เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    “วันนี้เป็๲การสอบปลายภาคของเซี่ยนอีจง พี่เสี่ยวหลานเขาจะโผล่มาก็เป็๲เ๱ื่๵๹ปกตินี่นา”

        จางชุ่ยพยายามพูดอย่างสุขุมสุดความสามารถ ผิดหวังมาแล้วไปครั้งหนึ่ง เธอจึงไม่ค่อยกล้าเดินหมากซี้ซั้วอีก

        เซี่ยหงเซี๋ยกัดริมฝีปาก เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานถูกห้อมล้อมด้วยนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งมีความสุขกับการเป็๲ดวงจันทร์ที่รายล้อมด้วยหมู่ดารา แม้จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาทว่ากลับสดชื่นแจ่มใส ดูกระปรี้กระเปร่าออกขนาดนั้น!

        สมองเท่าเมล็ดเหอเถา [1] อย่างเซี่ยหงเซี๋ยคนนี้เธอพิจารณาผู้คนว่ามีชีวิตดีหรือไม่โดยไม่ใช้การงาน การศึกษาและความสำเร็จมาตัดสิน เธอมองแค่รูปลักษณ์ภายนอก...เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้วาดคิ้วหรือผัดหน้าแท้ๆ กลับกลายเป็๞ยิ่งงดงามมากขึ้นเซี่ยเสี่ยวหลานในอดีตสะสวยก็จริง แต่ไม่ฉลาดสักเท่าไรความสวยแบบนั้นทำได้เพียงอวดโอ้ไปวันๆ

        แต่เซี่ยเสี่ยวหลานในตอนนี้มั่นใจในศักยภาพของตนเองรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามจึงมีพลังคอยค้ำจุน ไม่ใช่เปลือกนอกว่างเปล่าอีกต่อไปความสวยดาษดื่นกลายเป็๲ความงามอหังการ

        เซี่ยหงเซี๋ยนึกคำคุณศัพท์สละสลวยพวกนั้นไม่ออกแน่นอนเธอเพียงคิดว่าทุกท่วงท่าของเซี่ยเสี่ยวหลานล้วนงดงามอย่างบอกไม่ถูก

        สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหงเซี๋ยเกิดความริษยา

        ที่จริงแล้วคนตระกูลเซี่ยหน้าตาก็ไม่ได้เลวร้าย ในหมู่สามสาวตระกูลเซี่ยเป็๞เซี่ยหงเซี๋ยที่ดูธรรมดาสามัญสุด ทว่านี่คือการเทียบกันภายใน หากเปรียบกับคนนอกจริงๆเธอก็ถือว่าคือสาวงามพอใช้คนหนึ่งเลยทีเดียว

        โชคร้ายที่เธอเป็๲คนละโมบแต่ดันไร้สมอง ทะเยอะทะยานแต่ขาดความสามารถทั้งยังไม่ยอมกระตือรือร้นเพียรพยายามไม่มีรูปลักษณ์เป็๲ต่อแถมอาศัยการเรียนหนังสือเปลี่ยนแปลงชีวิตเหมือนเซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้อีกเอาแต่คิดชุบมือเปิบรอโชคจากฟากฟ้าหล่นมาทับ เมื่อร้องขอแล้วไม่ได้มิใช่ว่าต้องจมอยู่ในความขุ่นเคืองและอารมณ์ริษยาตลอดเวลาหรือ!

        “ป้า เธอจงใจสินะ!”

        น้าหวงจานด่วนมาเพื่อชิงลูกค้าของจางจี้ เซี่ยเสี่ยวหลานกลับพาคนกลุ่มหนึ่งไปรับประทานอาหารที่นั่น จะบอกว่าเธอไม่จงใจก็คงไม่มีคนเชื่อแน่

        แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ญาติดีกับตระกูลเซี่ยแล้วจางชุ่ยและเซี่ยหงเซี๋ยไม่ปล่อยเธออยู่อย่างเป็๞สุข เธอยังจะมาใส่ใจธุรกิจของจางจี้อีกหรือ?

        จางชุ่ยบังคับตนเองให้ละสายตา “เสี่ยวหลานไม่พอใจพวกเรามาหรือไม่มากินที่จางจี้น่ะไม่สำคัญ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทั้งครอบครัวจะรักใครกลมเกลียวกันอีกครั้งได้เมื่อไรรอพี่จื่ออวี้ของหลานกลับมา ไม่แน่ว่าเธอจะมีความคิดเข้าทีอะไรบ้างหรือเปล่า”

        เซี่ยหงเซี๋ยแววตาเป็๞ประกาย “พี่จื่ออวี้จะกลับมาแล้วหรือ?”

        จางชุ่ยพยักหน้า “ปิดภาคเรียนฤดูหนาวต้องกลับมาแน่นอนและจะพาพี่เขยของหลานกลับมาด้วย”

        จางชุ่ยเก็บซ่อนความกระหยิ่มใจไว้แทบไม่มิดเซี่ยจื่ออวี้คือลูกสาวสุดแสนจะน่าภาคภูมิใจของเธอ แม้จะพูดว่าลูกชายเท่านั้นที่เป็๞ผู้สืบสกุลได้แต่ถ้าไม่มีเซี่ยจื่ออวี้ลูกสาวคนนี้ เธอจะมีชีวิตดีแบบตอนนี้ได้ที่ไหนกัน?

        ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยจื่ออวี้ขอร้องจางชุ่ยคงถูกเหนี่ยวรั้งเป็๲หญิงชนบทอยู่หมู่บ้านต้าเหอไม่ต่างจากหวังจินกุ้ยแม่เฒ่าเซี่ยก็คงไม่มีทางยินยอมให้เธอตามเข้าเมืองมาแน่

        “แต่ไม่ใช่ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับพี่เขย...”

        เซี่ยหงเซี๋ยอยากเอ่ยบางอย่างแต่ก็ยั้งไว้ ท่าทางมีเจตนาร้าย

        ใช่ เซี่ยเสี่ยวหลานชอบหวังเจี้ยนหัวมากเหลือเกินมิเช่นนั้นก็คงไม่โกรธเคืองจนชนผนังฆ่าตัวตาย จางชุ่ยยังจำได้ว่าตอนนั้นแม่เฒ่าเซี่ยด่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็๞คางคกอยากกินเนื้อหงส์ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาเสียเลยว่าตัวเองเป็๞อย่างไรหากหวังเจี้ยนหัวไม่ชอบนักศึกษามหาวิทยาลัยเช่นเซี่ยจื่ออวี้ เขาจะชอบผู้หญิงสำส่อนคนหนึ่งได้หรือ?

        วาจาเหล่านี้กระทบกระเทือนใจของเซี่ยเสี่ยวหลานเข้า ตอนนั้นเธอจึงตัดสินใจพุ่งชนผนังเกือบสิ้นลมหายใจ

        จางชุ่ยเชื่อมั่นว่าสาเหตุที่เเซี่ยเสี่ยวหลาน๻้๪๫๷า๹สอบเข้ามหาวิทยาลัยเพราะยังไม่ละทิ้งความคิดอกุศลต่อหวังเจี้ยนหัว

        เซี่ยจื่ออวี้พาหวังเจี้ยนหัวกลับมาตอนปิดภาคเรียนฤดูหนาวจะกระตุ้นเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่?

        จางชุ่ยทั้งกลัวเซี่ยเสี่ยวหลานจะไร้ยางอายก่อเ๹ื่๪๫อุบาทว์ยั่วยวนหวังเจี้ยนหัวและกลัวว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอดทนได้อดทนอย่างจริงจังรอสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่อยสร้างความวุ่นวายทีเดียว...เธอกำลังวิเคราะห์ว่าจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้อย่างไร

        -------------------------------------------

        เซี่ยเสี่ยวหลานจงใจแน่นอน

        เธอเพียงไหลไปตามสถานการณ์ ทว่าดูแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีทีเดียว ‘ข้าวราดหน้า’ รสชาติอร่อยหรือไม่แค่ดูสีหน้าของเหล่านักเรียนหญิงก็รู้แล้วมือเท้าที่เยือกแข็งเพราะความหนาวเหน็บ หลังจากรับประทานข้าวราดกรุ่นไอร้อนระอุลงท้องไปทั้งร่างกายย่อมรู้สึกอบอุ่นขึ้น ความอยากอาหารของผู้คนในยุค 80 โดยทั่วไปค่อนข้างมากไม่มีหญิงสาวแมวดมรับประทานอาหารสองสามคำก็บอกว่าอิ่มด้วยซ้ำจานที่น้าหวงใช้ใส่ข้าวราดมีขนาดใหญ่โต ก้อนข้าวก็อัดได้แน่นมากเช่นกัน...องค์ประกอบข้าวราดหนึ่งจานรวมเข้าด้วยกัน อาจไม่เกินหนึ่งชั่งแต่ต้องถึงแปดเก้าเหลี่ยง [2] อยู่แล้ว

        อย่างน้อยปริมาณข้าวสวยก็มากกว่าครึ่งชั่ง

        เซี่ยเสี่ยวหลานออกความเห็นแก่น้าหวงว่าข้าวสวยสามารถเติมชามที่สองโดยไม่คิดเงินได้ส่วนกับข้าวไม่ได้

        ข้าวสาร 1 ชั่งราคาเพียงสองเหมากว่าหุงเป็๞ข้าวได้สองชั่ง การเรียกน้ำย่อยผู้คนให้รับประทานข้าวสองชั่งอันที่จริงต้นทุนเพียงสองเหมา หากเจอลูกค้าประเภทนี้ย่อมทำกำไรได้น้อยหน่อย ทว่าข้าวราดหนึ่งจานขาย 6 เหมาน้าหวงไม่มีทางขาดทุนแน่

        อย่างไรเสียลูกค้าแบบนั้นก็มีอยู่น้อยแต่พอลูกค้าทุกคนฟังแล้วจะรู้สึกไม่เหมือนกัน อย่างน้อยที่สุดเมื่อเพื่อนนักเรียนหญิงในชั้นเดียวกับเซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินว่าสามารถเติมข้าวโดยไม่เสียเงินก็ดีใจกันทั้งนั้น

        “คุ้มค้าจริงๆ นะ!”

        “แต่ฉันกินชามที่สองไม่ไหวแล้ว”

        “นี่สิถึงเรียกว่าคนซื่อตรงต่อธุรกิจ...”

        เหล่านักเรียนหญิงสนทนากันครึกครื้น พวกเธอจะเติมข้าวชามที่สองจริงเสียที่ไหนนักเรียนผู้ยากจนยังต้องกัดหมั่นโถวดื่มน้ำเย็นส่วนนักเรียนหญิงที่สามารถจ่ายเงินรับประทานอาหารในร้านได้ความจริงก็ไม่ขาดแคลนข้าวหนึ่งชามนั่นหรอก

        แม้การให้พวกเธอเติมข้าวสวยรับประทานอีกหนึ่งชามจะค่อนข้างยาก ทว่าอย่างไรเสียกับข้าวทัพพีใหญ่ก็เกลี้ยงจานไปตั้งนานแล้ว

        เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่าตนเองจะไปล้างมือความจริงคือเธอได้จ่ายเงินค่าอาหารของเพื่อนนักเรียนแล้ว แต่น้าหวงกลับไม่ยอมรับเงินไว้เซี่ยเสี่ยวหลานดึงดันยัดใส่มือเธอจนได้

        “กิจการรุ่งเรืองนะจ๊ะ นี่เป็๞ข้าวมื้อแรกที่ฉันกินในร้านน้าหวงจะไม่ให้เงินได้อย่างไร?”

        เธอเป็๲คนเสนอความคิดเห็นแก่น้าหวง แต่ไม่๻้๵๹๠า๱เอาเปรียบ

        น้าหวงปฏิเสธไม่ได้ จึงรับเงินของเพื่อนนักเรียนไว้ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้รับเงินส่วนของเซี่ยเสี่ยวหลาน

        ตอนคิดเงินพวกเธอถึงรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินเรียบร้อยขอให้น้าหวงคืนเงินก่อน น้าหวงหัวเราะร่วนพลางยึดถือความ๻้๵๹๠า๱ของเซี่ยเสี่ยวหลาน

        “ข้าวมื้อเดียวจะเป็๞อะไรไป ใครเลี้ยงใครก็เหมือนกันหรือเปล่า? มิตรภาพของทุกคนประเมินค่าไม่ได้นะ!”

        รวมเซี่ยเสี่ยวหลานด้วยก็มีเพียง 9 คนข้าวราดหนึ่งจานราคา 6 เหมา ดังนั้น 9 คนแค่ห้าหยวนสี่เหมา อีกอย่างน้าหวงไม่รับเงินหนึ่งส่วนซึ่งเป็๲ของเธอเลี้ยงอาหารสำเร็จโดยจ่ายเงินไม่ถึงห้าหยวนตอนนี้ประธานเซี่ยไม่คิดเล็กคิดน้อยเ๱ื่๵๹เงินเลยจริงๆ

        ทว่าคนอื่นๆ ไม่คิดแบบนี้น่ะสิ

        พวกเธอล้วนรับรู้มาว่าเซี่ยเสี่ยวหลานฐานะครอบครัวไม่ดี โรงเรียนจึงยินยอมให้เธอทำงานกับเรียนไปพร้อมกันและเวลาปกติสามารถไม่มาเข้าเรียนได้เงิน 5 หยวนสำหรับเซี่ยเสี่ยวหลานต้องไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยแน่นอน

        เซี่ยเสี่ยวหลานจ่ายเงินเพราะไม่๻้๪๫๷า๹ให้ทุกคนดูถูกเธอรึเปล่า?

        เฮ้อ พวกเธอจะดูถูกหัวกะทิได้อย่างไร หน้าสะสวยแถมผลการเรียนเด่นทั้งยังมีมนุษยสัมพันธ์ดีอีกด้วย

        มีเพื่อนกล่าวนำพลางหัวเราะ “ได้ ให้ก็ให้คราวหน้าต้องเป็๞ฉันเลี้ยงคืน ใครก็อย่าแย่งโอกาสนี้กับฉันล่ะ!”

        คนอื่นๆ พากันเซ็งแซ่ “ผลัดกันเลี้ยงผลัดกันเลี้ยง!”

        เซี่ยเสี่ยวหลานถูกพวกเธอเย้าแหย่จนหัวเราะรื่น

        น้าหวงยินดีมากเช่นกัน มารับประทานหลายๆ ครั้งชื่อเสียงของร้านเธอจะกว้างขวางขึ้นเปิดร้านตรงนี้ก็เป็๲การมุ่งเป้าหมายว่านักเรียนของเซี่ยนอีจงจะมาใช้บริการ

        เซี่ยเสี่ยวหลานโดนเพื่อนฝูงห้อมล้อมเดินเข้า ‘น้าหวงจานด่วน’ หลังรับประทานข้าวราด ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันเหมือนจะชิดใกล้มากขึ้นเด็กสาวหนึ่งกลุ่มหัวร่อต่อกระซิกจากไปล้วนเป็๞ดวงหน้าอ่อนเยาว์สดใสเปี่ยมพลังชีวิตเขาว่ากันว่าไม่มีหญิงขี้เหร่ที่อายุสิบแปด [3] เมื่อสมบูรณ์พรั่งพร้อมด้วยชีวิตชีวายิ่งเจือความงดงามของดรุณี

        อิทธิพลของพวกเธอทำให้คนสัญจรผ่านไปมาจับจ้องอย่างต่อเนื่อง

        มีลูกค้าบางคนที่ตอนแรกไปถึงจางจี้อาหารว่างแล้ว แต่กลับถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยกลุ่มของเซี่ยเสี่ยวหลาน

        พวกเขาฝีเท้าชะงัก “ลองชิมอาหารจานด่วนอะไรนั่นดีไหม? ด้านล่างป้ายเขียนไว้ว่าข้าวผัดกับข้าวราด ได้กลิ่นหอมเชียว”

        ไม่พูดอย่างเดียว ทั้งยังเปลี่ยนทิศทางตามที่กล่าวจริงๆ เดินไปร้านน้าหวงจานด่วนแทน

        สายตามองเห็นลูกค้าที่กำลังจะเข้าร้านหลุดหายไปผ้าขี้ริ้วในมือจางชุ่ยโดนเธอดึงทึ้งจนเสียทรง

        —มีอะไรให้โกรธกันเล่า ก็แค่ลูกค้าไม่กี่คนอยากลองของใหม่เท่านั้น!

    อยู่ดีๆ เซี่ยเสี่ยวหลานก็หันหน้ามา แววตาจึงประสานเข้ากับเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มเยาะให้จางชุ่ยรอยยิ้มนั่นช่างน่าชังเป็๲ที่สุด


 

 

 

เชิงอรรถ

[1]核桃 เหอเถา คือ วอลนัต

[2]两 เหลี่ยง คือ หน่วยน้ำหนัก เท่ากับ 50 กรัม

[3]十八岁五丑女 ไม่มีหญิงขี้เหร่ที่อายุสิบแปด หมายถึง เมื่อผู้หญิงเติบโตจนอายุสิบแปดปีซึ่งเป็๲วัยสาวสะพรั่งเต็มที่ แม้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ก็ยังดูงดงามน่ามองอยู่ดี


 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้