เมื่อเหล่าไท่ไท่ได้ยินเช่นนั้นก็เห็นด้วยทันทีจึงเอ่ยถามหยางมามาว่ามีคนที่เหมาะสมหรือไม่ หยางมามาจึงเสนอเหลียงซื่อภรรยาใหม่ของนายท่านสาม
ไม่กี่วันก่อน เหล่าไท่ไท่ได้รับจดหมายจากลูกชายคนที่สาม เขาขอให้ลู่เฟิงเพียวพาเหลียงซื่อและไป๋จี๋ผู้เป็ลูกชายกลับจวน ในจดหมายเขียนว่าการเขียนบทความและวรยุทธ์ รวมถึงการขี่ม้าของคุณชายจี๋พัฒนามากแล้ว แต่ทางเหนือกลับมีสำนักศึกษาดี ๆ ไม่กี่แห่ง ด้วยเหตุนี้จึงอยากส่งลูกชายเข้าเรียนที่สำนักศึกษาเฉิงซวี่
“ฝั่งสตรี” ของสำนักศึกษาเฉิงซวี่ แม้ต้องผ่านการสอบอย่างเข้มงวดจึงจะเข้าเรียนได้ แต่ “ฝั่งบุรุษ” มีเพียงเงินก็สามารถเข้าศึกษาการเรียนการสอนที่มีอย่างแพร่หลายได้ แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา ซุนเหยียนปินจากจวนตระกูลซุนในเมืองหยางโจวเป็ผู้สอบการเขียนบทความได้อันดับสองและสอบวรยุทธ์ได้อันดับสาม จึงทำให้สำนักศึกษาเฉิงซวี่มีชื่อเสียงขึ้นมาไม่น้อย เอาชนะสำนักศึกษาอิงฮุ่ยในเมืองหลวงได้อย่างราบรื่น นี่คือเหตุผลหลักที่นายท่านสามอยากส่งลูกชายเข้าศึกษาในสำนักศึกษาเฉิงซวี่
เหลียงซื่อภรรยาใหม่ของนายท่านสามอายุยี่สิบเจ็ดปี แต่งเข้าจวนตระกูลหลัวแล้วห้าปี จวบจนวันนี้ก็ยังไม่ให้กำเนิดบุตรสักคน คุณชายหลัวไป๋จี๋ลูกชายของนายท่านสามกับภรรยาเก่าอยู่กับแม่นมมาโดยตลอด เหลียงซื่อจึงไม่ได้เลี้ยงดูคุณชายจี๋ ดังนั้นหยางมามาจึงมีความคิดดี ๆ เมื่อเสี่ยวอี้เป็ไก่น้อยไร้แม่ไก่คอยปกป้องและฮูหยินเหลียงก็เป็แม่ไก่ไร้ไข่ ดูเหมือนทั้งสองจะสามารถเติมเต็มส่วนที่ขาดหายได้เสมือนฟ้าลิขิต
ขณะเหล่าไท่ไท่พยักหน้าเห็นด้วย จู่ ๆ แม่นางจีก็เคาะประตูก่อนเดินเข้ามา “มีข่าวจากเรือนหลิวหลี่ว่าต่งซื่อฆ่าตัวตาย”
“อะไรนะ ต่งซื่อฆ่าตัวตาย?” เหอตังกุยใจนหยุดเล็มผมทันที “แล้วเหตุใดมามาจึงมีเวลาว่างมาแจ้งข่าวข้าถึงเรือน เหตุใดไม่ไปช่วยป้าสะใภ้รองหารือเื่งานศพที่เมืองหยางโจว”
“เฮ้อ” หยางมามาใชั่วขณะ “แม้ต่งซื่อจะคิดฆ่าตัวตายแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เื่เป็เช่นนี้เ้าค่ะ ตามที่เฉียวชู่รายงาน จู่ ๆ นายหญิงของนางก็ไล่คนออกจากเรือนหลิวหลี่ ดับไฟในเรือนทุกดวง ไม่นานก็มีเสียงเก้าอี้ล้มดังจากในเรือน พวกนางทุกคนรีบพุ่งเข้าไปทันทีพลันพบว่าต่งซื่อแขวนคอบนคานเรือน ใบหน้าซีดเซียวราวิญญาหลุดออกจากร่างแล้ว”
“...แล้วจากนั้นเล่า?”
“จากนั้นก็ช่วยนางลงมาเ้าค่ะ”
เหอตังกุยยังคงใไม่หาย “ในเมื่อช่วยลงมาแล้ว เหตุใดยังมีเวลาว่างมาเยี่ยมเยียนข้า? เวลานี้ต่งซื่อคงกระวนกระวายใจไม่น้อย ข้าจำที่พวกท่านพูดได้ว่าเดือนหน้าตระกูลของพี่สะใภ้จะมาเยี่ยมนางที่หยางโจว พวกเราจะให้พวกเขาเห็นพี่สะใภ้หน้าซีด ลำคอเป็รอยช้ำเืได้อย่างไร?”
หยางมามาพยักหน้าติดต่อกันพร้อมปรบมือ “ใช่ คุณหนูสามกล่าวถูกแล้ว”
“มามาหมายถึง...”
“เป็เช่นนี้เ้าค่ะ” หยางมามาเอ่ยถึงต้นสายปลายเหตุ “ขณะป่วยฮูหยินน้อยคิดถึงนายน้อยจูมาก นางอยากดูแลนายน้อยจูแต่หมออูก็บอกว่าั้แ่นายน้อยจูอยู่กับคุณหนูสาม อาการก็ดีวันดีคืน ดังนั้นเหล่าไท่ไท่จึงให้ข้ามาถามท่านว่าจะยอมให้นายน้อยจูไปรักษาตัวที่เรือนหลิวหลี่สักสองวันจะได้หรือไม่?”
เหอตังกุยใช้มือสางผมพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไปรักษาตัวที่เรือนหลิวหลี่...ข้ายินดีไม่น้อย แต่พี่สะใภ้กับหลานจูจะยินดีหรือไม่นั้น พวกเราค่อยรอการตัดสินใจของพวกเขา”
เมื่อหยางมามาเห็นว่าคุณหนูสามไม่ขัดข้องจึงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “เช่นนั้นเื่นี้ก็ถือว่าตกลงแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเื่ เหล่าไท่ไท่ให้ข้ามาถามคุณหนูว่าเมื่อวานคุณหนูได้ยินอะไรหรือไม่? เื่ที่...เื่ที่เหล่าไท่ไท่กระซิบข้างหูของคุณหนูขณะดื่มชากับนักฆ่าเมื่อวานนี้”
“เอ๊ะ? เื่นั้นหรือ” เหอตังกุยเอียงศีรษะกล่าว “ข้าได้ยินว่า “กระเบื้องปูนสีเขียว” อะไรสักอย่าง ตอนนั้นข้าตื่นเต้นมากจึงคิดเพียงว่าจะยกชาอย่างไรให้มือไม่สั่น ไหนเลยจะสนใจเื่ที่เหล่าไท่ไท่พูด”
หยางมามาถอนหายใจอย่างโล่งอก “ได้ยินไม่ชัดหรือ? เช่นนั้นคุณหนูสามก็ลืมมันไปเสียเถอะเ้าค่ะ ของสิ่งนั้นก็ไม่ได้อยู่ที่กระเบื้องแล้ว”
“เ้าค่ะ ข้าจะลืมมัน” เหอตังกุยจิบชากุ้ยฮวาก่อนเอ่ยถาม “มามา จิ่วกู พวกท่านยังอยากดื่มชาอีกหรือไม่? ไม่ต้องเกรงใจ ข้าทำไว้จำนวนมาก”
ทั้งสองโบกมือปฏิเสธพร้อมกัน จิ่วกูอธิบาย “แม้มันจะมีกลิ่นหอมเตะจมูก รสชาติก็ถูกปาก แต่สองวันมานี้ข้าไม่ค่อยสบายท้องเท่าไรนักจึงดื่มมากตามคำขอไม่ได้ ต้องขออภัย”
เหอตังกุยยิ้มบาง “ท่านป้าจิ่วกูอย่าได้เอ่ยห่างเหินเช่นนั้น เป็ข้าที่ต้อนรับไม่ทั่วถึง อ๊ะ เมื่อครู่คิดจะใช้ฉานอีไปต้มน้ำชาแต่ไม่รู้ว่าเ้าเด็กคนนี้หายหัวไปที่ใดแล้ว หรือแอบไปอู้ที่ไหน เดี๋ยวข้าจะไปสั่งให้นางต้มน้ำก่อนเ้าค่ะ” เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าหยางมามาสั่งให้ฉานอีและสาวใช้คนอื่นออกไปขณะนางมาถึง ตอนนี้เหอตังกุยกำลังพูดโกหก แม้แต่ตาก็ยังไม่กะพริบ
เมื่อหยางมามาได้ยินก็กดให้นางนั่งลงพลางเอ่ย “คุณหนูสาม ท่านไม่ต้องรีบร้อน ข้ายังมีเื่อยากจะถามท่าน ไม่ได้ดื่มชาร้อนก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ”
นางถูกคำพูดของตนย้ำเตือนจนนึกถึงปัญหาขาดน้ำร้อนในเรือนเถาเหยา ขณะนางมาที่นี่ก็ได้กินน้ำร้อนน้อยครั้งมาก ทว่าคุณหนูสามผู้เป็เ้าของเรือนกลับต้องต้มน้ำอาบและดื่มตลอด่ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว หยางมามาไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เอ้อร์ไท่ไท่ดูแลห้องต้มน้ำ พวกเราจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ ทำให้เรือนเถาเหยายังต้องต้มน้ำใช้เองในเดือนที่เหน็บหนาวเช่นนี้ ถึงอย่างไรคนในเรือนก็มีไม่มาก จะดื่มก็คงไม่เท่าไรนัก ครั้งหน้าบ่าวจะจัดสาวใช้ของเหล่าไท่ไท่มาช่วยต้มน้ำสักสองคน เื่น้ำอาบ...แม้บ่าวจะไม่มีอำนาจตัดสินใจให้คุณหนูสามใช้น้ำพุร้อน แต่บ่อน้ำพุร้อนกานจิ่วของเหล่าไท่ไท่ก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เพียงเหล่าไท่ไท่ก็เหลือเฟือแล้ว เช่นนี้ดีกว่า ต่อไปบ่าวจะให้สาวใช้ตักน้ำใส่รถเข็นสองถังมาส่งที่เรือนของคุณหนูสองเวลาคือเช้าและบ่าย คุณหนูสามใช้น้ำนี้อาบดีกว่าเ้าค่ะ”
เมื่อเหอตังกุยได้ยินก็ยิ่งใ นางคิดไม่ถึงว่า์จะมอบโชคให้นางเช่นนี้ แม้นางจะรู้ว่าหูของตนไม่ได้มีปัญหาแต่ก็ถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ “วันละสองคันรถหรือ? เป็น้ำพุร้อนที่มีเพียงเหล่าไท่ไท่เท่านั้นที่ใช้ได้หรือ? มามา ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่?”
น้ำพุร้อนกานจิ่วคือน้ำพุร้อนที่ดีที่สุดในบรรดาน้ำพุสามบ่อของจวนตระกูลหลัว ทั้งยังมีน้ำไหลมากที่สุด ไม่เพียงมีอุณหภูมิและความเข้มข้นมากที่สุดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มสมุนไพรมีประโยชน์อีกหลายชนิด แม้หยางมามาจะบอกว่า “เพียงเหล่าไท่ไท่คนเดียวก็เหลือเฟือ” แต่เหตุใดจู่ ๆ นางถึงได้รับประโยชน์โดยไม่ต้องเปลืองแรงเช่นนี้เล่า? ชาติที่แล้วต่งซื่อ จ้าวซื่อ เหลียงซื่อต่างก็้าใช้น้ำพุร้อน แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นว่าใครทำสำเร็จสักคน...หรือนี่จะเป็รางวัลสำหรับนาง? ฮ่า ๆ ๆ ๆ
หยางมามายิ้มตาหยีราวพระจันทร์เสี้ยว ก่อนตบไหล่คุณหนูสามเบา ๆ หลังหยางมามาเข้ามาในห้องก็สังเกตเห็นกองเส้นผมสีดำขลับจำนวนมากบนพื้นจึงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “อ๊ะ เหตุใดจึงตัดผมออกมากมายเช่นนี้เ้าคะ ไม่เป็มงคลเอาเสียเลยเ้าค่ะ”
เหอตังกุยฝืนเอ่ยโกหก “ผมของข้ายาวจนสระลำบากจึงตัดออกครึ่งหนึ่ง แต่ตอนนี้มีน้ำร้อนให้อาบแล้ว ั้แ่นี้ต่อไปข้าจะไม่ตัดผมแล้วเ้าค่ะ”
เฮ้อ หยางมามาเวทนานางในใจ เป็ดังคำที่ว่าไว้จริง ๆ เด็กไม่มีมารดาคอยดูแลก็เหมือนต้นหญ้าไร้ค่าต้นหนึ่ง เป็เพราะน้ำร้อนไม่เพียงพอ แม้แต่เส้นผมยาวสลวยสีดำขลับก็ต้องตัดทิ้ง...อีกสองวันฮูหยินสามจะกลับมา เมื่อถึงวันนั้นต้องทำให้คุณหนูสามยอมรับแม่เลี้ยงและให้นางได้รับความรักของมารดาจากฮูหยินสามให้ได้
เมื่อหยางมามาเห็นไหล่เล็กและร่างบางของคุณหนูสามก็เห็นใจยิ่งนัก ความประทับใจที่นางมีต่อ คุณหนูสามมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังผ่านเื่เมื่อคืนก็คิดมาตลอดว่าคุณหนูสามเป็คนเงียบ ๆ และขี้ขลาด แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อเกิดปัญหาจะมีด้านแข็งแกร่ง ขณะหยางมามาเห็นทักษะขั้นเทพของมือสังหารที่สับโต๊ะออกเป็เสี่ยงจากระยะไกล นางเป็บ่าวรับใช้เก่าแก่ที่ได้เห็นโลกมานักต่อนักจึงเต็มใจที่จะตายเพื่อเ้านายที่ขาสั่นเพราะความหวาดกลัว…คุณหนูสามเป็สตรีใบหน้างดงาม ทั้งยังมีน้ำใจ มิน่าล่ะ คุณชายหนิงจึงถูกใจนาง
“เื่ค่าใช้จ่ายเบี้ยหวัดรายเดือน อาหาร เสื้อผ้าและของใช้ในชีวิตประจำวันของคุณหนูสาม” หยางมามาเอ่ยต่อ “บ่าวจะใช้ชื่อของเหล่าไท่ไท่แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับเื่นี้ ต่อไปคุณหนูก็จะไม่มีวันขาดสิ่งเหล่านี้อีก แม้เื่นี้จะไม่ได้ผ่านเอ้อร์ไท่ไท่ แม้นางจะรู้เื่นี้ในภายหลังจนไม่พอใจ แต่บ่าวเพิ่งได้ยินว่าเมื่อวานนี้เอ้อร์ไท่ไท่รีบร้อนกลับบ้านสกุลเดิม ที่แท้ก็เพราะคุณชายห้าซุนเหยียนปิงแห่งตระกูลซุนกลับมาจากทางเหนือแล้ว เขาคือคนที่ได้อันดับสองของการสอบบทความและได้อันดับสามของการสอบวรยุทธ์ ช่างยอดเยี่ยมทั้งบุ๋นและบู๊จริง ๆ ”
เหอตังกุยหันกลับไป “ได้อันดับสองของการสอบบทความและได้อันดับสามของการสอบวรยุทธ์หรือ?” น่าแปลก ชาติที่แล้วนางไม่เคยได้ยินเื่เช่นนี้มาก่อน
“อ๊ะ คุณหนูสามอย่าขยับหัวไปมาสิเ้าคะ บ่าวตัดไม่ถนัดเ้าค่ะ” หยางมามาพูดขณะถือกรรไกร “คงเป็เพราะเอ้อร์ไท่ไท่มีน้องชายที่เกิดจากภรรยาที่น่าภูมิใจจึงไม่โกรธคุณหนูสามแล้ว เดิมทีการที่ท่านมาอยู่ในเรือนของคุณหนูสี่ก็เป็จุดประสงค์ของเหล่าไท่ไท่ ไม่ใช่ความผิดของท่าน แต่การที่เอ้อร์ไท่ไท่ปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็เพราะนางมีเจตนาดี ฉะนั้นคุณหนูสามต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจนางจึงจะดี”
“เ้าค่ะ” สองมือในแขนเสื้อของเหอตังกุยบีบแน่น “ข้ากลับจวนหลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้ทักทายป้าสะใภ้รอง คิดทีไรก็เสียใจทุกที หรือข้าจะใช้โอกาสแสดงความยินดีไปทักทายป้าสะใภ้รอง?” ทุกคนในจวนต่างรู้ดีว่าซุนซื่อไม่ชอบขี้หน้าเหอตังกุย นางจำเหตุการณ์ในชาติก่อนได้เป็อย่างดี ทุกครั้งที่นางไปทักทายซุนซื่อก็จะถูกขับไล่กลับเรือน แม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เรือนฉินเป่าจัดงานน้ำชาบทกวี มีเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะดังต่อเนื่อง หลังขอให้สาวใช้คนหนึ่งไปรายงาน นางก็รอหน้าประตูเรือนกว่าครึ่งชั่วยามก็ไม่เห็นใครออกมาต้อนรับ จึงห้ามใจตัวเองไม่ได้ก่อนเข้าไปแอบมองผ่านช่องโหว่กำแพง จึงเห็นเด็กในรุ่นเดียวกันจับกลุ่มพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
ซุนซื่อสตรีกลับกลอกชั่วร้ายไม่ยอมให้นางเข้าพบ แต่กลับวิ่งไปฟ้องเหล่าไท่ไท่ว่าคุณหนูคุณชายทุกคนในจวนล้วนเคารพนาง พากันเข้ามาทักทายและเยี่ยมเยียนเป็ระยะ แม้แต่นายน้อยจูอายุไม่กี่ขวบก็ยังนำพวงดอกไม้มาเล่นกับตน มีเพียงคุณหนูอี้เท่านั้น ไม่รู้ว่าตาของนางอยู่บนหัวหรืออย่างไร แม้แต่เห็นคนก็ยังไม่รู้จักเรียก ไม่รู้จักทักทาย ทุกวันั้แ่เช้าจรดเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางมาเยี่ยมเยียนข้า เมื่อเหล่าไท่ไท่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ ต่อมาก็ไปสั่งสอนเหอตังกุยให้รู้จักนอบน้อมต่อผู้าุโกว่า หากเห็นใครก็ต้องรู้จักทักทาย พูดไพเราะกับป้าสะใภ้รองของนางให้มาก ป้าสะใภ้รองจะได้รักและเอ็นดูนางมากขึ้น
ตอนนี้เหอตังกุยเป็ฝ่ายขอไปเยี่ยมเยียนซุนซิ่อสตรีผู้นั้นก่อน ทั้งยังบอกหยางมามาเป็อันดับแรก เช่นนี้นางจะได้มีพยานบุคคลยืนยันว่านาง้าไปเยี่ยมเยียนสตรีผู้นั้นจริง ๆ
“คุณหนูสามอยากไปเยี่ยมเยียนนางหรือ?” หยางมามาขมวดคิ้วเอ่ยอย่างลังเล “รออีกสองสามวันเถอะเ้าค่ะ สองวันมานี้เอ้อร์ไท่ไท่คงต้อนรับแขกที่เข้ามาแสดงความยินดีทั้งนอกและในจวนเป็จำนวนมากแล้ว...พวกเราอย่าเพิ่งไปรบกวนนางจะดีกว่า” คำว่า “พวกเรา” ความจริงแล้วหมายถึง “คุณหนูสาม” เพียงคนเดียว
เหอตังกุยยิ้มบาง นางมักคิดว่าคนในตระกูลหลัวเมื่อชาติที่แล้วล้วนตาบอด เห็นอยู่ว่าตน “ไม่ได้รับอนุญาต” ให้เข้าเยี่ยม การไปเยี่ยมเยียนของนางถูกปฏิเสธั้แ่หน้าประตู ทว่าก็ไม่ได้หมายความว่านาง “ไม่ยอม” ไปเยี่ยมเยียน แต่พวกเขากลับตำหนินางว่าไม่เคารพป้าสะใภ้ ไม่รู้จักบุญคุณคน ที่แท้ในใจของพวกนางกลับรู้ทุกอย่างมาโดยตลอด เพียงแสร้งหลับหูหลับตาเท่านั้น เหอตังกุยเอ่ย “เช่นนั้นก็รอให้ป้าสะใภ้รองต้อนรับแขกเสร็จค่อยไปเยี่ยมเยียนนางก็แล้วกันเ้าค่ะ ตอนนี้ก็แสดงความยินดีในใจไปก่อน...จริงสิ คุณลุงซุนที่สอบได้อันดับดีทั้งบุ๋นและบู๊ผู้นั้นอายุเท่าไรเ้าคะ เขาเรียนหนังสือและฝึกวรยุทธ์ที่สำนักไหน เหตุใดจึงโดดเด่นเช่นนี้”
เมื่อเห็นว่าคุณหนูสามตัดสินใจไม่พบเอ้อร์ไท่ไท่ด้วยวิธีชาญฉลาด หยางมามาจึงพอใจมากก่อนอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียด “คุณชายห้าซุนเหยียนปินแห่งตระกูลซุน ปีนี้อายุยี่สิบสี่ปี มากกว่าคุณชายใหญ่เพียงสองปีแต่กลับก้าวหน้ากว่าคุณชายใหญ่นัก เขาไม่สนใจคำคัดค้านของคนในตระกูล ก่อนเลิกเขียนวรรณกรรมที่เป็อาชีพของเขาใน่ปีแรกและเข้าร่วมกองทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือ หลายปีที่ผ่านมา เขาสังหารศัตรูของแคว้นมากมาย ปีที่แล้วเขากลับจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ กล่าวกันว่าเขาทำงานเป็ที่ปรึกษาส่วนตัวให้ใต้เท้าเกิ่ง เรียนหนังสือในสำนักเฉิงซวี่ไม่ถึงปีก็เข้าร่วมการสอบวรรณคดีและวรยุทธ์ สามารถผ่านระดับสูงได้ในคราวเดียว นึกไม่ถึงว่าเื่นี้จะเกิดขึ้นในตระกูลของพวกเรา”
“ใต้เท้าเกิ่ง?”
“ใช่เ้าค่ะ”
“ตำแหน่งขุนนางคือตำแหน่งอะไรเ้าคะ?”
“ไม่รู้เช่นกันเ้าค่ะ” หยางมามาส่ายศีรษะพลางถามกลับ “เอ๊ะ? คุณหนูสามถามเื่นี้ไปไยเ้าคะ? ถึงอย่างไรท่านก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเป็ใคร”
เหอตังกุยรู้ว่าตนเผลอพูดจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อไม่สามารถไปเยี่ยมเยียนป้าสะใภ้รองได้ เช่นนั้นก็ถือโอกาสไปหาพี่รองเสียหน่อย ตอนนี้ลุงห้าของนางประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง นางคงตื่นเต้นอยู่บนเตียงผู้ป่วยกระมัง”
“เตียงผู้ป่วย?” หยางมามาเอ่ยด้วยความแปลกใจ แม้แต่มือที่ถือกรรไกรก็ยังหยุดชะงัก “คุณหนูรองป่วยหรือเ้าคะ? เหตุใดบ่าวถึงไม่รู้...”
เหอตังกุยแปลกใจมากกว่าเดิม “หืม? เมื่อวานข้อต่อขาของคุณหนูรองหักเพราะล้มกระแทกพื้นมิใช่หรือเ้าคะ พวกเราทุกคนก็เห็นกับตาตัวเอง มามาจะไม่รู้ได้อย่างไร”
หยางมามากระอักกระอ่วนใจชั่วขณะ ตนลืมว่าเมื่อวานนี้หลังเหล่าไท่ไท่และคุณหนูสามถูกนักฆ่าพาตัวไป คุณหนูรองก็ลุกวิ่งหนีไป ทุกคนในห้องโถงนั้นเห็นกับตาตัวเอง แต่คุณหนูสามผู้ไม่ได้เห็นเหตุการณ์กลับเชื่อว่าคุณหนูรองล้มกระแทกจนขาหักจริง ๆ คุณหนูสามเหตุใดจึงโง่เง่าเช่นนี้ คนฉลาดก็ล้วนดูออกว่านางแกล้งทำ
แต่หยางมามาไม่คิดจะบอกความจริง ประการแรก เป็เพราะตระกูลซุนมีเื่ดี ๆ ตระกูลหลัวที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซุนก็ต้องรักและดูแลพวกเขาให้มาก การมองข้ามเื่น่าอับอายและไม่เอ่ยถึงมันคงเป็เื่ที่เหมาะสมกว่า ประการที่สอง คุณหนูรองยังเป็เด็ก จะให้นางลุกขึ้นต่อสู้กับชายฉกรรจ์เหมือนเหล่าคุณชายได้อย่างไร? เอ้อร์ไท่ไท่ฝึกฝนให้นางเรียนดีดฉิน เล่นหมากรุก เขียนอักษร วาดภาพ เย็บปักถักร้อย และชงชา ไหนเลยจะเคยสอนให้นางจับดาบไปฆ่าฟันกับใคร
เดิมทีเหล่าไท่ไท่ก็โมโหอยู่บ้างแต่หลังจากการเกลี้ยกล่อมของหยางมามา อีกทั้งถึงอย่างไรนางก็เป็หลานสาวแท้ ๆ ของตน หากไม่เชื่อฟังและไม่กตัญญูก็เพียงค่อย ๆ สั่งสอนกันไป แต่สำหรับคุณหนูใหญ่หลัวไป๋อิ่งผู้เป็หลานสาวนอกสาขานั้น เหล่าไท่ไท่ยังเดือดดาลไม่หาย นางรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้เหมือนหลานสาวแท้ ๆ ั้แ่เล็กจนโต ใกล้ชิดสนิทสนมกับนางมากกว่าหลานสาวแท้ ๆ ทั้งสองคนเสียอีก ความเป็ปฏิปักษ์กับหลานสาวคนนี้เป็เพียงส่วนเล็ก ๆ ของสาเหตุ แต่สาเหตุหลักมาจากความผิดพลาดของตนที่ทำให้นางเป็โรคจนไม่สามารถแต่งงานกับใครได้มาแต่กำเนิด นางมักรู้สึกติดค้างมาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าใน่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ หลัวไป๋อิ่งจะเืเย็นและเห็นแก่ตัวถึงเพียงนั้น ไม่น่าให้อภัยจริง ๆ
อีกด้านหนึ่ง หลังหลัวไป๋อิ่งกลับเรือนอู๋ซางเมื่อครู่ก็รู้ว่าตนทำให้เหล่าไท่ไท่ไม่พอใจเสียแล้ว การอาศัยในจวนแห่งนี้ ท่านพ่อของนางก็ยุ่งมาก แม้แต่หน้าก็ยังไม่ได้พบ ท่านแม่นั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับตน ตอนนี้นางยังล่วงเกินเหล่าไท่ไท่ผู้รักและเอ็นดูนางที่สุด หลัวไป๋อิ่งนึกเสียใจภายหลังจนนั่งไม่ติด หากรู้เช่นนี้คงไม่ไปห้องโถงซินหรงั้แ่แรก ใครเป็ผู้เขียนอักษรพวกนั้นจนนำทางนางไปยังห้องโถงซินหรง? เจ็บใจนัก ตอนนี้นางสูญเสียความปรารถนาดีของเหล่าไท่ไท่ ต่อไปชีวิตความเป็อยู่ในตระกูลหลัวคงไม่เป็ดั่งทุกวันนี้แล้ว แต่การแต่งงานก็ไม่ใช่ทางออกสำหรับนาง สิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้มีเพียงสะสมเงินให้มากเพื่อใช้วางแผนในอนาคตข้างหน้า
หยางมามาไม่มีทางบอกเื่อาการาเ็ของคุณหนูรองแน่นอน ทำได้เพียงบอกให้คุณหนูสามไปเยี่ยมนางในอีกสองสามวันข้างหน้าเท่านั้น ความจริงแล้วก็ปิดบังได้เพียงไม่กี่วัน เนื่องจากอีกสองวันคุณหนูรองก็ต้องไปสำนักศึกษาพร้อมคุณหนูสาม
“คุณหนูสาม ความจริงแล้วข้าและจิ่วกูมีเื่สำคัญจึงมาพบท่าน” หยางมามานึกถึงเื่สำคัญอีกเื่จึงโยนประเด็นของคุณหนูรองออกไปก่อน นางก้มหน้าสังเกตสีหน้าของคุณหนูสามพลางเอ่ย “คุณหนูสามรู้ใช่หรือไม่ว่าคุณชายหนิงและคุณชายเฟิงจากไปเมื่อวานนี้”
สีหน้านิ่งสงบของเหอตังกุยแสดงอาการประหลาดใจเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ไปแล้วหรือเ้าคะ?”
หยางมามาไม่เห็นคำพูดใดบนใบหน้าของนางจึงเอ่ยถามตรงไปตรงมา “คุณหนูสาม คุณชายหนิงยวนผู้นั้นชอบท่านใช่หรือไม่ นอกจากค้าขายอัญมณีแล้ว ตระกูลของเขาทำอะไรอีกบ้างเ้าคะ?”
หัวใจของเหอตังกุยเต้นรัวทันใด หรือคนผู้นั้นจะผิดสัญญาแล้วไปพูดบางอย่างกับเหล่าไท่ไท่ก่อนจากไป? หรือเขาพบว่าเข็มพิษคราวที่แล้วไม่มีอยู่จริง เป็เพียงเื่โกหกของนาง ดังนั้นจึงเดือดดาลจนอยากทำลายชื่อเสียงของนางเพื่อไม่ให้แต่งงานกับคนดี ๆ ในอนาคต?
“ฮ่า ๆ หนิงยวนหรือ?” เหอตังกุยกำหมัดแน่นทันที “คุณชายหนิงผู้นั้นเคยถ่ายทอดกำลังภายในรักษา “โรคความจำเสื่อม” ให้แก่ข้า คราวที่แล้วเหมือนได้ยินเขาบอกว่าเขาประทับใจการต้อนรับแขกของตระกูลเราไม่น้อย ไม่เพียงข้าเท่านั้น แต่เขายังชอบท่านยายและคุณชายเว่ยอีกด้วย เื่ที่ตระกูลเขาทำการค้าขายใดนั้น...มามาท่านลืมไปแล้วหรือ ข้าจะไปรู้เื่นั้นได้อย่างไร”
“คุณหนูสามดูสิ่งนี้” หยางมามาหยิบม้วนภาพที่จิ่วกูถือในมือตลอดเวลากางออกช้า ๆ พลางเอ่ยถาม “เห็นได้ชัดว่าคนในภาพนี้คือท่าน มุมของภาพวาดนี้คือบทกวี “หงเฉิงจื่อ” ซึ่งเป็กลอนรักที่มีชื่อเสียงใช่หรือไม่?”
……
“เ้าว่าอะไรนะ?” ิรื่อเอ่ยถามิเยวี่ยด้วยความเดือดดาล “เ้านายของพวกเรามอบจี้หยกหลงชิงให้แก่สตรีเด็กปีศาจผู้นั้นหรือ? นั่นเป็สมบัติของราชวงศ์ หากอยู่ในมือผู้อื่นจะเกิดเื่ร้ายใดบ้าง?”
“ชู่ เ้าเบาเสียงหน่อย” ิเยวี่ยตบอีกฝ่ายพลันพูดเสียงเบา “นายท่านรักษาตัวอยู่ด้านใน หากได้ยินเื่ปีศาจสตรีอะไรนั่นอาจวิ่งออกมาถามก็เป็ได้ มันจะไม่ทำให้เื่ที่เ้าพาทหารไปล้อมตระกูลหลัวรั่วไหลหรือ?”
“เฮอะ ทำคนเดียวก็ต้องรับคนเดียว ข้ากล้าทำจึงไม่กลัวว่าท่านอ๋องจะรู้หรือไม่” ิรื่อแค่นเสียงเ็า “ิเยวี่ย เ้ากลับไปเมืองต้าหนิงทำตามคำสั่งของท่านอ๋อง กักบริเวณของซ่งโหยว อีกเื่หนึ่ง อ๋องจินจูเจิน้าให้เซี่ยเฉียวเฟิงน้องสะใภ้ของเขาซึ่งเป็ลูกสาวคนรองของขุนนางขั้นสามโหยวผิงเป็ชายาของท่านอ๋องหนิง เ้าไปเจรจาเื่นี้กับท่านอ๋องจินก่อนเถอะ ข้าไม่วางใจหากปล่อยให้นายท่านรักษาตัวที่นี่คนเดียว ไม่แน่เขาอาจกลับไปหาสตรีเด็กปีศาจผู้นั้นอีก ข้าจะอยู่ที่นี่จับตาดูท่านอ๋องไว้”
ิเยวี่ยพยักหน้า “ได้ พวกเ้าระวังตัวด้วย ภายในครึ่งเดือนนี้ข้าจะจัดการเื่ทั้งหมดในเมืองต้าหนิงให้แล้วเสร็จ แล้วพาคุณชายฉางมาหาพวกเ้าที่นี่”
“เ้าก็ระวังตัวด้วย รักษาตัวให้ดี”
“ดูแลตัวเองด้วย”
เพื่อนตายทั้งสองสบตากันเป็เวลานานก่อนกอดลา จูฉวนที่รักษาตัวในห้องลับไม่รู้ว่าลูกน้องเลือกพระชายาเซี่ยเป็ชายาของตนไปเสียแล้ว เดิมทีไม่กี่เดือนก่อนเขาก็คิดวางแผนผูกมิตรกับอ๋องจิน ตอนนี้ลูกน้องของเขาจึง้าแก้ไขปัญหาคาใจนี้ทันที เหตุการณ์นี้จะต้องทำให้เขาทั้งใและดีใจในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาที่ใจเขา้าในตอนนี้ก็เคียดแค้นเขาเสียจนอยากฉีกรูปที่เขาวาดกับมือออกเป็ชิ้น ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้