“หย่วนเกอ…ข้าขอร้อง ข้าผิดไปแล้ว วันหน้าข้าไม่กล้าไล่ท่านออกจากห้องอีกแล้ว…”
รถม้าวิ่งเร็วและสั่นโคลงเคลงไปมา ภรรยาตัวน้อยที่ถูกชายฉกรรจ์กอดในอ้อมอกแทบอยากร้องไห้ ร้องขอความเมตตาเสียงเบา
ฮือฮือฮือ…ชายฉกรรจ์จะเ้าคิดเ้าแค้นเกินไปแล้ว!
เสื้อผ้านางยุ่งไปหมด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเช่นกัน ตัวอ่อนระทวยราวกับบะหมี่ต้มสุก…ทั้งหมดเกิดจากมือที่อยู่ไม่สุขคู่นั้นทั้งสิ้น
ทั้งยังเกิดขึ้นบนรถม้า
รถม้าที่มีคนขับอยู่ด้านนอก
มันจะเร้าใจเกินไปหรือไม่?
เจียงหงหย่วนอยากทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
มิเช่นนั้นเขาพาเจียงไฉมาด้วยเพราะเหตุใด?
เขาเล่นกับลูกอิงเถา[1]สีแดงที่ปลายนิ้ว ขยับริมฝีปากไปพูดกล่อมข้างหูนางเสียงเบา “เด็กดี เบาเสียงหน่อย อย่าให้คนข้างนอกได้ยิน…”
เสียงทุ้มต่ำมีแรงดึงดูดนี้ราวกับตะขอ ผสมเข้ากับเสียงหายใจของเขา แทรกเข้าสู่หัวใจหลินหวั่นชิว
เจียงหงหย่วนพูดจบก็ฝังหน้าลงในทรวงอกนาง หลินหวั่นชิวตัวสั่น นางทำกระไรไม่ได้จริงๆ ทำได้เพียงกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ให้ตัวเองส่งเสียง
“ต้าเหยีย ถึงแล้วขอรับ” เขินอายมาตลอดทาง รถม้าหยุดนิ่ง เสียงของเจียงไฉดังขึ้น
“เ้าไปจ่ายตลาดมาหน่อย ให้นายหน้าคนกลางพาสตรีเฒ่าสองสามคนมาให้ไท่ไท่เลือก” เจียงหงหย่วนมอบหมายงานให้เจียงไฉ จากนั้นจึงขนของบนรถม้าลงจากรถและอุ้มภรรยาตัวน้อยเข้าห้อง
“เ้านั่งพักก่อน ข้าจะต้มน้ำชงชามาให้”
พูดหน้าตายประหนึ่งไม่เคยเกิดกระไรขึ้นบนรถม้า ราวกับนางจินตนาการไปเองอย่างไรอย่างนั้น
สัตว์ร้าย…ยังจะมีหน้ามาบอกให้นางพัก
เหอะๆ…นี่มันหมาป่าชัดๆ พูดไม่เข้าหูแค่นิดเดียวก็กัด!
มารดามันเถิด นางถูกเขากัดั้แ่หัวจรดเท้า!
หลินหวั่นชิวพิงหมอนลายบุปผาทำตาขวางใส่เขา อยากใช้เข็มเย็บปากเขาให้รู้แล้วรู้รอด!
ก่อนเย็บต้องถอนฟันออกให้หมด มารดามันเถิด…ตอนนี้นางยังเจ็บหน้าอกอยู่เลย
เจียงหงหย่วนชงชาร้อนมาให้ หลินหวั่นชิวเหลือบตามองเล็กน้อย เห็นว่าเป็ชากุหลาบใส่น้ำตาลทรายแดง
หึ ถือว่าเขารอบคอบอยู่บ้าง รู้จักเตรียมชากุหลาบใส่น้ำตาลทรายแดงที่นางชื่นชอบ
“หากไม่มีแรง พวกเราค่อยไปหย่าเหมินประจำจังหวัด่บ่าย”
เจียงหงหย่วนมองภรรยาตัวน้อยของตัวเองอย่างอ่อนโยนพร้อมพูดด้วยความรักใคร่ ตอนอยู่บนรถม้าเขาอดใจไม่ไหว เล่นหนักไปหน่อย
“เจียงหงหย่วน…ท่านมันแย่ที่สุด!” ิญญาหลินหวั่นชิวเพิ่งจะกลับเข้าร่างก็หลังจากดื่มชากุหลาบไปแล้ว
“ผู้ใดบ้างเล่าที่ห้ามใจจากภรรยาตัวเองไหว หากไม่ได้แอบมีชู้ก็คงเป็โรค”
“ข้าขอเตือนนะ หากกล้ามีชู้ ข้าจะตอนท่านเสีย!” หลินหวั่นชิวจ้องเขาด้วยความเดือดดาล รู้สึกว่าวันนี้นางทำตาขวางมาตลอดทางจนลูกตาแทบหลุดออกมาแล้ว
เหตุใดภรรยาตัวน้อยจึงน่ารักเพียงนี้?
เจียงหงหย่วนอดยีผมนางไม่ได้ พูดอย่างจริงจังว่า “ตอนไม่ได้ กินได้อย่างเดียว”
ดังนั้น…
ไม่ลากเข้าเื่ลามกแล้วจะตายหรือ?
เจียงหงหย่วนมองภรรยาตัวน้อยที่เห็นชัดว่ากำลังโมโห พูดเสริมอีกประโยคอย่างราบเรียบว่า “หนีบก็ได้เช่นกัน”
“ท่านไปเถิด ข้าไม่ส่ง!”
หลินหวั่นชิวเลิกต่อต้านอย่างเศร้าเสียใจ ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง
เจียงหงหย่วนจูบนางผ่านผ้าห่ม แกล้งภรรยาตัวน้อยหนักเกินไป ต้องหาวิธีมาปลอบ
เขาออกจากห้อง ช่วยปิดประตูให้หลินหวั่นชิว
เมื่อประตูปิดลง หลิวหวั่นชิวเลิกผ้าห่มลง โผล่หน้าออกมาหายใจ นางจะอึดอัดตายอยู่แล้ว
ชายฉกรรจ์รุกหนักเกิน นางรับไม่ไหว
นึกถึงคำที่ชายฉกรรจ์พูดกับเจียงไฉก่อนหน้านี้ ประเดี๋ยวเจียงไฉจะพาคนจากนายหน้าคนกลางมาหา นางปรับอารมณ์สักพัก ลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวแบบง่ายๆ แล้วออกจากห้อง
ไม่เจอเจียงหงหย่วน นางเดินเล่นรอบๆ ที่นี่เป็บ้านขนาดสองลาน ใหญ่กว่าบ้านที่อำเภอ
ครึ่งหนึ่งของบ้านหลังนี้เพิ่งสร้างใหม่ กลางลานบ้านมีอ่างใบใหญ่ ภายในมีดอกบัวสาย ปลาจิ๋นหลี่[2]สองสามตัวแหวกว่าย
แม้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิมาสักพักแล้ว ทว่าอากาศยังคงหนาว
ดอกบัวสายตายในสภาพอากาศเช่นนี้ได้ง่ายมาก ปลาจิ๋นหลี่เองก็ราคาแพง เลี้ยงนอกบ้านในอากาศเช่นนี้จะตายง่ายเช่นกัน ไม่รู้ว่าปลาจิ๋นหลี่กับดอกบัวสายเป็ของเ้าของบ้านคนเก่าหรือเจียงหงหย่วนเป็คนสั่งให้เจียงไฉจัดหามา
นางเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าด้านหลังอ่างศิลามีกระถางถ่าน!
ช่างหรูหรากระไรปานนี้!
“ไท่ไท่ นายหน้าพาคนมาแล้วขอรับ” เจียงไฉเข้ามารายงานจากลานด้านนอก
“อืม ข้าจะไปดูประเดี๋ยวนี้” หลินหวั่นชิวตอบแล้วเดินออกไป เจียงไฉโค้งคำนับให้นาง รอให้นางเดินผ่านตัวเองไปสักระยะแล้วจึงจะเดินตามไป
“ท่านเหลียงเป็คนแนะนำให้ขอรับ เถ้าแก่รู้ว่าพวกเราสนิทกับท่านเหลียง ให้สตรีนายหน้าเลือกคนมาจำนวนหนึ่ง มีสามครอบครัวมาจากจวนขุนนางที่ทำผิด รู้กฎระเบียบดีมาก อีกสองครอบครัวลี้ภัยมา นายหน้าสอนกฎระเบียบให้แล้ว บอกว่าทำงานคล่องแคล่วขอรับ”
“คารวะเจียงไท่ไท่เ้าค่ะ” เจียงไฉแนะนำข้อมูลคร่าวๆ ให้หลินหวั่นชิว ทั้งคู่เดินมาถึงลานชั้นนอกในขณะที่พูด
หลินหวั่นชิวเห็นว่ามีคนห้ากลุ่มยืนก้มหน้าอยู่กลางลานบ้าน ไม่มีผู้ใดกล้าวอกแวกไปมา
คนที่พาพวกเขามาคือฟู่เหรินวัยกลางคนท่าทางร่ำรวย หลินหวั่นชิวเชิญอีกฝ่ายนั่งด้วยรอยยิ้ม “ลำบากท่านป้าโจวแล้วเ้าค่ะ รบกวนท่านบอกให้พวกเขาเงยหน้าให้ข้าดูทีเถิด”
สตรีนายหน้าโจวยิ้มรับ สั่งให้ทุกคนเงยหน้าขึ้น
ลำพังแค่หน้าตาก็รู้แล้วว่านายหน้าคนกลางให้เกียรติเหลียงหู่ เพราะทั้งห้าครอบครัวไม่มีผู้ใดพิการ มองแล้วเจริญตายิ่งนัก
หลินหวั่นชิวถามคำถามพื้นฐานกับพวกเขา ทุกคนตอบอย่างมีกาลเทศะ ไม่ต่ำต้อยเกินไปแต่ก็ไม่อวดตน ไม่ได้กล้าๆ กลัวๆ หลินหวั่นชิวค่อนข้างพึงพอใจ
เพราะนางไม่มีเวลามาอบรมบ่าวใช้ บวกกับไม่รู้ว่าควรอบรมอย่างไรเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึง้าบ่าวใช้ที่ผ่านการอบรมมาแล้ว
หลินหวั่นชิววางแผนไว้ว่าจะซื้อที่ดินในหมู่บ้านเพิ่ม เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วจะปลูกผลไม้ ปลูกองุ่น ้าแรงงานเพิ่ม งานในบ้านเองก็มีแต่จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ ต้องใช้คนจำนวนมาก ในที่สุดก็ตัดสินใจเลือกครอบครัวที่มีคนจำนวนมากมาสองครอบครัว
ทำเอานายหน้าดีใจมาก
ธุรกิจนี้ได้เงินไม่น้อย ขายได้มากก็ได้ส่วนแบ่งมาก
เมื่อยายเฒ่าโจวกลับไป หลินหวั่นชิวถามทุกคนอย่างละเอียดว่าทำกระไรเป็บ้าง บอกกฎของบ้านเจียงอย่างเข้มงวด จากนั้นบอกเจียงไฉว่ากลุ่มใดให้พากลับหมู่บ้าน กลุ่มใดพาไปทำงานที่อันอี้จวีในอำเภอ กลุ่มใดอยู่ดูแลบ้านในหัวเมือง กลุ่มใดไปร้านขายผ้า
ขณะที่นางกำลังจัดแจง เจียงหงหย่วนเดินเข้ามาจากด้านนอก
เขาถือกรงขนาดใหญ่ ในนั้นมีอินทรีสีขาวหิมะหนึ่งตัว
“ให้เ้าเอาไว้เล่น” เจียงหงหย่วนยื่นกรงให้หลินหวั่นชิว นางมองออกว่ายังเป็ลูกอินทรี ดวงตามันคมมาก จะงอยปากมีคราบเืติด
“อินทรีตัวนี้เก่งยิ่งนัก ข้าเห็นมันจิกลูกอินทรีตัวอื่นในกรงเดียวกันเกือบตายเพื่อแย่งเนื้อกิน”
ดังนั้น…ชายฉกรรจ์…
ท่านเอาจริงหรือ?
มอบสัตว์ดุร้ายเช่นนี้ให้ภรรยาผู้บอบบางเอาไว้เล่น?
เชิงอรรถ
[1] อิงเถา(樱桃) หมายถึง ลูกเชอร์รี่
[2] ปลาจิ๋นหลี่(锦鲤) หมายถึง ปลาคาร์ป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้