ซ่งอวี้เห็นเสี่ยวหมานจากไปแล้ว ค่อยผลักประตูเข้าไป
"นึกไม่ถึงว่าวันนี้เ้าจะนำยามาให้ข้าด้วยตัวเอง"
อันที่จริงหรงจิ่งได้ยินสิ่งที่ซ่งอวี้และเสี่ยวหมานคุยกันเมื่อครู่นี้แล้ว ดังนั้นตอนที่เห็นซ่งอวี้เดินเข้ามาถึงได้ไม่ตื่นใแม้แต่น้อย ใบหน้ากลับเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม
ซ่งอวี้เลิกคิ้วยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร นางวัดชีพจรให้หรงจิ่งอย่างเป็ธรรมชาติ กำชับให้เขารีบกินยาตอนที่ยังร้อนอยู่ ทั้งยังเอายาทาสูตรใหม่มาให้ด้วย พร้อมกับบอกเขาว่าอย่าลืมทายา
การกระทำทุกอย่างดูเป็ธรรมชาติราวกับว่านางแค่อยากทำเช่นนั้นเท่านั้น
เื่นี้อาจหลอกคนอื่นได้แต่หลอกหรงจิ่งไม่ได้ ั้แ่ที่เขาพักฟื้นตัวอยู่ที่นี่ ซ่งอวี้ก็ไม่เคยต้อนรับเขาจริงๆ เลยสักครั้ง ถ้าไม่มีเื่จำเป็จริงๆ ก็แทบจะไม่มาหาเขาเลย
ดังนั้นวันนี้ซ่งอวี้เป็ฝ่ายมาหาเขา ต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน
สายตาของหรงจิ่งหยุดอยู่ที่ใบหน้าของซ่งอวี้อย่างไม่ปิดบังความรู้สึก ราวกับว่ามองอะไรบางอย่างออก ซ่งอวี้แสดงละครแกล้งทำดีกับเขาได้แเีจริงๆ ไม่เผยพิรุธอะไรแม้แต่น้อย
"วันนี้เ้าแค่มาเพื่อวัดชีพจรให้ข้าจริงๆ หรือ?" หรงจิ่งถามด้วยรอยยิ้ม ในใจกลับลอบประหลาดใจในท่าทีของซ่งอวี้
ยอมรับเลยว่าซ่งอวี้คือหญิงสาวที่ปากไม่ตรงกับใจที่สุดในบรรดาหญิงสาวที่เขาเคยเจอ ทั้งๆ ที่นางเกิดในครอบครัวเกษตรกรแต่กลับทำตัวเหมือนเหล่าคุณหนูตระกูลชนชั้นสูงที่ยืนหยัดและหนักแน่นอย่างมาก
ซ่งอวี้กลอกตาไปมาแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ "ถึงอย่างไร ข้าก็ถือว่าเป็คนช่วยชีวิตท่าน ข้าก็ต้องใส่ใจท่านเล็กน้อย นี่มีอะไรผิดแปลกหรือ?"
พอโดนสวนกลับด้วยคำพูดเช่นนี้ หรงจิ่งก็ถูจมูกของตัวเองไปมา ในใจลอบจดจำว่าซ่งอวี้ไม่ใช่แค่เป็คนหนักแน่น แม้แต่วาจาและท่าทีก็เหมือนคุณหนูตระกูลชั้นสูงที่ไม่หลุดความลับออกมาเลยแม้แต่น้อย
"ผู้มีพระคุณกล่าวถูกเสมอ ข้าเพียงแค่ถามขึ้นลอยๆ เท่านั้น"
เอาเถอะ ดูทรงแล้วคงจะหลอกถามอะไรไม่ได้ แต่การกระทำของซ่งอวี้ในวันนี้ไม่ค่อยเหมือนที่ผ่านมา หรงจิ่งรู้สึกแปลกใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง
หลังจากตรวจอาการเสร็จ ซ่งอวี้กลับไม่จากไปอย่างที่หรงจิ่งคิด นางนั่งลงไม่ห่างจากเขาเท่าใดนัก เอามือหนึ่งข้างท้าวคาง ดวงตาที่มองหรงจิ่งเคล้าด้วยรอยยิ้ม
ผิดปกติ ผิดปกติเกินไปแล้ว
หรงจิ่งเลิกคิ้ว “คือว่า อาการของข้ามีตรงไหนผิดปกติหรือ?“
ซ่งอวี้มองตาของเขาราวกับว่าเห็นสิ่งน่าสนใจ ทำให้หรงจิ่งรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกจับไปขาย
ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ดีเลยจริงๆ หรงจิ่งขยับตัวเล็กน้อย อยากจะหลุดพ้นจากสายตาของซ่งอวี้ แต่ไม่ว่าเขาจะขยับไปไหน สายตาของนางก็ยังจับจ้องเขาอยู่
บรรยากาศช่างแปลกจริงๆ หรงจิ่งยกมือขึ้นแสดงความพ่ายแพ้ “เอาเถอะ ว่ามาเลย เ้าอยากให้ข้าตอบแทนบุญคุณเ้าอย่างไร”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซ่งอวี้ก็ถอนสายตาตัวเองกลับด้วยความพึงพอใจ พลางนั่งตัวตรงขึ้น “เ้าเป็ใครกันแน่ เหตุใดถึงมีคนมากมายตามหาเ้า?”
ั้แ่วันนั้นที่หรงจิ่งถูกพวกนางช่วยกลับมา ซ่งอวี้ก็ไม่เคยถามเช่นนี้ แต่นี่ก็ไม่หมายความว่านางจะไม่รู้อะไรเลย
ต่อให้นางไม่ได้ออกจากเรือนบ่อยนักก็รู้ว่าในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามามากมาย วันนี้มีพ่อค้าคนนี้มา พรุ่งนี้มีหมอดูมา แม้จะแต่งตัวสมจริง แต่เมื่อก่อนสิบวันถึงครึ่งเดือนถึงจะมาเยือนที แต่่นี้คนพวกนี้กลับมาถี่ขึ้นมากถึงขั้นมาทุกวัน
หมู่บ้านเสี่ยวหนิวกลายเป็ดินแดนอุดมสมบูรณ์ในสายตาของคนพวกนี้ั้แ่เมื่อใด?
ซ่งอวี้สงสัยอย่างมาก สงสัยแม้กระทั่งฐานะของหรงจิ่ง หลังจากเขามาถึงหมู่บ้านเสี่ยวหนิวก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่ให้นางสงสัยเขาแล้วจะให้ไปสงสัยใคร?
ยิ่งไปกว่านั้นบุรุษรูปหล่อผู้หนึ่งสวมใส่เสื้อผ้าไม่ธรรมดาหมดสติอยู่กลางป่าลึก ร่างกายเปื้อนไปด้วยเื ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็เื่ที่น่าสงสัยอย่างยิ่งมิใช่หรือ
ซ่งอวี้หันข้าง “แม้ว่าข้าไม่เคยถามประวัติของท่านมาก่อน แต่ท่านเล่นนิ่งเงียบไม่พูดแม้แต่คำเดียวนี่มันไม่สมเหตุสมผลเกินไปหรือเปล่า มีคนมาหาท่านในหมู่บ้านแทบจะทุกวัน ท่านไม่เห็นกังวลแม้แต่น้อย พวกเราช่วยท่านกลับต้องพลอยลำบากไปพร้อมกับท่านเช่นนั้นหรือ?"
ครั้งนี้หรงจิ่งรู้สึกตกตะลึงจริงๆ ความอ่อนโยนในั์ตาของเขาเลือนหายไป แล้วมองซ่งอวี้ด้วยความเยือกเย็น พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พลังนั้นเป็พลังที่ปรากฏเฉพาะในตัวของผู้ที่มีฐานะสูงส่งเท่านั้น
เขาคงจะดูถูกซ่งอวี้มากไปแล้ว ปกติเห็นนางไม่พูดไม่จา เขานึกว่านางจะไม่สังเกตเื่พวกนี้เสียอีก
ซ่งอวี้ไม่ได้หวาดกลัวสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย กลับสู้สายตากลับพร้อมยิ้มจางๆ “อันที่จริงข้าไม่ได้รู้สึกสนใจในประวัติของท่านแม้แต่น้อย”
นางยืนขึ้นแล้วมองหรงจิ่งจากระดับที่สูงกว่า “แต่ตอนนี้ข้า้าให้ท่านตอบแทนข้า”
หรงจิ่งพูดอย่างหยอกเย้า “เช่นนั้นแม่นางหวังว่าข้าจะตอบแทนแม่นางอย่างไร?”
“ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนธรรมดา และข้ารับใช้ของท่านก็ย่อมไม่ธรรมดาเช่นกัน ข้าอยากจะยืมบ่าวสักสองคน วันข้างหน้าท่านจะเป็หรือตายก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้า ท่านจะไม่ติดค้างอะไรจากข้าอีก” ซ่งอวี้พูดเสียงเรียบ สายตาหยุดอยู่บนร่างของหรงจิ่ง ไม่อยากถูกพลังของอีกฝ่ายข่ม
ง่ายเช่นนี้เลยหรือ?
ทั้งสองผ่านการปะทะกันด้วยสายตา หรงจิ่งยิ้มน้อยๆ หนึ่งที แล้วเปลี่ยนเป็สีหน้าซีดเซียวเหมือนปกติ เป็ผู้ป่วยที่ไม่มีทางฆ่าคนได้ “เอาเถอะ ข้ายืมคนสองคนให้เ้าได้ แต่ข้าต้องให้เ้าไปบอกร้านยาถงอัน บอกว่าข้าหรงจิ่งพักฟื้นร่างกายอยู่ที่เรือนของเ้า”
ไหนๆ ซ่งอวี้ก็สังเกตเห็นว่าฐานะของเขาไม่ธรรมดา เช่นนี้ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังต่อไป อีกอย่างนางก็เป็ลูกศิษย์ที่ท่านจ้าวภาคภูมิใจ อย่างไรสักวันก็ต้องรู้เห็นฐานะที่แท้จริงของเขาอยู่แล้ว
การพูดความจริงเช่นนี้ในวันนี้ หรงจิ่งเห็นแล้วว่าซ่งอวี้ไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเขาเป็คนเปิดเผยตัวตนจริงๆ นางอาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้านางใช้วิธีอื่นสืบหาตัวตนของเขา เช่นนั้น...
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หรงจิ่งไม่อยากให้ซ่งอวี้มองเขาในทางที่ไม่ดี ไม่อยากเป็อย่างมาก
ในชั่วพริบตานั้นซ่งอวี้ไม่รู้เลยว่าหรงจิ่งกำลังคิดเื่มากมายเช่นนี้จึงมองเขาด้วยความตกตะลึง “ท่านกับร้านยาถงอันเป็อะไรกัน?”
จากนั้นนางก็หวนนึกถึงวันที่ซื้ออาฝูและเสี่ยวหมานกลับมา เดิมทีท่านจ้าวจะมาส่งนางกลับหมู่บ้านเสี่ยวหนิวด้วยตัวเอง แต่ตอนนั้นมีลูกศิษย์มาส่งสารกะทันหัน จากนั้นท่านจ้าวก็จากไปอย่างเร่งรีบ
หรือว่าจะเป็เื่หรงจิ่ง?
ในสายตาของซ่งอวี้ หรงจิ่งเปลี่ยนเป็ท่านั่งที่ดูสบายๆ “แม่นางเดาจนเกือบถูกแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดคำถามที่ง่ายที่สุดกลับนึกไม่ออกล่ะ”
ร้านยาถงอันมีฐานะสีเทาแอบแฝง กิจการสีขาวคือเปิดร้านยาในแคว้นเป่ยเฉินไปทั่ว ส่วนกิจการสีเทาคือควบคุมตลาดยาทั้งแคว้นเป่ยเฉิน ไม่ว่าจะเป็การตั้งราคาและการหมุนเวียนของสมุนไพรในตลาด
อย่าดูถูกการหมุนเวียนสมุนไพรในตลาดเชียว สิ่งที่สำคัญที่สุดของความมั่นคงแคว้นๆ หนึ่งคืออาหารนั้นเป็สิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าไม่มีสมุนไพร แคว้นใหญ่ปานใดก็คงพังทลายภายในสามปีได้
ดังนั้นร้านยาถงอันจึงไม่กล้าออกหน้าออกตาเกินไป กลัวว่าจะถูกเบื้องบนเล่นงานและหายนะที่ไร้เดียงสาของเขาในครั้งนี้ก็เป็เพราะฐานะนายน้อยร้านยาถงอัน
ซ่งอวี้พูดขึ้นมาทันทีว่า "ท่านคือนายน้อยของร้านยาถงอันเช่นนั้นหรือ?"