋นอันเหรินก็รีบเรียกคนมาจดบันทึกให้อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นผ่านไปได้ประมาณครึ่งก้านธูป ลู่อวี่ก็พอใจ พร้อมกับพาลู่เสียงและคนอื่นๆ เดินออกจากหอการค้าเป่ยเสวียไป
อวิ๋นอันเหรินที่ติดตามเขามาด้านหลัง จู่ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดออกไปว่า “คุณชายลู่ อีกเจ็ดวันจะมีการประมูลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุกๆ สามปีในเมืองเทียนตูเซียน ได้ยินมาว่าจะมีการประมูลยาวิเศษอันล้ำค่าในครั้งนี้ด้วย ดูจากกำลังทรัพย์ของตระกูลลู่แล้ว คิดว่าครั้งนี้น่าจะได้ยาวิเศษกลับไปมากทีเดียว!”
“อืม เป็เื่ดี ขอบคุณมากเถ้าแก่อวิ๋นที่เตือน!” ลู่อวี่ตาเป็ประกายพร้อมกับพยักหน้าตอบรับ
ความจริงแล้วงานประมูลต่างๆ ในเมืองเทียนตูเซียนไม่ได้จัดขึ้นทุกวัน แต่จะมีงานประมูลเล็กๆ เกิดขึ้นทุกๆ สามหรือห้าวันแทน ทั้งยังมีงานประมูลใหญ่ขึ้นทุกๆ เดือน นี่ยังไม่รวมงานประมูลส่วนตัวต่างๆ ที่จัดขึ้นเป็การส่วนตัวด้วยอีก ดังนั้นลู่อวี่จึงไม่ได้สนใจมันนัก แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินคำบอกเล่านั้นจึงเกิดความสนใจ
แต่งานประมูลขนาดใหญ่เช่นนี้มักจะมีการตกลงค้าขายในปริมาณที่น่าตื่นตาตื่นใจ และสิ่งของทั้งหมดที่ถูกนำมาประมูลล้วนแล้วแต่เป็ของล้ำค่าทั้งยังเป็ของคุณภาพเยี่ยมยอด ดังนั้นเขาจึงต้องปรึกษากับผู้ที่ดูแลตระกูลลู่เสียก่อน ก่อนที่จะใช้เซียนหยกสำรองของตระกูลในที่นี้ แม้ว่าเขาจะเป็นายน้อย แต่ครั้งนี้เขาเดินทางมาเป็การส่วนตัว หากไม่ได้รับอนุญาตจากท่านพ่อ เขาก็ไม่มีสิทธิ์ใช้ทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของตระกูลได้ตามใจหวัง
หลังจากนั้นลู่อวี่ได้เข้าไปเยี่ยมชมร้านค้าขนาดใหญ่อีกหลายสิบร้าน ทั้งยังกว้านซื้อยาวิเศษหายากจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้ขายยาวิเศษใดๆ ในมือของเขาอีก เพราะเขาวางแผนที่จะขายยาวิเศษสองสามรายการในงานประมูล หากทำเช่นนี้ก็จะสามารถระดมเงินทุนสำรองมาใช้จ่ายในการประมูลของเพื่อตนเองได้
“พี่รอง เหตุใดท่านถึงใจเสาะเช่นนี้ คุณชายตระกูลลู่ไม่ใช่ว่าจะเก่งกาจอะไร ต้องสงวนท่าทีถึงเพียงนั้นเชียวหรือ? อีกอย่างมีเหตุผลใดที่พวกเราตระกูลเมิ่งต้องเกรงกลัวอยู่อีกเล่า?” เมิ่งเทียนเจวี๋ยแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย แม้ว่าพี่ชายคนที่สามอย่างเมิ่งเทียนอวิ๋นจะพ่ายแพ้ในการประลองฝีมือให้กับนายน้อยตระกูลลู่ แต่นั่นเป็เพราะการประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป ใครมันจะไปคาดคิดว่านักพรตขั้นพลังจิตธรรมดาจะเชี่ยวชาญพลังเวทที่ทรงพลังถึงเพียงนั้นได้ เหตุการณ์คราวนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ไม่ทันได้เตรียมตัว พ่ายแพ้ไปแล้วกลับไร้ซึ่งความหมาย
เมิ่งเทียนอิงอายุยี่สิบหกย่างยี่สิบเจ็ดปีแล้ว เป็ลูกชายคนโตที่เกิดจากฮูหยินเอกของตระกูลเมิ่ง เป็บุรุษผู้มีใบหน้าสะอาดเกลี้ยงเกลาแม้ไม่หล่อเหลา แต่มีเป็ผู้มีสันกรามเด่นชัด โครงหน้าชัดเจน ศักดิ์ศรีพรักพร้อมสมกับที่คนตระกูลเมิ่งเลี้ยงดูมา แม้ว่าในเื่การฝึกบำเพ็ญเพียรและพร์จะมีความสามารถที่ไม่อาจเทียบขั้นกับเมิ่งเทียนอวิ๋นน้องชายคนที่สามได้ แต่ถือเป็ผู้ที่มีความสุขุมและฉลาดหลักแหลม ทั้งยังถูกคัดเลือกและวางตัวให้เป็หนึ่งในว่าที่ประมุขของตระกูลเมิ่งคนต่อไป ตอนนี้ระดับพลังเพิ่งเข้าถึง่ปลายขั้นพลังจิต แต่กลับเป็หนึ่งในลูกศิษย์อัจฉริยะของตระกูลเมิ่ง
“เทียนเจวี๋ย นี่ไม่ใช่ปัญหาว่ากลัวหรือไม่กลัว สถานการณ์ของสองตระกูลเราแตกต่างกัน ลู่อวี่เป็ลูกชายคนเดียวขอลู่เหว่ยจุน ดังนั้นจึงเป็นายน้อยของตระกูลลู่ั้แ่ถือกำเนิด และเป็ตัวแทนของตระกูลลู่แห่งเทียนอวิ๋น หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น ต่อให้จับผิดพวกเราไม่ได้ พวกเขาย่อมคิดว่าเป็ฝีมือของตระกูลเมิ่ง และคงตั้งตนเป็ศัตรูกับเรา ต่อให้ตระกูลเมิ่งของเราชนะก็เป็เพียงชัยชนะอันน่าสังเวช เช่นนั้นแล้วมันจะมีความหมายอะไรเล่า ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เ้าก็เผชิญหน้ากับเขา หากเกิดเื่ขึ้น แล้วเขาเกิดเป็อะไรขึ้นมา เ้าคิดว่าผู้อื่นโง่เขลาหรือ?”
เมิ่งเทียนอิงโบกมือปัดๆ แล้วพูดว่า “เอาละ เ้าเองก็ทำตัวดีๆ อยู่ที่นี่สักสองวัน ได้ยินว่ามียาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวในงานประมูลครั้งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราต้องประมูลมันมาให้ได้ การได้ยากลับไปเพื่อรักษาอาการาเ็ของเทียนอวิ๋นให้หายดีถือเป็สิ่งที่สำคัญที่สุด พยายามอย่างสร้างปัญหาเพิ่มนักเล่า” ถึงปากจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่กลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเวลานี้ท่านประมุขและผู้เฒ่าทั้งหลายของตระกูลเมิ่งได้สั่งกำชับมาด้วยตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาก็ต้องจำใจคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมเป็หลัก
เมิ่งเทียนเจวี๋ยถูกไล่ออกไปด้วยท่าทีไม่เต็มใจ แม้ว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่เมิ่งเทียนอิงพูดมา แต่รู้สึกว่าคงฝืนกลืนความอัปยศนี้ไม่ลง
เวลานี้ จู่ๆ องครักษ์ข้างกายของเขาก็พูดขึ้นมาว่า “นายน้อยขอรับอันที่จริงแล้วยังมีอีกวิธีที่ง่ายดายกว่านี้ ในเมื่อตระกูลเมิ่งของเราไม่อาจลงมือเองได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลอื่นจะลงมือไม่ได้เช่นกัน? นายน้อยรู้จักคุณชายของตระกูลอื่นอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นแล้วไม่สู้หาคนที่มีความขัดแย้งกับตระกูลลู่หรือลู่อวี่คนนั้น แล้วเป่าหูเขาสักสองสามประโยค หรือหาโอกาสให้พวกเขาได้เผชิญหน้ากัน แล้วยั่วยุสักหน่อย ถึงเวลานั้นต่อให้นายน้อยคิดจะลงมือเื่ราวก็ตกมาไม่ถึงมือนายน้อยแล้ว!”
“ฮ่าๆ ล้ำลึกยิ่งนัก กู่เฟิงเป็ความคิดที่ดีไม่น้อย ลู่อวี่เ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยนี้เคยทำให้คนขุ่นข้องหมองใจมามากในอดีต ไม่จำเป็ต้องให้นายน้อยเช่นข้าไปเป่าหูผู้ใด ขอเพียงสร้างสถานการณ์ให้พวกเขาได้เผชิญหน้ากันเป็พอ รับรองว่าแซ่ลู่กินไม่หมดได้แอบห่อกลับบ้านเป็แน่ เอ้า! นี่ถือเป็รางวัลของเ้า คราวหลังก็จงตั้งใจทำงาน อยู่กับข้ารับรองไม่ทำให้เ้าเสียเปรียบแน่!”
เมิ่งเทียนเจวี๋ยได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจยิ่งนัก จากนั้นจึงมอบเซียนหยกขั้นกลางให้กับองครักษ์ข้างกายไปเม็ดหนึ่ง เพียงเท่านั้นเขาก็ดีใจจนกล่าวขอบคุณอย่างเหลือคณา ทั้งยังแสดงความภักดีไม่หยุดหย่อน!
ไม่กี่วันต่อมาหลังจากนั้น ทั่วทั้งเมืองเทียนตูเซียนดูเหมือนจะเงียบสงบลง งานประมูลครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุกๆ สามปี ทุกครั้งจะมีการนำของล้ำค่าบางอย่างออกมาประมูลขาย จำได้ว่างานประมูลเมื่อครั้งก่อนประมูลอาวุธโจมตีตราประทับัชิ้นหนึ่งที่หลงเหลือมาจากในสมัยโบราณ ถูกตำหนักมหาเทพใช้เซียนหยกขั้นสูงหนึ่งหมื่นเม็ดประมูลไป ซึ่งเทียบเท่ากับสมบัติทั้งหมดของตระกูลชนชั้นกลางตระกูลหนึ่ง
เช่นนั้นแล้ว ทุกครั้ง หนึ่งอาทิตย์ก่อนการประมูลระดับสูงจะเริ่มขึ้น ทุกตระกูลหรือผู้มีอำนาจต่างก็เริ่มลดค่าใช้จ่าย เพื่อเตรียมไปใช้ในงานประมูลและทุ่มประมูลซื้อสิ่งของที่ปรารถนามาไว้ใน
แม้ว่าตอนนี้ตระกูลลู่จะมีลู่อวี่ซึ่งถือเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าของตระกูล แต่ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของตระกูลขึ้นในคราวเดียว นอกจากนี้อำนาจของตระกูลลู่ยังถดถอยลงตลอด่หลายปีที่ผ่านมา จำนวนเซียนหยกที่หาได้กลับลดลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นคนในตระกูลจึงไม่ค่อยเข้าร่วมงานประมูลในระดับนี้ แต่เนื่องจากการมาปรากฏตัวของลู่อวี่ในการประมูลครั้งนี้ ลู่เหว่ยจุนจึงได้ส่งจดหมายถึงลู่เหว่ยิหรือผู้เฒ่าด้านกิจการนอกตระกูลของตระกูลลู่ และพยายามเอาใจลูกชายอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความ้าของเขา ในขณะเดียวกันก็ยังส่งเซียนหยกมาให้เพิ่มอีกหนึ่งชุด เพื่อให้ลู่อวี่นำไปใช้อีกด้วย
และลู่อวี่เองก็ขลุกตัวอยู่แต่ภายในห้องของเขามาหลายวันแล้ว เพื่อปรุงยาสำหรับงานประมูลครั้งนี้โดยเฉพาะ คราวนี้เขาออกไปซื้อวัตถุดิบยามาได้จำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็ยาวิเศษแขนงต่างๆ ดังนั้นจึงมียาหลายประเภทที่ก่อนหน้านี้อยากจะปรุงออกมาแต่ติดตรงที่ไม่มีวัตถุดิบให้ปรุงยาเพิ่ม ครั้งนี้จึงปรุงยาที่ว่านั้นออกมาทั้งหมด โดยเฉพาะตัวยาระดับพลังซานหยาง ยาระดับพลังหกหยางและยาระดับพลังเก้าหยางที่ลู่อวี่้าต่างก็มีครบถ้วนแล้ว
แต่เพื่อเป็การประหยัดเวลา ลู่อวี่จึงปรุงยาระดับพลังซานหยางออกมาเพียงเตาเดียว ส่วนเวลาที่เหลือก็เลือกปรุงเฉพาะยาที่หายากและทรงอานุภาพหลายประเภท สรรพคุณหลักของยาเหล่านี้คือมีไว้เพื่อรักษาาแ ล้างพิษ ฟื้นฟู บำรุง และเพื่อเป็ตัวยาเสริมอื่นๆ สำหรับยาอายุวัฒนะที่ใช้เพื่อบรรลุขั้นพลังและฝ่าด่านพลังยุทธ์ ถึงแม้จะปรุงยาออกมาบ้างแล้วแต่กลับมีจำนวนน้อย แต่เขากลับไม่คิดขายเลยแม้แต่ประเภทเดียว!
เจ็ดวันผ่านไปไวในชั่วพริบตา
งานประมูลในเมืองเทียนตูเซียนเป็หนึ่งในกิจการของตำหนักมหาเทพ สร้างขึ้นบนูเาเตี้ยๆ แห่งหนึ่งในเกาะคงิ ตัวอาคารตั้งตระหง่านในรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฉาบทับไปด้วยสีเทาแต่แลดูไม่หรูหรา ทว่าความกว้างใหญ่กินพื้นที่ว่างไปไม่น้อย มีความสูงสามร้อยขั้นและสูงสามจั้ง ดูเรียบง่ายและสง่างาม
ที่หน้าประตูทางเข้ามีนักพรตคอยอารักขาอยู่ ทำหน้าที่ตรวจดูบัตรเชิญของผู้คนที่เข้าออก
บัตรเชิญแบ่งออกเป็บัตรเชิญบุคคลสำคัญและบัตรเชิญบุคคลธรรมดา และแม้ว่าจะเป็บัตรเชิญของบุคคลธรรมดาก็ยังแสดงถึงสถานะและอำนาจ ซึ่งไม่สามารถซื้อมาได้ด้วยเงินตรา โชคดีที่ไม่ว่าจะเป็บัตรเชิญบุคคลสำคัญหรือบัตรเชิญบุคคลธรรมดา กลับนำคนติดตามมาด้วยได้ บัตรเชิญบุคคลธรรมดาสามารถนำคนติดตามเข้ามาด้วยได้เพียงคนเดียว แต่สำหรับบัตรเชิญบุคคลสำคัญสามารถนำคนติดตามมาด้วยได้ถึงสี่คน เพราะมีห้องแยกเป็ของตนเอง
แน่นอนว่าตระกูลลู่ก็ได้รับบัตรเชิญเช่นกัน ลู่อวี่กับลู่เหว่ยิพูดคุยกันเพียงสั้นๆ และมุ่งหน้าไปที่งานประมูลในเมืองเทียนตูเซียนโดยไม่ไร้เงาคนติดตาม
หลังจากเข้ามาด้านในแล้วจะมีคนคอยนำทางให้ ทั้งยังคอยดูแลด้วยความเอาใจใส่
ตลอดทางลู่เหว่ยิได้พบปะกับคนรู้จักมากมาย ส่วนใหญ่เป็ตัวแทนจากแต่ละตระกูลที่มีอิทธิพลในเทียนตู แต่ก็มีคนรู้จักของลู่อวี่เช่นเดียวกัน ทว่าไม่มีใครเป็มิตรด้วยมากนัก โดยเฉพาะคนจากตระกูลเมิ่งและคนจากเขาหนิงชุยเฟิง ทันทีที่คนภายนอกเห็นลู่อวี่เข้า หากไม่แสดงความโกรธหรือแผ่จิตสังหาร ก็ทำเป็เ็าและเมินเฉย
ภายในอาคารงานประมูลมีด้วยกันทั้งหมดสามชั้น ชั้นหนึ่งนอกจากเวทีประมูลครึ่งวงกลมแล้ว ยังมีที่นั่งกลีบเมฆาราวๆ ห้าร้อยที่นั่งครอบคลุมพื้นที่แปดในสิบส่วนของห้องโถง ชั้นสองและชั้นสามเป็ห้องลับของบุคคลสำคัญมีสองแถวที่ล้อมรอบไปด้วยที่นั่งกลีบเมฆา และตระกูลลู่อยู่ในห้องลับของบุคคลสำคัญหมายเลขสิบสามบนชั้นสอง
“นายน้อย อาการาเ็ของเมิ่งเทียนอวิ๋นนับว่าสาหัสไม่น้อย ได้ยินว่าประมุขตระกูลเมิ่งเดินทางขึ้นเขาหนิงชุยเฟิงหลายครั้ง โดยหวังว่าจะแลกยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวมาได้ แต่กลับล้มเหลวทุกครั้ง ได้ยินว่างานประมูลครั้งนี้ ทางเขาหนิงชุยเฟิงจะนำยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวมาออกประมูลสามเม็ด” ลู่เหว่ยินึกถึงสีหน้าไม่เป็มิตรของตระกูลเมิ่งเมื่อครู่นี้ ก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว หลังจากเข้ามาในห้องลับของบุคคลสำคัญจึงชิงพูดขึ้นก่อน
ลู่อวี่กวาดสายตามองไปรอบห้องแล้วพูดขึ้นว่า “เขาหนิงชุยเฟิงจะประมูลขายยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวขั้นห้าหรือ? อืม อาการาเ็ของเมิ่งเทียนอวิ๋นนับว่าสาหัสมากจริงๆ เพราะอาศัยยาหุยหยวนเป่าเสริมพลัง ข้าจึงปล่อยพลังเวทนั้นออกมาได้ ทำให้ควบคุมพลังไม่อยู่ คิดว่าอาการาเ็ของเขาน่าจะทุเลากว่าท่านลุงสิบหกหลังจากต้องเผชิญกับภัยพิบัติเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”