หลังจากวางคานเอกแล้วต้องดื่มเพื่อเฉลิมฉลอง ญาติสนิทมิตรสหายและบ้านใกล้เรือนเคียงต่างพากันร่วมรับประทานอาหารหนี่งมื้อ บ้านใหม่ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ประจวบเหมาะกับเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย ก็ควรเป็เ้าภาพในงานเลี้ยงนี้ด้วย พอรวมงานกินเลี้ยงสองมื้อพร้อมกันย่อมคึกคักเป็พิเศษ หลี่เฟิ่งเหมยและหลิวจื่อเทากลับหมู่บ้านมาด้วยกันทั้งคู่ หลี่เฟิ่งเหมยมองบ้านใหม่ของครอบครัวเซี่ยเสี่ยวหลาน จากนั้นก็มองบ้านอันซอมซ่อของตนซึ่งตั้งอยู่ด้านข้าง เธอเกิดความรู้สึกอยากปรับปรุงบ้านบ้างเหมือนกัน เงินที่ครอบครัวเธอหาได้ก็ไม่ใช่น้อย ทว่าตอนนี้เงินจำนวนนั้นอยู่ในธุรกิจของหลิวหย่ง หลี่เฟิ่งเหมยเองทำได้แค่คิดเท่านั้น เื่ใหญ่แบบนี้ต้องรอหลิวหย่งกลับมาปรึกษาหารือร่วมกัน
คงจะดีหากซื้อบ้านในเมืองได้
หลานสาวบอกว่าบ้านในปัจจุบันเป็ของรัฐ ส่วนที่ซื้อขายได้มีเพียงมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษที่ถูกส่งคืน คล้ายกรณีของบ้านย่าอวี๋นั่นเอง
แต่จะให้ย่าอวี๋ขายบ้าน?
คงไม่พ้นโดนย่าอวี๋ถือไม้กวาดด้ามโตไล่ตี บ้านคือสิ่งที่ต้องห้ามที่ไม่สามารถแตะต้องได้ของย่าอวี๋ หญิงชราดื้อดึงเฝ้าบ้านหลังนี้ แม้จะเป็เพียงคนกวาดถนนยากจนก็ไม่ขายบ้าน! หลี่เฟิ่งเหมยอยากลงหลักปักฐานในเมืองมณฑล เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าไม่จำเป็ต้องรอบ้านเพื่อการพาณิชย์เสมอไป เธอวานหูหย่งไฉสืบถามก่อน ถ้าคนมีมรดก้าจะขายบ้าน ก็สามารถซื้อไว้ได้เช่นกัน
แน่นอนว่าบ้านประเภทนี้จะไม่ใช่อาคาร เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องปรับปรุงใหม่ด้วยตัวเอง
จะกลัวอะไรเล่า หลิวหย่งทำงานตกแต่งภายใน สิ่งสุดท้ายที่ต้องกังวลก็คือการปรับปรุงบ้าน!
มีบ้านแล้ว เสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัยแล้ว ย้ายออกจากตระกูลเซี่ยมาราวหนึ่งปี ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน! สำหรับหลิวเฟินนั้น ตระกูลเซี่ยไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่พูดถึงไม่ได้ เธอแค่ไม่ว่างไปคิดถึงเื่ราวยุ่งเหยิงของตระกูลเซี่ย ทุกๆ วันผ่านไปอย่างสมบูรณ์พูนสุข ลูกสาวจะไปเรียนมหาวิทยาลัย หลิวเฟินรู้สึกอาลัยอาวรณ์เหลือเกิน
บุตรสาวบอกว่าในอนาคตจะไปเปิดร้านที่ปักกิ่ง หลิวเฟินรู้ดีว่ามีอีกหลายอย่างที่ตนยังต้องเรียนรู้ ตอนนี้จะไปปักกิ่งเพื่อเป็ตัวถ่วงไม่ได้
“อาเฟิน เธอก็มาดื่มสักจอกสิ!”
โดยปกติผู้ชายดื่มสุราไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผู้หญิง เวลามีงานเลี้ยงชายหญิงอาจถึงขั้นรู้ตัวแบ่งเป็สองโต๊ะเองด้วยซ้ำ
เมื่อก่อนก็เป็ไปไม่ได้เช่นกันที่จะมีคนชวนหลิวเฟินดื่มสุรา
ทว่าตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้วนี่นา ครอบครัวหลิวเฟินไม่มีผู้ชายสักคน ทั้งสร้างบ้านใหม่ ทั้งลูกสาวเข้ามหาวิทยาลัย หลิวเฟินจึงต้องเป็ตัวแทนครอบครัวไปเข้าสังคมตามมารยาท
และเธอก็มีสิทธิ์นี้ด้วย เซี่ยเสี่ยวหลานเพียงคนเดียวสามารถสร้างเกียรติยศให้เธอได้นับไม่ถ้วน!
หลิวเฟินดื่มเหล้าขาวจริงๆ เหล้าขาวธัญพืชแผดเผาผ่านลำคอลงไป เธอรู้สึกเหมือนทั้งร่างกายกำลังจะลุกเป็ไฟแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าแอลกอฮอล์กระตุ้นหรือรู้สึกตื่นเต้นยินดีมากเกินไป หลิวเฟินริยกจอกสุราขึ้นอีกที
“คารวะ คารวะทุกคน! ขอบคุณที่ดูแลพวกเราสองแม่ลูก ขอบคุณ...”
เธอกำลังขอบตาแดง
นี่เป็อารมณ์ที่เซี่ยเสี่ยวหลานมิอาจเข้าใจได้
หญิงชนบทผู้ผ่านการหย่าร้างคนหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์แบบนั้น เพราะการดูแลของครอบครัว เพราะเฉินวั่งต๋าเอ่ยปากบอกว่าจะจัดการเื่ทะเบียนบ้านและที่ดินให้ เพราะการยอมรับจากคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ทำให้หลิวเฟินไม่ถึงขั้นขวัญเสีย ไม่ถึงขั้นกลายเป็แหนไร้ราก
“หมดทุกข์หมดโศกเริ่มต้นใหม่แล้วไม่ใช่รึ วันนี้ต้องร่าเริงสิ อย่าร้องไห้เลย”
เฉินวั่งต๋าบอกให้เธอนั่งลง หลิวเฟินใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาด้วยความอาย
ณ อีกโต๊ะหนึ่ง มีคนชอบจับคู่เข้ามากระซิบกระซาบข้างหูอาเฉินสี่ “นี่อาเฟินก็หย่ามาได้หนึ่งปีแล้ว สร้างบ้านใหม่เสร็จ ลูกสาวสอบติดมหาวิทยาลัย เขาต้องคิดเื่คู่ของตัวเองบ้างใช่หรือเปล่า?”
“ทำไม เธอจะจับคู่ให้คนเขารึ?”
อาเฉินสี่เกิดความสนใจ
หญิงผู้ทำงานพิเศษเป็แม่สื่อข่มเสียงเบา “น้องชายสามีที่บ้านฉันน่ะเธอว่าได้หรือไม่? พอแต่งงานแล้ว เขาก็ย้ายมาที่บ้านหลังนี้ ทำไร่ทำนากับอาเฟินสองคนในชนบท...”
อาเฉินสี่ทำหน้าเหมือนเจอผี
นั่นคือผู้ชายที่คนในหมู่บ้านไม่ชายตาแลเหมือนกัน เหล้าลงคอก็มักทำร้ายผู้หญิง ภรรยาโดนทุบตีจนหนีกลับบ้านไปแล้ว ทิ้งลูกสองคนไว้ ลูกหลานที่วัยเท่ากันของบ้านอื่นกำลังเรียนหนังสือ ทว่าเด็กสองคนนี้ยังต้องอยู่บ้านคอยซักผ้าทำกับข้าวให้ผู้ชายขี้เหล้าเมาหยำเป คิดจะแนะนำผู้ชายแบบนี้ให้หลิวเฟิน เสียสติไปแล้วสินะ?
“เธอคิดไว้เสียสวยหรูเชียวนะ พาเด็กสองคนมาไว้บ้านอาเฟินอีก อาศัยบ้านใหม่ของอาเฟิน ให้นักศึกษาไปดูแลพ่อเลี้ยงี้เีสันหลังยาว เลี้ยงน้องชายน้องสาวติดพ่อที่ไม่เกี่ยวข้องทางสายเือย่างนั้นหรือ?”
ถ้าเช่นนั้นจะหย่าไปทำไมเล่า สู้อยู่กับเซี่ยต้าจวินไม่ดีกว่าหรือ แม้เซี่ยต้าจวินจะเลวร้ายแค่ไหนก็ยังเป็พ่อแท้ๆ ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เป็สามีคนแรกของหลิวเฟินด้วย!
หญิงช่างจับคู่หัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะความอับอาย “ถึงลูกสาวสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอนาคตก็ต้องจากเ้าตัวไปออกเรือนอยู่ดี ตัวเธอเองเคยหย่าร้างด้วยซ้ำ ผู้หญิงที่หย่าแล้วยังมีค่าอะไรอีก!”
อาเฉินสี่เว้นระยะห่างจากเธอทันที
หลิวเฟินมีค่าหรือไม่?
ปัจจุบันหลิวเฟินแตกต่างกับตอนเพิ่งหย่ามากโขแล้ว
ผิวขาวขึ้นมาก เสื้อผ้าที่สวมใส่แม้ไม่ใช่สีสันฉูดฉาด ทว่าเนื้อผ้าดูมีราคาน่ะสิ
ทั้งหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยต่างสวมกำไลทองคำ ในฤดูร้อนใครๆ ก็ใส่เสื้อแขนสั้นจึงไม่อาจปกปิดได้
เวลาอาเฉินสี่คุยกับหลิวเฟินยังได้กลิ่นหอมอีกด้วย ครีมเกล็ดหิมะสินะ?
อย่างไรเสียไม่ว่ามองจากมุมไหน หลิวเฟินก็เหมือนคนเมืองอย่างสมบูรณ์แบบ คนเขาสร้างบ้านในชนบท ไม่ได้แปลว่าต้องกลับมาอาศัยในชนบท เคยหย่าแล้วอย่างไร ถ้าจะแต่งงานใหม่ก็ไม่เลือกผู้ชายสภาพเช่นนี้หรอก!
หลี่เฟิ่งเหมยช่วยเรียกคนในหมู่บ้านมารับประทานอาหาร เธอเดินผ่านตรงนี้พอดี และได้ยินสิ่งที่หญิงแม่สื่อคนนั้นพูด
หลี่เฟิ่งเหมยอดที่จะมองค้อนอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจไม่ได้
คำพูดนั้นแทงกลางใจของหลี่เฟิ่งเหมยเช่นกัน เธอเคยหย่าและแต่งงานอีกครั้งกับหลิวหย่ง ต่อให้เป็่เวลาที่หลิวหย่งไม่มีเงิน เขาก็ไม่เคยทำร้ายภรรยาเลย ตอนนั้นเธอมีสถานะอย่างไร ตอนนี้อาเฟินมีสถานะอย่างไร? น้องสาวสามีจะหาคนที่ดีกว่าได้อย่างแน่นอน
----------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รับรู้ถึงคลื่นใต้น้ำที่กำลังสาดซัดภายในงานเลี้ยง
วันนี้เป็วันอะไร คงไม่มีใครโง่เง่าถึงกับถ่อมาหาเซี่ยเสี่ยวหลานเพื่อพยายามจับคู่ให้มารดาของเธอหรอกนะ เฉินชิ่งเองก็ไม่ได้พูดเื่อะไรที่ไม่เข้าท่า นี่ใกล้จะเปิดภาคเรียนแล้ว เขาถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่าจะจองตั๋วรถไฟเที่ยววันไหน ทั้งสองจะรวมกลุ่มไปปักกิ่งด้วยกันหรือไม่
“ปู่อยากไปกับฉัน ถ้าเธอไปกับพวกเรา ระหว่างเดินทางจะได้ดูแลกันและกันได้”
เฉินวั่งต๋าเป็หัวหน้าหมู่บ้านมาหลายปี หลานชายสอบติดมหาวิทยาลัยในปักกิ่ง ชายชราก็อยากไปเที่ยวรอบปักกิ่งในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงดูบ้าง ชมจัตุรัสเทียนอันเหมิน ดูภาพของเหล่าผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ถ้าร่างกายเฒ่าชราของเขายังเคลื่อนไหวได้ ไปปีนกำแพงเมืองจีนก็ดีเหมือนกัน!
“ไปด้วยกันก็ได้นะ เธอไปวันไหนหรือ?”
ทั้งหลิวเฟินและหลี่เฟิ่งเหมยอยากไปด้วยเช่นกัน หลิวจื่อเทาเองก็ยังไม่เปิดเรียน กอดต้นขาเซี่ยเสี่ยวหลานร้องอยู่นานสองนานว่าอยากไปปักกิ่ง พูดอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย
ไม่ผู้หญิงก็เป็เด็กน้อยที่จะเดินทางไปพร้อมเฉินชิ่งกับปู่ของเขา ระหว่างทางสามารถสอดส่องดูแลซึ่งกันและกันได้จริงๆ
“ได้ทั้งวันที่ 28 และ 29”
บ้านเฉินปรึกษาหารือกันมาสักพักแล้ว สะใภ้ใหญ่เฉินก็อยากไป แต่การมีคนไปปักกิ่งเพิ่มอีกหนึ่ง ขาไปกลับย่อมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกร้อยถึงสองร้อยหยวน ในเมื่อพ่อสามีจะไป สะใภ้ใหญ่เฉินจึงไม่ไป ตระกูลเฉินไม่ได้ทำธุรกิจ ฐานะถือว่าดีที่สุดในหมู่บ้าน ทว่าเงินพวกนั้นไม่ใช่สำหรับใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจ นอกจากนี้ในอนาคตเฉินชิ่งยังต้องแต่งภรรยา สะใภ้ใหญ่เฉินต้องประหยัดเงินเพื่อลูกชายเช่นกัน
ค่าเดินทางของการเดินทางไกลในปัจจุบันแพงแสนแพง การไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยเป็เพื่อนบุตรหลานคือสิ่งที่นิยมทำกันในอนาคต
หากอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัย มีคนไปเพิ่มอีกหนึ่ง ค่าเดินทางมากพอสำหรับใช้จ่ายทั้งบ้านเป็เวลานานด้วยซ้ำ การจัดคณะคนไปมหาวิทยาลัยราวกับท่องเที่ยวทั้งครอบครัวอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานนี้หายากยิ่งนัก
“ถ้าอย่างนั้นก็วันที่ 28 แล้วกัน เดี๋ยวดูว่าวันนั้นมีตั๋วหรือเปล่า”
เป็ไปไม่ได้ที่จะไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยมือเปล่า เซี่ยเสี่ยวหลานปฏิเสธการพกพวกอ่างน้ำล้างหน้าและกระบอกน้ำจากซางตูไปปักกิ่ง ทว่าข้าวของเครื่องใช้อย่างเสื้อผ้าและผ้าห่มผ้าปูนี้ยังต้องแบกจากบ้านไปอยู่ดี หลิวเฟินจ้างคนทอผ้านวมใหม่หนักหกชั่งหนึ่งผืน ผืนนี้สำหรับใช้ในฤดูหนาว และยังมีผ้าห่มผืนบางสำหรับฤดูร้อนด้วย รวมถึงเบาะนวมสำหรับปูบนเตียง... พอคุยกับเฉินชิ่งแล้ว ทุกอย่างเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ใต้ฟ้าทั่วหล้าล้วนคือมารดาใจเดียวกันนั่นแล!