เฉินหนานเห็นหร่านซวี่จือนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงขมวดคิ้ว “นายเข้ามาได้อย่างไรกัน? ”
หร่านซวี่จือเกาศีรษะด้วยความตื่นเต้น “เอ่อ... ฉัน ฉันคือหร่านซวี่จือ…”
ไม่อาจโทษหร่านซวี่จือได้เพราะเฉินหนานก็คือปิงโหยวจี้ หร่านซวี่จือไม่สามารถปฏิบัติตัวต่อเขาเช่นเดียวกับคนทั่วไปได้
ในโลกที่แล้วหร่านซวี่จือจากมากะทันหัน มีหลายเื่ที่ยังไม่ได้บอกกับปิงโหยวจี้ และก็ยังมีอีกหลายเื่ที่ยังไม่ได้พูด
“หร่านซวี่จือ...” ม่านตาของเฉินหนานหดลง เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงนิ่งเงียบลง
หร่านซวี่จือลุกขึ้นจากพื้น ระหว่างนั้นไม่รู้ว่าไปสะดุดกับอะไรทำให้เขาเกือบล้ม “ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณเฉิน ผมขอตัวก่อน”
ปิงโหยวจี้ในตอนนี้ไม่ชอบเขา อีกทั้งตอนนี้เนื้อตัวเขาสกปรกมอมแมม เสื้อผ้าที่ฉีกขาดทำให้สภาพไม่น่าดูแม้แต่น้อย หร่านซวี่จือจึงก้มหน้าก้มตาลงแล้วรีบะโปีนหน้าต่างเข้าไป
เฉินหนาน “…”
“เฉินหนาน” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ฟู่หลิงสวมเสื้อเชิ้ตสีสว่าง พอยืนภายใต้แสงจันทร์นั้นก็ดูแล้วงดงามหาใดเทียบได้ “ถ้าเจอเ้าหิมะแล้วก็ไปกันเถอะ”
หร่านซวี่จือได้ยินเสียงนี้ด้วยเช่นกัน เขาจึงหันศีรษะมองไปแล้วเบิกตาโต
คนที่เรียกเฉินหนานคนนั้น ผมสีดำออกน้ำตาล ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ชัดว่าเป็หน้าตาของทังเหวยในตอนวัยรุ่น
ทังเหวย?
ไม่สิ
หร่านซวี่จือสะบัดศีรษะ ชายหนุ่มเบิกตาโตอย่างยากที่จะเชื่อ
แสงจันทร์ขาวของเฉินหนานหน้าตาคล้ายกับทังเหวยงั้นหรือ?
ดังนั้น ปิงโหยวจี้ไม่ได้ลืมทังเหวย เพียงแต่ทังเหวยในโลกนี้ไม่ได้ใช้ชื่อนี้งั้นสินะ?
“ไปเถอะ ข้างนอกมันหนาว” เฉินหนานหยิบเสื้อนอกของเขามาพลางห่มให้ฟู่หลิงแล้วหันหลังจากไปพร้อมเขา
หร่านซวี่จือ: “สองสามสาม นายช่วยฉันตรวจดูข้อมูลของแสงจันทร์ขาวของเฉินหนานหน่อยได้ไหม”
ระบบ: “ขออภัยด้วยครับ เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่สามารถค้นหาข้อมูลของคนผู้นี้ได้ครับ”
หร่านซวี่จือ: “ไม่สามารถค้นหาได้? ทำไมล่ะ? เพราะว่าปัญหาขัดข้องของระบบหรือว่าแต้มไม่พอ? ”
ระบบ: “มีความเป็ไปได้สองแบบครับ หนึ่งคือระบบขัดข้องจริงๆ ”
หร่านซวี่จือ: “แล้วอีกแบบหนึ่งล่ะ? ”
ระบบ: “โลกนี้ไม่มีคนคนนี้”
หร่านซวี่จือชะงักไป
แสงจันทร์ขาวของเฉินหนานนั้นเหมือนกันกับทังเหวยแต่มีนิสัยที่ต่างกัน ทว่านิสัยของเฉินหนานกับปิงโหยวจี้ก็ไม่เหมือนกัน
มันเป็เพราะอะไรกันแน่?
หร่านซวี่จือคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ในขณะที่กลิ้งไปมาบนเตียง เบื้องหน้าก็มีแต่แววตาของเฉินหนานที่หัวเราะเยาะและเ็ามองมาทางเขา แล้วยังมีความอ่อนโยนรักใคร่ที่มีต่อฟู่หลิงอีก
แสงจันทร์ที่เย็นะเืสาดส่องกระทบกับสิ่งของบนพื้น หร่านซวี่จือหดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม จนในที่สุดความง่วงก็เริ่มถามหา
ขณะที่สะลึมสะลืออยู่ก็มีภาพโรงพยาบาลนั้นปรากฏขึ้น
แสงจันทร์ยังคงสว่างไสวเยือกเย็น รอบทิศนั้นเงียบสงบ
ฝ่ามือของคนตรงหน้าเตียงนั้นอบอุ่นอย่างมิอาจหาสิ่งใดเทียบได้ มีความรู้สึกอ่อนโยนคะนึงหา
ท่ามกลางบรรยากาศมีกลิ่นดอกกุหลายโชยมาแล้วลอยเข้าปลายจมูกอย่างอ่อนโยน
รอจนถึงหน่วยบัญชาการ ฉันจะพานายไปจดทะเบียน
เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น และค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ จนหายไปไกล
หร่านซวี่จือเอ่ยปาก
ตกลง
แต่พอลืมตาขึ้นมา เบื้องหน้ายังคงเป็ห้องเก็บของที่เก่าและโทรม
แสงตะวันสาดส่องเข้ามา เสื้อผ้าบนตัวเขายังคงขาดรุ่งริ่ง และแขนขาที่ปวดเพราะวิ่งเป็เวลานาน
หร่านซวี่จือตะเกียกตะกายขึ้นจากเตียงแล้วขยี้ตา
เพิ่งจะหกโมงครึ่ง
ไม่รู้ว่าทำไมถึงฝันแบบนั้น
เมื่อเปิดหน้าต่างออก คนรับใช้ด้านนอกกำลังกวาดสวนอยู่ หร่านซวี่จือได้แต่เปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าของร่างเดิมแล้วเดินออกไปข้างนอกเหมือนไก่สีแดงตัวโต
“คุณชาย ตื่นเช้าจังเลยค่ะ” อาม๋ากำลังตักน้ำ เมื่อเห็นหร่านซวี่จือก็ใ
หร่านซวี่จือพยักหน้า “หิวจัง มีอะไรให้กินไหม? ”
อาม๋าวางกะละมังลงแล้วเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนตนเอง “มีค่ะ อิฉันจะไปหาในครัวดูนะคะ”
ดูแล้วอาม๋าน่าจะอายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่การพูดจากลับเหมือนกับแม่บ้านวัยกลางคน เมื่อหร่านซวี่จือเลื่อนสายตาไปก็เห็นาแน้อยใหญ่บนนิ้วของเธอ
อาม๋าหยิบของที่เหลือจากเมื่อวานมา เป็ของส่วนที่คนรับใช้ทานไม่หมด หร่านซวี่จือกินหมั่นโถวกับผักอย่างตามมีตามเกิด ขณะที่เคี้ยวอยู่นั้น เขาก็เหม่อมองท้องฟ้าสีคราม
หร่านซวี่จือเดินไปช้าๆ และหาศาลาที่หาเจอก่อนหน้านี้เพื่อไปดูเ้าขนทองที่อยู่ในกรง
เ้าขนทองยังคงหลับอยู่ เมื่อได้ยินเสียงก็ลืมตาตื่นด้วยความระแวง เมื่อเห็นหร่านซวี่จือ มันก็ดีใจะโขึ้นแล้วเดินส่ายหางไปทั่วกรงจากนั้นเลียนิ้วของหร่านซวี่จือผ่านกรง
ดวงตาของมันคล้ายกับกวาง เมื่อมองไปก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
“ไม่รู้ว่าแกมีชื่อหรือยัง” แววตาของหร่านซวี่จือนั้นอ่อนโยนเป็อย่างมาก “เป็ตัวเมียสินะ งั้นแกชื่อซาจือดีไหม? ”
เวลาประมาณเจ็ดโมงครึ่ง ห้องรับแขกก็ครึกครื้นขึ้นมา ทุกคนตื่นแล้วและกำลังล้อมโต๊ะทานข้าวกัน
ผู้ชายหกคน เวลากินข้าวกลับไม่ส่งเสียง แม้ว่าภาพที่ออกมานั้นดูจะสามัคคี แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
หร่านซวี่จือแอบหลบเข้าห้องโดยปีนหน้าต่างเข้าไป เมื่อได้ยินเสียงของเฉินหนานดังขึ้นในห้องรับแขก
“อันก่อนหน้านี้ล่ะ? ให้ฉันดูหน่อย”
ถัดจากนั้น ประตูก็ถูกเปิดออก และก็เป็อาป้าที่ยื่นศีรษะมา ท่าทางของเขานั้นดีใจเป็อย่างมาก “คุณชายครับ คุณชายเฉินเรียกคุณน่ะครับ รีบแต่งตัวเร็ว สู้เขาครับ! ”
หร่านซวี่จือรีบลุกไปจัดแต่งผมแล้วส่องกระจก การแต่งกายคงยังหมดหนทางเยียวยาในตอนนี้แต่ก็ยังดีกว่าเสื้อขาดๆ ตัวนั้น จากนั้นก็ฝืนออกไปทั้งอย่างนั้น
พอหร่านซวี่จือเข้าประตูไป ชวนอวิ๋นกับหาวไห่ที่อยู่ในห้องรับแขกก็แอบบังมุมปากที่ยกยิ้มขึ้น ส่วนฟู่หลิงก็ปรายหางตามองเขาเล็กน้อย มีเพียงอิงซางเท่านั้นที่มองเขาด้วยความกังวล
เฉินหนานเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “นายใส่เสื้อตัวนี้มาเจอฉันอย่างนั้นหรือ? ”
หร่านซวี่จือคิดในใจต้องโทษใครกันล่ะ แต่ปากก็ตอบไปว่า “คุณชายเฉิน บ้านผมยากจนจึงซื้อได้แค่เสื้อผ้าระดับนี้ ตัวที่ดีที่สุดก็ถูกทำให้เสียไปแล้ว”
“ใจกล้าไม่น้อยเลย นี่กำลังเอ่ยปากขอเงินกับคุณชายเฉินหรือ? ” หาวไห่หัวเราะเยาะ
ชวนอวิ๋นเสริมต่อ “คนที่ขายข้างนอกนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
หร่านซวี่จือเม้มปาก ไม่พูดไม่จา
“เสี่ยวจาง” เฉินหนานเอ่ย “โอนเงินเข้าบัญชีของอาม๋า ให้หล่อนช่วยเขาจัดการหน่อย”
อาป้าสะกิดหลังของหร่านซวี่จือเบาๆ
“ขอบคุณคุณชายเฉิน” หร่านซวี่จือเอ่ย
เขาช้อนตาขึ้นมองแล้วแอบชำเลืองมองฟู่หลิง
ฟู่หลิงกำลังทานข้าวอยู่ที่ตำแหน่งของตนเองด้วยท่าทางที่สูงส่ง ตำแหน่งของเขาอยู่ใกล้กับเฉินหนานมากที่สุด เหมือนรับรู้ว่ามีคนกำลังมอง ฟู่หลิงก็เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปสบตาของหร่านซวี่จือพอดี
หร่านซวี่จือสะดุ้งแล้วรีบก้มศีรษะลง
จริงตามคาด หน้าตาของฟู่หลิงนั้นคล้ายกับทังเหวยจริงๆ ด้วย
เฉินหนานพาฟู่หลิงออกไป ชวนอวิ๋นกับหาวไห่ก็รวมตัวคุยกัน ส่วนหร่านซวี่จือนั่งอยู่ในห้องตนเองแล้วหยิบปากกามาวาดเขียน
ประตูห้องดังขึ้น หร่านซวี่จือก็เปิดประตู เป็อิงซางที่เดินเข้ามา
“ฉันมาเที่ยวหานาย” อิงซางเอ่ยอย่างเกรงใจ “อยู่คนเดียวมันน่าเบื่อเกินไป”
“คุณชายเฉินพาฟู่หลิงไปไหนหรือ? ” หร่านซวี่จือพิงกับเก้าอี้ถามเขา
“ผมเองก็ไม่รู้” อิงซางคิด “ได้ยินว่าคุณชายเฉินจะพาฟู่หลิงออกไปแค่คนเดียว”