ชั้นล่างนั้นเหลือแค่สามคนรอยยิ้มเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลียงเจิ้นเวยขณะที่เขามองฉินเฟิงและถาม“ฉินเฟิง แกอยากให้หลิงเซียนไปส่งฉันจริงๆ เหรอ? แกไม่กลัวว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือไง?”
“แกเข้าใจใช่ไหม? แกไปส่งฉันหน่อยเป็ไง?”
เมื่อเหลียงเจิ้นเวยแนะนำแบบนี้ความกังวลก็ฉายขึ้นบนใบหน้าของจ้าวหลิงเซียน เธอแอบดึงชายเสื้อของฉินเฟิงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไร ฉินเฟิงก็เดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
“ไม่ต้องห่วง หลิงเซียน ดูเหมือนว่านายน้อยเหลียงกับฉันจะคิดเหมือนกันในเมื่อมันอยากคุยกับฉัน ฉันก็จะไปเดินเล่นกับมันสักหน่อย”ฉินเฟิงยิ้มให้กับจ้าวหลิงเซียนเพื่อทำให้เธอวางใจและเดินออกจากตระกูลจ้าวไปกับเหลียงเจิ้นเวย
เขาบอกได้เลยว่าเหลียงเจิ้นเวยกำลังคิดอะไรมันอาจจะรู้แล้วว่าฉินเฟิงเป็คนฆ่าน้องชายของมัน เหลียงเซิงแถมตอนนี้ก็ได้มาเป็คู่แข่งความรักกันอีก ด้วยเหตุนี้มันคงอยากจะท้าดวลและกำจัดเขา
อย่างไรก็ตามฉินเฟิงที่สามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นสี่ได้จะกลัวเหลียงเจิ้นเวยได้อย่างไร? หลังจากเดินไกลมาหลายร้อยเมตรจากตระกูลจ้าว พวกเขาก็พบลานโล่งๆและหยุดอยู่ตรงนั้น
“ฮ่าๆๆ ฉินเฟิง พ่อชื่นชมความกล้าของแกนะดูเหมือนว่าแกจะอวดดีเกินไปในเมืองเว่ยเฉิงและไม่มีใครหาเื่ในที่ของแก วันนี้พ่อจะแสดงให้ดูเองว่าคนที่มาจากตระกูลใหญ่มันเป็ยังไงพ่อจะทำลายตระกูลฉินของแกทั้งตระกูลด้วยมือเดียว”
ความโกรธบนใบหน้าของเหลียงเจิ้นเวยหายไปนานแล้วและแทนด้วยรอยยิ้มที่มีความมั่นใจ สำหรับเขาแล้วฉินเฟิงมันเป็คนตายไปแล้วั้แ่ที่มันก้าวออกจากตระกูลจ้าวพร้อมกันกับเขา
เหลียงเจิ้นเวยเป็คนที่สองในรุ่นหลานของตระกูลเหลียงขณะที่คนที่สามคือเหลียงเซิงซึ่งเป็คนี้เี เขาจมปลักอยู่กับศิลปะป้องกันตัวและด้วยการสนับสนุนของตระกูลเหลียง เขาจึงกลายเป็ยอดฝีมือกำลังภายในขั้นสี่
การฝึกฝนลมปราณภายในจะอยู่ในหมวดกำลังภายในซึ่งจะแตกต่างจากกำลังภายนอกอยู่มาก
กำลังภายนอกจะเน้นในเื่พัฒนาร่างกายของบุคคลและเสริมสร้างพละกำลังทางร่างกาย เหมาะสำหรับการต่อสู้ระยะประชิดส่วนกำลังภายในจะเน้นในเื่ปรับสภาพลมปราณทำให้ผู้ฝึกแข็งแกร่งขึ้นโดยการฝึกพลังในตันเถียนของพวกเขาซึ่งเหมาะสมสำหรับการต่อสู้ระยะไกล
เมื่อเทียบกันแล้วการปรับสภาพลมปราณนั้นยากกว่ามาก ไม่ใช่แค่ต้องมีกำลังใจที่เข้มแข็งแต่ต้องมีพร์ที่ไม่ธรรมดาด้วยแม้ว่าเหลียงเจิ้นเวยจะเป็ยอดฝีมือลมปราณภายในขั้นสี่เขาก็สามารถเอาชนะยอดฝีมือกำลังภายนอกขั้นห้าได้
เป็ความสำเร็จที่ยากจะเห็นแม้จะในเมืองหลวงก็ตาม
“ใครๆ ก็โม้ได้ นายจะสมควรพูดได้ก็ต่อเมื่อชนะฉันก่อน”ฉินเฟิงก็รู้สึกมั่นใจมากเช่นเดียวกันแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหลียงเจิ้นเวยแข็งแกร่งประมาณไหนเขาก็เดาว่ามันคงไม่เก่งมากนัก
อย่างไรก็ตามเหลียงเจิ้นเวยหัวเราะอย่างอวดดี เขาตรวจสอบฉินเฟิงมาแล้วและเชื่อว่าเขาเป็นายน้อยอ่อนแอที่ไม่คุ้มค่าที่จะสนใจ
“แกฆ่าเหลียงเซิงใช่หรือเปล่า?” สีหน้าของเหลียงเจิ้นเวยเ็าขึ้นทันทีขณะที่กลิ่นอายทรงพลังแผ่ออกจากร่างกายความหนาวะเืนี้ทำให้ดวงตาของฉินเฟิงแคบลงและตื่นตัวทันที
ดูเหมือนว่าเหลียงเจิ้นเวยจะไม่ธรรมดา
“ติ๊ง...ระบบราชันเ้าสำราญมีภารกิจ : ฆ่าจอมยุทธ์ลมปราณภายในขั้นสี่เหลียงเจิ้นเวย!”
“ระยะเวลาภารกิจ : 24 ชั่วโมง”
“เมื่อภารกิจลุล่วงจะได้รับแต้มสำราญ 1,000 แต้มเป็รางวัลหากล้มเหลวโฮสต์จะถูกฆ่าโดยเหลียงเจิ้นเวย”
เสียงการประกาศของระบบที่ดังออกมาได้ทำลายความตึงเครียดของฉินเฟิงเขาถาม “เ้าหมูน้อยเลิกปล่อยภารกิจออกมาตอนที่บรรยากาศมันตึงเครียดสักที...แล้วก็ ไอ้หมอนั่นมันเป็จอมยุทธ์ลมปราณภายในขั้นสี่จริงดิ?”
ั้แ่เขาได้รับระบบราชันเ้าสำราญมานี่เป็ครั้งแรกที่ฉินเฟิงได้เผชิญกับยอดฝีมือกำลังภายในเมื่อคิดย้อนกลับไปตอนเฒ่าเฟิง คนที่เป็ยอดฝีมือกำลังภายนอกขั้นสี่ฉินเฟิงสงสัยว่าใครจะแข็งแกร่งกว่า
“ระบบราชันเ้าสำราญไม่มีอะไรผิดพลาดเหลียงเจิ้นเวยมีความแข็งแกร่งระดับลมปราณภายในขั้นสี่แน่นอนเมื่อนายท่านเอาชนะศัตรูที่มีพลังแข็งแกร่งกว่านายท่านก็จะได้รับจำนวนแต้มสำราญแตกต่างกันไป ยิ่งเป้าหมายฝีมือสูงส่งรางวัลก็จะยิ่งได้รับเยอะตาม”
เื่นี้ทำให้ฉินเฟิงรู้สึกราวกับกำลังเล่นเกมเสมือนจริงที่ตอนนี้กำลังเจอกับมอนสเตอร์ ยิ่งผู้เล่นฆ่ามอนสเตอร์เลเวลสูงก็จะยิ่งได้รับค่าประสบการณ์มากขึ้น
...
“ฉันฆ่ามันเอง อยากรู้ไหมว่าทำไม?” ตอนนี้ระบบราชันเ้าสำราญได้ออกภารกิจนี้ให้เขาแล้วเขาต้องฆ่าเหลียงเจิ้นเวย ไม่อย่างนั้นเขาเองที่จะโดนฆ่า
การที่บอกความลับกับคนตายว่าเขาฆ่าเหลียงเซิงมันจึงไม่สำคัญอะไร
“เพราะว่ามันสนใจในความสวยของจ้าวหลิงเซียน แต่มันดันมีความคิดต่ำช้ากับเธอเพราะอย่างนี้มันเลยต้องตาย และตอนนี้แกก็มีความคิดเหมือนกันดังนั้นแกก็ต้องตายด้วย!” ฉินเฟิงปล่อยพละกำลัง 6 เท่าซึ่งเทียบเท่าได้กับกำลังภายนอกขั้นห้าเขาไม่กังวลมากนักที่เผชิญหน้ากับเหลียงเจิ้นเวยคนที่แข็งแกร่งระดับลมปราณภายในขั้นสี่
“ฮ่าๆๆ ฉันไม่รู้ว่าแกไปเอาความมั่นใจในการฆ่าฉันมาจากไหนแต่มีสิ่งหนึ่งที่แกพูดถูกก็คือพ่อสนใจในเรือนร่างของจ้าวหลิงเซียนหลังจากฆ่าแกแล้ว พ่อจะย่ำยีเธอบนเตียงทุกคืนจนทำให้เธออยากตาย”เหลียงเจิ้นเวยเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเขาไม่ได้สนใจฉินเฟิงอย่างจริงจังเลยสักนิด
สายตาของฉินเฟิงส่องประกายความเ็าออกมาขณะที่เขาเริ่มเหวี่ยงหมัดไป
เขาะเิความเร็ว1.4เท่าและมาถึงต่อหน้าเหลียงเจิ้นเวยในพริบตา เมื่อเหลียงเจิ้นเวยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นั์ตาของเขาก็ฉายความประหลาดใจออกมา แต่มันก็สายไปแล้วที่จะหลบ
เขาเลยต้องเหวี่ยงหมัดออกไปเช่นเดียวกันและหมัดของพวกเขาก็ได้ปะทะกัน
ตูม!
เสียงะเิหนักแน่นดังออกมาฉินเฟิงใช้พลังทั้งหมดั้แ่แรก และด้วยหมัดที่มีพละกำลัง 6 เท่า เมื่อมันปะทะกัน เหลียงเจิ้นเวยจึงถูกส่งปลิวออกไป
หลังจากที่ร่วงลงพื้นสายตาของเหลียงเจิ้นเวยก็เต็มไปด้วยความตะลึงเขาไม่คิดว่าคนที่รักสนุกอย่างฉินเฟิงจะซ่อนความแข็งแกร่งไว้ขนาดนี้
จากหมัดนั้นเขาสรุปได้ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งระดับกำลังภายนอกขั้นห้าแล้ว
เหลียงเจิ้นเวยยืนขึ้นทันทีสายตาที่มีความตะลึงหายไปเป็รอยยิ้มเยาะเย้ยที่โผล่ขึ้นมาแทนขณะมองฉินเฟิงอย่างน่าสนใจ
เขาไม่าเ็เลยแม้แต่นิดเดียวหลังจากได้รับหมัดเต็มพลังของฉินเฟิงและไม่ได้กระอักเือย่างที่ฉินเฟิงคาด
นี่เป็ประโยชน์ของการฝึกกำลังภายในเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับจอมยุทธกำลังภายนอกพวกเขาสามารถใช้พลังลมปราณปกป้องร่างกายได้ แม้ว่าเหลียงเจิ้นเวยจะถูกส่งปลิวไปเขาก็ไม่าเ็เลยสักนิด อย่างมากก็แค่แผลถลอก
ฉินเฟิงมึนงงและสายตาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงหลังจากส่งให้เหลียงเจิ้นเวยปลิว เขามั่นใจว่าการต่อสู้จบแล้วเพราะแม้แต่เฒ่าเฟิงก็ยังโดนฆ่าหลังรับพลัง 6 เท่าของเขา
“ฮ่าๆๆ แกต้องอึ้งแน่ๆ ที่พ่อไม่เป็อะไรเลย”เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของฉินเฟิง เหลียงเจิ้นเวยก็หัวเราะด้วยความดีใจ“ฉันไม่เคยคิดว่าแกจะแอบเรียนวิชากำลังภายนอกแกต้องใช้วิธีนี้ทำให้ศัตรูมากมายประหลาดใจเลยใช่ไหม?”
“แต่ช่างน่าสงสารที่วันนี้แกได้เจอกับพ่อ ซึ่งพ่อได้ฝึกฝนกำลังภายในถ้าแกไม่ได้อยู่เหนือกว่าฉันหลายขุม แกชนะฉันด้วยกำลังอย่างเดียวไม่ได้หรอกดูเหมือนว่าจะหมดโอกาสแล้วนะ”
ตรงที่พวกเขากำลังยืนอยู่มีกองท่อนซุงซึ่งแต่ละท่อนหนาเหมือนกับต้นขาคนและยาวประมาณ 7-8 เมตร
เหลียงเจิ้นเวยเตะกองท่อนซุงน้ำหนักหลายร้อยชั่งทำให้มันลอยไปหาฉินเฟิง
ฉินเฟิงได้รู้ซึ้งแล้วว่ากำลังภายในของเหลียงเจิ้นเวยแข็งแกร่งแค่ไหนและไม่กล้าที่จะมั่นใจเกินร้อยอีกเขาใช้เท้าที่ทรงพลังถีบพื้นะโสูงเกือบสองเมตรในอากาศและต่อยท่อนซุงกลับด้วยพละกำลัง6เท่า หมัดของฉินเฟิงนั้นได้กระแทกใส่ท่อนซุงด้วยพลังหมัด 600ชั่ง ส่งผลให้มันลอยกลับไป
ั์ตาของเหลียงเจิ้นเวยส่องประกายความแข็งแกร่งของฉินเฟิงยังทำให้เขาประหลาดใจได้อีก เขาต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้เพราะว่าแม้แต่ในเมืองหลวงก็มีเพียงแค่หยิบมือที่จะมีคนอายุประมาณฉินเฟิงที่ถึงระดับกำลังภายนอกขั้นห้าแล้ว
เขาโคจรกำลังภายในอีกครั้งขณะที่จับท่อนซุงไว้แล้วใช้ฝ่ามือผลักออกไปขณะที่ตัวของเขาก็พุ่งไปหาฉินเฟิงด้วยเช่นกันเหลียงเจิ้นเวยเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเป็อย่างมาก ซึ่งทำให้ฉินเฟิงรู้สึกงงงวย
เมื่อเขารู้สึกตัวท่อนซุงก็ได้มาอยู่ข้างหน้าของเขาแล้ว ฉินเฟิงจึงรีบปล่อยหมัดออกไปทำลายท่อนซุง
เหลียงเจิ้นเวยผลักท่อนซุงมาไวมากและหมัดของฉินเฟิงก็ทรงพลังมากจนมันสร้างหลุมเล็กๆอย่างไรก็ตาม ท่อนซุงยาว 7-8 เมตรและพวกเขาก็ยืนอยู่คนละฝั่งของท่อนซุงมันจึงเป็ไปไม่ได้ที่ฉินเฟิงจะต่อยถูกเหลียงเจิ้นเวย
ในตอนนี้รอยยิ้มน่าขนลุกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลียงเจิ้นเวยเขาตบฝ่ามือไปที่ท่อนซุงด้วยท่าทางแปลกประหลาด ฝ่ามือของเขาดูเชื่องช้าและอ่อนแอเหมือนกับว่ามันไม่มีพลังอะไรเลย ความจริง มันดูเหมือนกับผู้หญิงที่ซบอกผู้ชายเบาๆตอนที่เธอหยอกล้อกับเขา
แม้แต่เสียงฝ่ามือที่ลงบนท่อนซุงก็ไม่มี
เมื่อฉินเฟิงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นเขารู้สึกถึงคลื่นพลังที่ผ่านมาทางท่อนซุงดวงตาของฉินเฟิงเป็ประกายขณะที่รีบถอดเกราะับินออกทันที
เขาถีบพื้นและรีบกระโจนออกไปด้านข้างอย่างเร็วที่สุด
คลื่นพลังกระทบต้นไม้เล็กๆข้างหลังที่ที่ฉินเฟิงเพิ่งยืนอยู่ และได้กระแทกเปลือกไม้แตกกระจุยกระจายฉินเฟิงใมาก แค่ตอนนี้เขาก็รู้ซึ้งแล้วว่าจอมยุทธ์กำลังภายในแข็งแกร่งขนาดไหนและตอนนี้ฉินเฟิงก็เข้าใจความหมายของ ‘ตีวัวข้ามูเา’
เหลียงเจิ้นเวยตั้งใจจะใช้ฝ่ามือที่น่ากลัวนี้ปลิดชีวิตของฉินเฟิงแต่เขาไม่เคยคาดว่าฉินเฟิงจะะเิความเร็วที่น่าเหลือเชื่อได้ถึงเพียงนี้และสีหน้าของเขาก็ได้หมองคล้ำลงอีกครั้ง
ตลอดเวลาเขาไม่เคยเอาจริงกับฉินเฟิงเพราะเขาเชื่อว่าเขาใช้เพียงแค่มือเดียวก็สามารถบดขยี้มันได้ อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าถ้าไม่ใช้ไม้ตาย เขาก็อาจจะฆ่าฉินเฟิงไม่ได้
ซึ่งนี่ทำให้เหลียงเจิ้นเวยผู้ทะนงตนรู้สึกเหมือนโดนหยามครั้งนี้เขาจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อกำจัดฉินเฟิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้