เมื่อเผชิญหน้ากับความอยากรู้อยากเห็นของเฉียนโมโมะ กูเฟยเยี่ยนจึงยิ้มอย่างลึกลับ
เฉียนโมโมะ้าถามอีก กูเฟยเยี่ยนจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “เฉียนโมโมะ พวกเราปลูกอะไรสักอย่างภายในเรือนกันเถอะ ที่นี่ว่างเปล่าเกินไป”
เฉียนโมโมะเอ่ยอธิบาย “นายหญิงน้อย เหล่านู๋จัดเตรียมเอาไว้ให้นานแล้ว ในตอนแรกอยากจะถามท่าน แต่เห็นว่าท่านมีงานเยอะเลยไม่กล้ารบกวน ท่านชื่นชอบสิ่งใด เหล่านู๋ก็จะปลูกสิ่งนั้น”
เดิมทีกูเฟยเยี่ยนโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด แต่เมื่อได้ยินเฉียนโมโมะเอ่ยเช่นนี้ นางจึงเริ่มครุ่นคิดอย่างจริงจัง
เฉียนโมโมะเอ่ยถาม “นายหญิงน้อย หรือว่าพวกเราปลูกสมุนไพรดี เหล่านู๋ได้ยินมาว่าจะมีาอีกยาวนาน ราคาอาหารกับสมุนไพรจะมีราคาแพงขึ้น!”
กูเฟยเยี่ยนหัวเราะพลางลูบไล้หวางเป่าติง “สิ่งที่พวกเราไม่ขาดแคลนก็คือยาสมุนไพร ปลูกดอกไม้เถอะ ปลูก…”
กูเฟยเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงทุ่งดอกเหลียนเฉียวในสวนดอกไม้ด้านหลังของจิ้งหวางฝู่ นางนึกถึงวันนั้น วันที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยสงบนิ่งและมีความเศร้าโศก
หญิงสาวเอ่ยจริงจังโดยปราศจากความลังเล “ปลูกดอกเหลียนเฉียวเถอะ! เหลียนเฉียวเป็ทั้งดอกไม้และยาที่มีสรรพคุณลดความร้อนและขับพิษ ปลูกอย่างเดียวมีประโยชน์ถึงสองอย่าง! ”
เฉียนโมโมะเอ่ยขึ้นทันที “เหลียนเฉียวดี เหลียนเฉียวดี พรุ่งนี้เหล่านู๋จะเตรียมการให้เรียบร้อย”
นายและบ่าวพูดคุยกับครู่หนึ่ง จากนั้นกูเฟยเยี่ยนจึงให้เฉียนโมโมะกลับไปพักผ่อนก่อน หญิงสาวฟุบหน้าลงบนโต๊ะศิลา อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์มาครุ่นคิดจดหมายลับบนใบสั่งยา
ท่ามกลางความเงียบสงบ จู่ๆ ก็มีคนยื่นแก้วน้ำหนึ่งแก้วมาวางตรงหน้านาง
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าคนผู้นั้นคือเฉียนโมโมะ นางจึงเอ่ยขึ้นมาทั้งที่หลับตาอยู่ “เฉียนโมโมะ ข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องมารับใช้แล้ว ท่านอายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ไปนอนพักผ่อนเถอะ! ”
ทว่าแทนที่คนผู้นั้นจะเดินออกไป เขากลับนำเสื้อมาคลุมให้นางแทน
กูเฟยเยี่ยนหันกลับไปมองจึงเห็นว่าผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางไม่ใช่เฉียนโมโมะ แต่เป็ชายชุดดำที่สวมใส่หน้ากากสีเงิน! กูเฟยเยี่ยนใจึงโพล่งออกมาโดยไม่ทันได้คิด “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น! ”
จวินจิ่วเฉินเอื้อมมือไปประกบริมฝีปากนางทันที “ชู่ว์”
กูเฟยเยี่ยนแงะฝ่ามือของเขาออกพลางลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบ หญิงสาวโยนจดหมายลับบนใบสั่งยาให้เขาก่อนจะเว้นระยะห่าง
“จดหมายลับบนใบสั่งยาของเ้าไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้นใช่หรือไม่? คนหลอกลวง! ”
ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะออกไปเพราะเื่เร่งด่วน แต่นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว เขาควรที่จะมาตั้งนานแล้ว เห็นได้ชัดว่าเื่เร่งด่วนของเขาคือการกลั่นแกล้งนาง
จวินจิ่วเฉินนั่งลงพลางเอ่ยออกมาว่า “ดูเหมือนว่าเ้าจะยังไขความลับไม่สำเร็จ”
กูเฟยเยี่ยนเริ่มเอาจริงเอาจัง “ข้าไขความลับไม่สำเร็จจริงๆ นี่ไม่อาจเรียกว่าเป็ใบสั่งยาได้ อย่างมากก็เป็ได้แค่ใบรายละเอียดของยา เ้าได้ใบนี้มาจากที่ใด? มีความเกี่ยวข้องกับไป๋หลี่ิชวนหรือ? ข้าสงสัยว่าเ้าน่าจะถูกหลอกแล้ว! ”
“ไม่ใช่ของปลอม”
แสงสว่างแวบเข้ามาในดวงตาของจวินจิ่วเฉิน เขาเอ่ยเพิ่มเติมว่า “ถ้าเ้าไขความลับไม่ได้ เกรงว่าการค้าขายของพวกเราจะต้องยุติลง”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความร้อนรน “ให้เวลาข้าอีกนิด! ”
จวินจิ่วเฉินไม่ตอบทว่าโยนใบสั่งยากลับไปให้นาง
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังหลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ามีเื่อยากให้เ้าช่วย ได้หรือไม่? ”
จวินจิ่วเฉินเบิกบานใจเหลือเกิน “ว่ามา”
กูเฟยเยี่ยนรีบพาจวินจิ่วเฉินเข้าไปในบ้าน แล้วนำภาพวาดในหอพระคัมภีร์ออกมาให้เขาดู “นี่คือภาพวาดของบรรพบุรุษตระกูลกูผู้ล่วงลับไปแล้ว ข้าคิดจะบูรณะผังสายลำดับวงศ์ตระกูล ข้าจึง้าตามหาช่างวาดภาพมาฟื้นฟูภาพนี้”
จวินจิ่วเฉินค่อนข้างที่จะประหลาดใจ “เ้า บูรณะผังสายลำดับวงศ์ตระกูล? ”
กูเฟยเยี่ยนรีบอธิบาย “นี่เป็ความปรารถนาสุดท้ายของท่านปู่ อารองของข้าไม่เอาการเอางาน ข้าจึงต้องมาช่วย”
จวินจิ่วเฉินจึงตั้งใจพิจารณาภาพนี้ ไม่ช้าชายหนุ่มก็สังเกตเห็นประโยคข้างภาพวาด “ยากหยั่งรู้พิณหวนกลับราตรีใด ดวงหทัยปลิวครรไลเมฆเอกา”
“กูอวิ๋นหย่วน? กู้อวิ๋นหย่วน?” เขาพึมพำเบาๆ “ดูเหมือนว่า “อวิ๋นหย่วน” จะมีความเป็บทกวี”
ถ้ากูเฟยเยี่ยนได้ยินเพียงสองชื่อนี้โดยที่ไม่เคยเห็นใบหน้าของกู้อวิ๋นหย่วน นางก็จะคิดเช่นเดียวกับเขา ทว่าหลังจากที่นางเห็นใบหน้าของกู้อวิ๋นหย่วน นางก็ไม่สามารถปล่อยเื่นี้ออกไปได้อีก
กูเฟยเยี่ยนเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “สองวันมานี้ข้าตามหานักวาดภาพมามากมาย แต่พวกเขาต่างก็บอกว่ามิอาจฟื้นฟูได้ เ้ารู้จักช่างผู้ชำนาญการบ้างหรือไม่? แนะนำสักท่านได้หรือไม่? ”
จวินจิ่วเฉินเบิกบานใจเหลือเกิน “จดจำไว้แล้ว กลับไปจะช่วยสืบหาให้”
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็เผยรอยยิ้มแก่เขา “ขอบคุณนะ! ”
ครั้นเห็นหญิงสาวมีความสุข ชายหนุ่มก็เหมือนจะมีความสุขเช่นกัน มุมปากของเขาโค้งขึ้นจนเผยถึงรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว
กูเฟยเยี่ยนทำอะไรไม่ถูกทันทีที่เห็นรอยยิ้มของเขา ไม่ช้าหญิงสาวก็จ้องมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย รอยยิ้มของจวินจิ่วเฉินหายไปทันที เขามีความเขินอายเล็กน้อยจึงนั่งก้มหน้าและรินน้ำชาให้ตนเอง
กูเฟยเยี่ยนไม่ยอม นางเขยิบไปใกล้พลางเอียงศีรษะจ้องมองเขา
ในตอนแรกจวินจิ่วเฉินปล่อยให้นางมองตามอำเภอใจ แต่ผ่านไปไม่นานเขาก็หันเลี่ยงออกไป
กูเฟยเยี่ยนหาได้ไล่ตามต่อ มุมปากของนางยกขึ้นอย่างเงียบเชียบ นางอดที่จะแอบยิ้มไม่ได้! นางคิดว่าที่จริงแล้วชายผู้นี้ก็ไม่ได้แย่และเฉยเมยขนาดนั้น เขายินยอมช่วยเหลือนางด้วยนะ!
กูเฟยเยี่ยนนั่งลงพลางกล่าวด้วยความจริงจัง “นายก้อนน้ำแข็งเหม็น เช้าวันพรุ่งนี้ข้าต้องออกเดินทางไกล น่าจะใช้เวลาประมาณสองเดือนถึงจะกลับมา เ้าอย่ามาหาข้าที่ตระกูลกูนะ”
จวินจิ่วเฉินจึงหันไปมอง ั์ตาภายใต้หน้ากากสีเงินหาได้เ็าดั่งปกติ ทว่าเขาเอ่ยแค่ “อืม” คำเดียว
“สำหรับเื่ของจดหมายลับบนใบสั่งยา ในเมื่อเ้าไม่รีบ เช่นนั้นก็รอจนข้ากลับมา!”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยออกมาพลางยิ้มอย่างอวดดีเสมือนเป็การกล่าวเตือน “ข้าออกไปด้านนอกกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ถ้าเ้ากล้ามารังควานข้าอีก เ้าจะต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่ตามมาเอง! ”
จวินจิ่วเฉินเหม่อมองหญิงสาวด้วยความสองจิตสองใจ แต่ก็ปริปากเอ่ยด้วยความจริงจัง “ระยะเวลาสามเดือน…จิ้งหวางเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว เขาไม่คำนึงถึงตัวเ้า เ้า…เ้าไม่โทษเขาหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนปีติยินดีทันทีที่คิดถึงเื่นี้ หญิงสาวหยีตายิ้มแย้มพลางส่ายศีรษะ
จวินจิ่วเฉินจึงถามอีกครั้ง “เพราะเหตุใด? ”
กูเฟยเยี่ยนยังคงส่ายศีรษะ “ไม่เกี่ยวกับเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนมองดูท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของนางด้วยความไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ทว่าั์ตากลับปรากฏถึงความเอ็นดูโดยไม่รู้ตัว เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “สาวน้อยโง่เขลา! ”
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปทางห้องหนังสือ
รอยยิ้มของกูเฟยเยี่ยนแข็งทื่อทันที นางรีบวิ่งตามไปบดบังทางเข้าห้องหนังสือ “ประตูใหญ่ไม่ได้อยู่ที่นี่ เ้ามาผิดทางแล้ว! ”
น้ำเสียงของจวินจิ่วเฉินไม่ได้เ็ามากแต่เป็ความอ่อนเพลีย “ข้าไม่มีที่ไป ขอค้างเพียงหนึ่งคืน”
กูเฟยเยี่ยนแข็งกร้าวทันที “ไม่ได้! ”
จวินจิ่วเฉินโน้มตัวเข้าใกล้โดยไม่เอ่ยวาจาใดๆ กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงจึงรีบก้าวถอยหลัง แผ่นหลังของนางกระแทกบานประตู ไร้ซึ่งทางถอยหนี
“อันธพาล เ้าอย่าคิดว่าข้ากลัวเ้าจริงๆ นะ! ”
ทันใดนั้นจวินจิ่วเฉินก็เอื้อมแขนไปยันบานประตูพลางก้มศีรษะและจ้องมองกูเฟยเยี่ยน นางตัวแข็งทื่อทันที และใจก็เต้นผิดจังหวะ กูเฟยเยี่ยนไม่กล้าดุเขาแล้ว นาง้าเจรจาเหตุผลกับเขา ทว่าเขาเข้าใกล้เกินไป ลมหายใจร้อนผ่าวรดบนใบหน้าของนาง บัดนี้ร่างกายของกูเฟยเยี่ยนเกิดความผิดปกติ นางไม่สามารถไตร่ตรองได้เลย
กูเฟยเยี่ยนกำลังจะผลักจวินจิ่วเฉินออก ทว่าเขาก้มไปกระซิบอย่างนุ่มนวลข้างใบหูของนาง “เด็กดี ข้าค้างเพียงคืนเดียวและจะออกไปทันทีที่ฟ้าสาง”
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าตนเองได้ยินผิดหรือไม่ นึกไม่ถึงเลยว่าน้ำเสียงของชายผู้นี้จะนุ่มนวลและอ่อนโยนถึงเพียงนี้ ความนุ่มนวลและอ่อนโยนนี้แทบจะทำให้ใจนางละลาย
จวินจิ่วเฉินฉวยโอกาสที่กูเฟยเยี่ยนยังคงตกตะลึง เขาดึงนางออกแล้วเดินเข้าไปด้านใน
ครั้นเห็นว่าเขาปิดประตูแล้ว กูเฟยเยี่ยนจึงไม่กล้าไปรบกวน นางกลับไปที่หอพลันลงกลอนประตูให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเข้าสู่นิทรา
ในขณะเดียวกันก็มีโมโมะผู้เฒ่าหลายคนรออยู่ที่จิ้งหวางฝู่
สตรีงดงามตระการตาที่ถูกคัดเลือกจากทั่วดินแดนเดินทางมาถึงพระราชวังเมื่อสักครู่นี้ เทียนอู่ฮ่องเต้จะให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทอดพระเนตรด้วยตนเองและทำการคัดเลือกก่อนที่จะออกเดินทาง…