ขณะที่พูดชายผมยาวก็กระโจนเข้าหาฉินเฟิง สำหรับเขาแล้วนายน้อยอ่อนแอคนนี้ยังวางท่าจนเคยชินแม้ว่าจะอยู่ในนี้เขาจึงต้องฝึกสอนมันให้รู้สำนึก
เมื่อเห็นชายผมยาวเข้ามาหาเขาอย่างกราดเกรี้ยวสีหน้าของฉินเฟิงไม่ได้เปลี่ยนเขายืนอยู่บนพื้นและไม่ได้ขยับจนกระทั่งหมัดของชายผมยาวกำลังจะมาถึงจมูกของเขา
ฉินเฟิงจึงค่อยต่อยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
หมัดนี้ฉินเฟิงใช้พลังแค่4เท่าของคนธรรมดาต่อยเข้าจมูกของชายผมยาวได้อย่างแม่นยำทำให้ชายผมยาวโดนส่งปลิวไปพร้อมกับดั้งหักเืไหลนอง
ชายผมยาวกระแทกลงกับพื้นด้วยเสียงดังตึง
ความเอะอะนี้ทำให้คนอื่นในคุกหันมามองสีหน้าของพวกเขาใเมื่อได้เห็นชายผมยาวนอนสลบอยู่บนพื้น
ฉินเฟิงลงมือรวดเร็วมากและไม่มีใครมองเห็นการโจมตีของเขา ตอนที่พวกเขาหันมาก็เห็นแค่ชายผมยาวนอนจมกองเืและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายที่ดูอ่อนแอสองคนทำท่าเหมือนกับเห็นผีและเริ่มสั่นกลัว
ชายมีรอยสักอีกสองคนคนหนึ่งหัวโล้น และอีกคนมีรอยสักหมาป่าอยู่ที่แขนพวกเขารู้สึกไม่ค่อยพอใจเพราะพวกเขาไม่ได้สนุกกับฉินเฟิงในคืนนี้
แต่พวกเขาก็ต้องใมากหลังจากที่เห็นฉากพลิกผันนี้
อย่างไรก็ตามในไม่ช้าชายหัวโล้นก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายผมยาวต่อสู้เก่งที่สุดในสามคนนี้ขณะที่ฉินเฟิงมองดูเหมือนหนุ่มสำอางอ่อนแอชายหัวโล้นเดาว่าฉินเฟิงอาจจะเล่นทีเผลอและจัดการกับเขา
“เฮ้ย แกกล้าลอบกัดไอ้ผมยาวเหรอ? แกอยากตายเหรอวะ?รีบโค้งคำนับ 3 ทีเดี๋ยวนี้ไม่งั้นพ่อจะฆ่าแก”
ชายหัวโล้นไม่รีบจัดการกับฉินเฟิงไม่ใช่เพราะเขากลัวฉินเฟิง แต่เพราะชายผมยาวยังไม่รู้สึกตัวทำให้เขาสามารถเล่นกับฉินเฟิงคืนนี้แทนได้
เขาไม่ได้มีประสบการณ์กับผู้ชายที่ดูดีละเมียดละไมอย่างฉินเฟิงมาสักพักแล้วดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำร้ายฉินเฟิงให้มากนัก แม้ว่าเขาจะอัดมันเขาก็จะทำหลังพึงพอใจแล้ว
“ในคุกนี้มีคนบ้าเยอะจัง นายก็อยากเป็เหมือนมันด้วยเหรอ?” ฉินเฟิงกล่าวพร้อมกับยิ้มบางๆ
“เวรเอ๊ย ไอ้หนู แกไม่รู้จักของดีซะแล้ว ข้าให้โอกาสแกแล้วแต่แกไม่เอาเองงั้นพ่อจะตื้บแกให้ตาย!” ในขณะที่พูด ชายหัวโล้นก็วิ่งเข้าหาอย่างดุร้าย
ฉินเฟิงยิ้มและส่ายหัวก่อนจะเตะเบาๆ ส่งให้ชายหัวโล้นกระเด็นลอยไปอีกคนหัวของเขากระแทกกำแพงและสลบเหมือดทันที
แม้คนอื่นจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายผมยาวแต่ทุกคนเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายหัวโล้น
ชายรอยสักรูปหมาป่าตรงแขนที่เหลืออยู่รู้สึกเข่าอ่อนเขาทะเลาะวิวาทมาอย่างโชกโชน แต่มันเป็ครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนที่แข็งแกร่งแบบนี้ฉินเฟิงอัดคนเหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามราวกับตบยุง
แม้ว่าเขาจะกลัวฉินเฟิงอยู่ลึกๆแต่ภายนอกเขาก็ยังแข็งกร้าว เขาสั่นเล็กน้อยขณะที่พูดว่า “พะ...พ่อจะบอกอะไรให้นะพ่อคนนี้เรียนศิลปะป้องกันตัวมาก่อน ถ้าแกไม่เชื่อฟังพ่อ...”
ฉินเฟิงทนดูชายที่พยายามวางท่าอวดเก่งขณะสั่นไปด้วยไม่ไหวก่อนที่ชายคนนั้นจะพูดจบ ขาของฉินเฟิงก็กวาดออกมา เช่นเดียวกับชายหัวโล้นชายรอยสักหมาป่าก็บินไปในอากาศและหัวโขกกำแพงสลบไป ณ จุดนั้น
นี่เป็การต่อสู้3ต่อ 1 ที่ดูเหมือนยังไม่ทันเริ่มก็จบลงแล้ว
ชายอีก3คนที่นั่งบนพื้นมองฉินเฟิงด้วยสีหน้าประหลาด
โดยเฉพาะชายที่ดูอ่อนแอ2คนนี้ พวกเขากลัวมากจนสั่นไม่หยุด
อย่างไรก็ตามในแววตาของชายที่ใบหน้าดูตากแดดตากฝนพลันสว่างขึ้นมาเขามองฉินเฟิงอย่างสนใจมากขึ้น
“พะ...พี่ชาย ผมชื่อหม่าน้อย ผมจะนวดและทำความสะอาดคุกให้ได้โปรดอย่าตีผมเลย”
“พะ...พี่ชาย ผมชื่อหยวนน้อย ผมก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกัน อย่ากระทืบผมเลยผมจะทำทุกอย่างที่พี่้า” ชายดูอ่อนแอ 2 คนคุกเข่าต่อหน้าฉินเฟิง
พวกเขามักจะโดนกดขี่ข่มเหงโดยชายมีรอยสักทั้ง3อยู่บ่อยครั้ง และไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามาด้วยพวกเขากลัวมากจนใบหน้าเริ่มซีดขาว พวกเขากลัวมากจนคิดอยากตาย
พวกเขาทั้งคู่เศร้าสลดเหมือนกับว่าทำไมชีวิตของเขาต้องยากลำบากขนาดนี้ด้วย
ฉินเฟิงมองดูชายทั้งสองพร้อมกับส่ายหัวและเมินพวกเขาเขาเดินไปหาชายที่มีใบหน้าหยาบกร้านและนั่งลงข้างๆ เขา
“ทำไมคุณไม่ขอร้องผมเหมือนพวกนั้นล่ะ?” ั้แ่ที่ฉินเฟิงเข้าห้องขังมาเขาสนใจชายวัยกลางคนคนนี้ เขาดูแก่เหมือนกับพ่อของเขาและใบหน้าก็กร้านราวกับว่าเห็นอะไรในชีวิตมามาก
ชายคนนั้นไม่ตอบคำถามของฉินเฟิงแต่ถามเขาแทน “ชื่ออะไร?”
หลังจากจ้องมองด้วยความแปลกใจสักพักฉินเฟิงก็ตอบตามความจริง “ฉินเฟิง”
สีหน้าใปรากฏบนใบหน้าของชายคนนั้นขณะสายตาที่บุ๋มลึกฉายแววขึ้นมาเขาจ้องฉินเฟิงไม่กะพริบขณะที่ถามว่า “ตระกูลฉินในเมืองหลวง?”
ฉินเฟิงระมัดระวังทันทีเพราะปู่ของเขาถือครองอำนาจของตระกูลฉินในเมืองหลวงเป็เหตุผลว่าทำไมตระกูลฉินในเมืองเว่ยเฉิงถึงมีอิทธิพลมากนัก
หลังจากลังเลสักครู่หนึ่งฉินเฟิงส่ายหัวและตอบ “ตระกูลฉินในเมืองเว่ยเฉิง”
“ตระกูลฉินในเมืองเว่ยเฉิง?” หลังจากได้ยินเื่นี้ชายดังกล่าวก็ตกอยู่ในความเงียบสักพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับ “พ่อเ้าคือฉินหวง?ปู่เ้าชื่อฉินซื่อเทียน?”
ดวงตาของฉินเฟิงประหลาดใจมันไม่ใช่เื่ใหญ่ที่ชายคนนี้จะรู้จักพ่อของเขาเนื่องจากเขามีชื่อเสียงมากอยู่แล้วในเมืองเว่ยเฉิงทว่าตระกูลฉินในเมืองหลวงนั้นลึกลับมาก แม้แต่ฉินเฟิงเองยังไม่รู้มากนัก
ผู้ชายคนนี้จะเรียกชื่อพ่อของเขาและปู่ที่ลึกลับของเขาโดยไม่ตั้งใจได้อย่างไร? เขาดูเหมือนรู้จักตระกูลฉินอยู่ไม่มากก็น้อยฉินเฟิงค่อนข้างแปลกใจขณะที่ถามเขา “คุณรู้จักผมเหรอ? คุณมีความเกี่ยวพันอย่างไรกับตระกูลฉินของผม?”
ชายดังกล่าวถอนหายใจออกมายาวๆราวกับว่าปลดจากภาระ
เขาเอื้อมมือไปที่กระเป๋ากางเกงและควานหารอบๆสักพักหนึ่งก่อนจะหยิบเอากล่องไม้เล็กๆ และส่งมันให้กับฉินเฟิง “รับนี่ไปและรักษามันให้ปลอดภัยมันจะช่วยตระกูลฉินของเ้าเมื่อตระกูลฉินเผชิญกับภัยพิบัติใหญ่”
หลังจากเห็นว่าชายดังกล่าวค้นในกระเป๋าสักพักเพื่อเอากล่องไม้ที่ดูซอมซ่อออกมาฉินเฟิงจึงอดไม่ได้ที่จะดูแคลนมัน เมื่อเขากำลังจะปฏิเสธเขาก็ได้ยินคำพูดของชายดังกล่าว ซึ่งทำให้คิ้วที่เหมือนดาบต้องขมวดกัน
“มันคืออะไร?” ฉินเฟิงหยิบกล่องไม้สีดำเขากำลังจะเปิดมันแต่ชายคนนั้นก็จับมือของเขาทันที
มือของชายคนนั้นเต็มไปด้วยแผลเป็และเหมือนกับคีมมันจับมือของฉินเฟิงแน่นและแม้ว่าฉินเฟิงจะพยายามใช้แรงทั้งหมดเพื่อดิ้นหลุดออกจากมัน แต่มันก็ไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว
ทันใดนั้นฉินเฟิงก็รู้สึกตกตะลึงมาก เขามีพละกำลังมากกว่าคนธรรมดา 6 เท่า และค่อนข้างมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเขาเอาชนะคู่ต่อสู้ทุกคนที่เขาเผชิญ
อย่างไรก็ตามต่อหน้าชายลึกลับผู้นี้ ฉินเฟิงรู้สึกว่าเขาไม่มีแรงแม้แต่จะตอบโต้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้