หรงซิวบอกลาหว่านฉือแล้วเดินตรงไปที่รถม้า
อวิ๋นอี้มิมีที่ไป ตามที่เขารู้เกี่ยวกับนาง นางน่าจะกำลังงอนอยู่
ทว่าผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อไปถึงรถม้า กลับพบว่าในรถว่างเปล่า
นางไปที่ใดนะ?
เขาปิดประตูรถ ยืนอยู่ข้างรถม้า และมองไปรอบๆ
เป็่เวลาของการเล่นว่าวพอดี ในแถบนี้ผู้คนหนาแน่นมาก มองไปรอบๆ เห็นเพียงร่างที่เคลื่อนไหว
อ้วน ผอม สูง เตี้ย เห็นทุกอย่าง เพียงแต่ไม่เห็นอวิ๋นอี้
หรงซิวขมวดคิ้วอย่างอดมิได้ เขารู้ว่าอารมณ์ของนางเหมือนประทัด เพียงจุดก็ะเิได้ทันที
หากว่านางโกรธจริงๆ มิรู้ว่าจะเป็อย่างไร หนีออกจากบ้านหรือกระไรทำนองนั้น นางทำได้แน่นอน
หรงซิวใบหน้าบูดบึ้งและะโเสียงทุ้ม "ยาชิง!"
ในชั่วพริบตา บุรุษผู้หนึ่งมายืนด้านหลังเขาอย่างมิรู้ความ
“พระชายาเล่า?” เขาถาม
“มิทราบพ่ะย่ะค่ะ”
“...…” หรงซิวขมวดคิ้วยิ่งขึ้น หันกลับมามองเขา ท่าทีกดดัน “เช่นนั้นเ้าทำกระไรอยู่?”
“ข้าทำตามคำสั่ง ดูแลความปลอดภัยของท่านหญิงหว่านฉือพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวชะงัก โบกมือแล้วพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ต่อไปนี้เ้ารับผิดชอบดูแลพระชายา ส่วนหว่านฉือข้าจะส่งคนอื่นไป”
"พ่ะย่ะค่ะ"
หลังจากเดินไปรอบๆ ยังมิรู้ว่าอวิ๋นอี้อยู่ที่ใด หรงซิวกังวลมากจนหัวร้อนไปหมด
ลมแรงมากจนพัดทรายและดินขึ้นมา เข้าไปในตาของเขา เขาขยี้แรงๆ สองครั้ง แต่ทว่าเขายังคงไม่ยอมแพ้ลืมตาหาต่อไป
ทันใดนั้นเขาก็เห็นกู่ซือฝาน จึงรีบเดินเข้าไปหา
กู่ซือฝานกำลังทะเลาะกับหรงหลิน ในขณะที่นางกำลังจะยกแขนเสื้อขึ้นทะเลาะกันใหญ่โต ทันใดนั้นนางก็เห็นเงาสูงยาวด้านหลังนางจากที่พื้น
นางหันหน้าไปด้วยความใ เห็นหรงซิวที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้านาง นางะโถอยหลังด้วยความใ กอดอกแล้วอุทานซ้ำๆ “ใหมดเลย ใหมดเลย”
หรงซิวหน้าตาบูดบึ้ง สีหน้าเคร่งขรึม
กู่ซือฝานอุทานมิได้หยุด พูดด้วยความใ “ท่านพี่ชาย รู้หรือไม่เพคะว่าข้าใ น่ากลัวจะตาย เหตุใดมิพูดกระไรสักคำ จู่ๆ ก็โผล่มา! โชคดีที่ข้ามิเป็กระไร! หากข้าเป็กระไรไปจะทำอย่างไรเพคะ!”
หลังจากที่ฟังนางพูดไร้สาระมาเป็ชุดจบแล้ว หรงซิวพลันกระตุกมุมปาก พูดเื่จริงจัง “เห็นอวิ๋นอี้บ้างหรือไม่?”
“ท่านพี่สะใภ้เจ็ด?” กู่ซือฝานส่ายหน้า “ไม่นี่เพคะ ท่านพี่สะใภ้มิได้อยู่กับท่านหรอกหรือ?”
ถูกพูดเช่นนั้นหรงซิวพลันแก้มร้อนผ่าว เขาสั่งอย่างไม่สบายใจ “หากเ้าเจอนาง บอกนางให้รอข้าที่รถ หากข้าไม่กลับมาห้ามไปที่ใดทั้งสิ้น”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็วิ่งออกไปราวกับสายลม
กู่ซือฝานพึมพำพลันมุ่ยปากพูด “กระไรกัน ท่านพี่สะใภ้หายไปหรืออย่างไรกัน?”
ไอหยา!
นางตบหน้าผากทันที ชานเมืองแห่งนี้คนดีคนเลวปะปนกัน หากผู้ใดคิดร้ายกับท่านพี่สะใภ้ ก็ทำได้อย่างง่ายดาย!
กู่ซือฝานมิมีอารมณ์เล่นว่าวแล้ว รีบเข้าร่วมกลุ่มช่วยค้นหาอย่างรวดเร็ว
ที่จริงแล้ว นางคิดมากเกินไป
อวิ๋นอี้รออยู่ในรถสักพัก เมื่อไม่เห็นหรงซิวกลับมา นางทั้งโกรธและหงุดหงิดจึงเดินไปรอบๆ อย่างแรกเพื่อผ่อนคลายใจ อย่างที่สองก็เพื่อสงบสติอารมณ์
หลังจากคิดดูแล้ว นางรู้สึกว่านางไม่มั่นคงพอ ใจไม่สงบพอ
คิดไว้ั้แ่เนิ่นๆ แล้วว่า ควรเตรียมใจให้พร้อมเื่ของหรงซิวและหว่านฉือ ทว่าผลคือในวันนี้ที่ได้เจอกับนางตัวเป็ๆ กลับทำตัวขี้ขลาดและขายขี้หน้านัก
สภาพจิตใจของนางไม่มั่นคงเอง
หากเปิดใจสักนิด หว่านฉือนับว่าเป็คนรักเก่า นางถึงจะเป็พระชายาที่แท้จริง เป็ผู้ที่หรงซิวอภิเษกด้วย
จากที่เห็นวันนี้ หว่านฉือเป็สตรีที่มีความสามารถ พูดจาดี ต้องใส่ใจกับชื่อเสียงของนาง นางมิใช่สตรีต่ำต้อย ย่อมไม่ยอมมาเป็นางสนมในจวนแน่
อวิ๋นอี้เอามือถูหน้า เช่นนั้นนางจะกังวลกระไรอีก
ทว่า...
นางเบ้ปาก ถ้าหากว่าหรงซิวยังมีความรู้สึกต่อหว่านฉือเล่า?
ไม่ว่าจะเป็การนอกใจหรือนอกกาย นางรับมิได้ทั้งสิ้น นางคิดภาพบุรุษของนางที่นอนอยู่ข้างๆ แต่กลับกำลังคิดถึงสตรีอีกคนจะเป็อย่างไร
ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือต้องหาโอกาสคุยกับหรงซิวอย่างตรงไปตรงมา
หากเขายังมีความรู้สึกบุรุษสตรี ต่อหว่านฉืออยู่บ้าง ผลที่เลวร้ายที่สุดคือนางต้องเดินออกมา และหนีออกไปให้ไกลที่สุด ไม่สนใจเขาอีก
จะเป็เื่ใหญ่กระไร
เมื่ออวิ๋นอี้คิดเื่นี้ได้ดีแล้ว พลันมองไปรอบๆ ก็รู้สึกดีขึ้น มองว่าผู้คนน่ารัก ดอกไม้สวย แม้แต่ลมพัดแรงยังอ่อนโยน
นางเดินกลับมาบนทางหญ้าสีเขียว ก็เจอกับเด็กคนหนึ่ง ที่กำลังปาดน้ำตาอยู่
อวิ๋นอี้เป็คนใจอ่อน เด็กคนนั้นโตกว่าเสี่ยวมู่อวี่เพียงเล็กน้อย นางทนดูมิได้ จึงเดินเข้าไปถามว่าเกิดกระไรขึ้น
ที่แท้เชือกว่าวของเด็กน้อยขาด ขึ้นไปเกี่ยวบนต้นไม้ เขาตัวเล็ก ปีนขึ้นไปมิได้ จึงได้แต่ร้องไห้ไม่หยุด
อวิ๋นอี้ยิ้มปลอบโยนเขา สัญญาว่าจะช่วยเขาเอาว่าวลงมา
นางมั่นใจมากในการปีนต้นไม้ ถึงอย่างไรเสียนางเป็ก็สตรีที่กล้าแม้แต่จะปีนกำแพงจวนองค์ชาย นางจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร
สองครั้งแรกนางตกลงมาทันที ต่อมานางก็รู้วิธี ปีนขึ้นไปอย่างราบรื่น ช่วยเขาหยิบว่าวได้สำเร็จ
ขณะที่นางกำลังจะะโลงไป นางพลันได้ยินเสียงดังมาข้างล่าง “อวิ๋นเออร์! อย่าใจร้อน! อย่าะโนะ!”
อวิ๋นเออร์หรือ?
เสียงของบุรุษผู้นั้นคุ้นเคยนัก
อวิ๋นอี้มองคนที่เข้ามา วิ่งมาอย่างรวดเร็ว หากมิใช่หรงซิวแล้วจะเป็ผู้ใดไปได้?
นิ้วที่จับว่าวของนางกำแน่นขึ้น นางยังโกรธอยู่เล็กน้อย ทว่าเมื่อนางเห็นท่าทีประหม่าของเขา กลับมิรู้สึกแย่นัก ทั้งยังค่อนข้างพอใจ
ในชั่วพริบตา หรงซิววิ่งมาถึงข้างหน้า
เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ เงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับนางว่า “หากมีกระไรเรามาคุยกันดีๆ เ้าอย่าคิดสั้นนะ อย่าะโลงมานะ!”
รอยยิ้มของอวิ๋นอี้ยังไม่คลาย นางชะงักครู่หนึ่งแล้วมองดูเขาด้วยดวงตากลมโต
หืม?
หมายความว่าอย่างไร?
คิดสั้น? จะะโต้นไม้?
กระไรกันเนี่ย!
นางมิใช่สตรีประเภทที่จะเอาชีวิตมาล้อเล่นนะ!
แม้ว่านางจะถูกทำให้โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ แต่นางจะต้องมีชีวิตอยู่สิ!
“อวิ๋นเออร์ ทั้งหมดเป็ความผิดของข้าเอง ไม่ว่าเ้าจะทำสิ่งใดก็แล้วแต่ ข้าผิดเอง ข้ารู้แล้ว เ้าอย่าะโนะ หากเ้าะโแล้วเกิดกระไรขึ้นมา ข้าอยู่ไม่ไหวจริงๆ นะ”
"......"
เสียงะโของหรงซิว ทำให้ทุกคนรอบตัวสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวตรงนี้ จึงมารวมตัวกัน
ถึงเช่นนั้น เขากลับไม่สนใจภาพลักษณ์ของเขา เขาพยายามเกลี้ยกล่อมพูดดีกับนาง
อวิ๋นอี้หน้าแดง แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าว นางมองไปที่เขา ขัดคำพูดของเขา "ข้ามิได้คิด... อ่า ช่วยด้วย!"
กิ่งไม้กิ่งหนึ่งรับน้ำหนักไว้ไม่ไหว จู่ๆ ก็หักลงมา นางยังไม่ทันพูดจบ พลันรู้สึกเบาหวิวในวินาทีต่อมา หล่นดิ่งลงไปด้านล่าง
จบแล้ว จบแล้ว!
ต้นไม้ต้นนี้สูงมาก สูงกว่ายี่สิบเมตร กิ่งที่นางปีนขึ้นไปตอนนี้อยู่สูงจากพื้นประมาณเจ็ดหรือแปดเมตร หากตกลงไปเช่นนี้ ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต!
อวิ๋นอี้รู้สึกใจหายวาบ นางหลับตาแน่น ทำได้เพียงท่องอมิตตพุทธในใจซ้ำๆ พระทุกองค์ช่วยลูกช้างด้วย!
ทันใดนั้นเสียงอุทานพลันดังขึ้นจากฝูงชน
นางยังมิทันได้สติ เอวของนางก็กระชับขึ้น นางถูกโอบกอดโดยหน้าอกอันอบอุ่นไว้แน่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้