“พี่รอง ก็ข้าไม่ได้ตั้งใจนี่” โอวหยางเทียนหลานรู้อยู่แล้วว่า หากพูดเื่นี้ออกไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คือคนผิด แต่ว่า เขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ให้อยากพูดออกไปว่า ตนนั้นทั้งอัดอั้นตันใจ และทุกข์ตรมเพียงใด “หากว่าอวิ๋นเซ่าหลันผู้นั้นเป็สตรีที่อ่อนโยนดั่งสายน้ำก็ช่างเถิด ข้าย่อมยินยอมแน่ ทว่า ความเป็จริงตัวนางนั้นเป็สตรีที่ดุร้ายไม่ต่างจากอันธพาลผู้หนึ่ง อีกทั้ง ข้ายังเคยได้ยินมาว่า เมื่อสามปีก่อนนางเคยชอบพอพ่อค้าผู้หนึ่ง จึงยอมทำทุกวิถีทางอย่างเอาเป็เอาตายเพียงเพื่อจะได้แต่งให้ผู้อื่น”
จวินเหยียนที่กำลังดื่มสุราอยู่ถึงกับเกือบจะสำลัก เมื่อสามปีก่อนชอบพอพ่อค้าผู้หนึ่งหรือ หรือคนที่ว่านั่นจะหมายถึงเขา?
อวิ๋นซีเห็นท่าทางสามีตนเป็เช่นนี้ก็ได้แต่ปรายตามองไปทีหนึ่ง ในใจก็พอจะเดาได้ว่า บุรุษในตอนนั้นที่สตรีนางนี้วางยาคือใคร หึหึ สตรีตระกูลอวิ๋น อวิ๋นเซ่าหลันหรือ? แม่นางที่ติดตามท่านย่าอยู่ที่บ้านเดิมมาั้แ่เล็กจนโต ในกาลก่อนนั้นเื่นี้อวิ๋นซีเองก็เคยได้ยินอยู่บ้าง เพียงแต่ยังไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้า มิคาดคนจะมีประวัติข้องเกี่ยวกับเหล่าเชื้อพระวงศ์อยู่ด้วย ไม่ว่าอย่างไรในอดีต แม้บุรุษที่อีกฝ่ายชมชอบจะเป็ฉินเหยียน แต่ในความเป็จริงคนคนนั้นก็คือท่านอ๋องแห่งราชวงศ์
นอกจากนี้ แค่อาบน้ำก็มีโอกาสได้พานพบองค์ชายสี่ ดูท่าคนคงถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องแต่งเข้าตระกูลโอวหยาง อวิ๋นซีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะพูดว่า “จู่ๆ ข้าก็มีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง หากว่าอวิ๋นเซ่าหลันเป็ดังที่ท่านว่าจริงๆ ไม่แน่นะ นางอาจจะไล่ตามท่านมาถึงดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ก็เป็ได้”
เมื่อโอวหยางเทียนหลานได้ยินแล้วก็มองนางด้วยสายตาเคลือบแคลง “พี่สะใภ้รอง ท่านอย่าทำให้ข้าใสิ ตอนนี้ข้าทนรับกับความใไม่ไหวแล้ว”
“เป็แค่การคาดเดา แค่การคาดเดาของข้าเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่ท่านควรทำเป็อย่างแรกคือการคิดหาวิธีรับมือกับทางฝั่งฮ่องเต้มากกว่า มิเช่นนั้น ในวันหน้าความเป็อยู่ของท่านอาจไม่ได้ดีนัก หรือหากคิดกลับไปเมืองหลวง ก็ไม่แน่ว่าตัวท่านอาจเป็ที่หัวเราะเยาะของคนทั้งใต้หล้าด้วยเื่นี้อยู่”
“ข้าไม่กลัวเื่พรรค์นั้นหรอก ตอนนี้ข้าคิดเพียงอยากจะอยู่ที่นี่ กินดี อยู่ดี เที่ยวให้สนุกอยู่กับทั้งพี่รองและพี่สะใภ้รอง” เมืองหลวงนั้นเปรียบเสมือนเป็กรงขัง ดังนั้น เมื่อได้ออกมาแล้ว หากคิดจะเดินกลับเข้าไปอีก ก็คงไม่ต่างจากการรนหาความทุกข์ใส่ตนเองแล้ว
ภายในเรือนชั้นสาม ณ บริเวณที่ไม่มีคนพักอาศัยอยู่นานแล้ว
หยวนอวี่จดจ้องชิวิที่พาตนมายังที่แห่งนี้ นางมองเขาด้วยดวงตาวาวน้ำ พูดเสียงเบา “พี่ชิว ท่านทำข้าใแล้ว”
เมื่อชิวิได้ยินคำว่า ‘พี่ชิว’ จากปากนาง ทั่วร่างพาลให้สั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็กุมมือหยวนอวี่ไว้แล้วถามเสียงเบา “น้องอวี่ เกิดเื่อันใดต่อเ้าหรือไม่? เหตุใดจึงต้องมาที่นี่ ในตอนที่ข้าทราบข่าวก็ทำเอาใแทบแย่ ดีที่ข้าได้เห็นกับตาว่าเ้าไม่เป็อันใด”
เมื่อหยวนอวี่ได้ฟังถ้อยคำเป็ห่วงเป็ใยของชิวิ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงทันที “พี่ชิว เป็ข้าเองที่้ามา ข้า...” นางที่กำลังคิดจะพูดต่อไป จู่ๆ ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับเพิ่งค้นพบว่า คนตรงหน้านี้ช่างหล่อเหลาเหลือเกินคลับคล้ายกับคนในดวงใจผู้นั้นของนาง ทั้งยังรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง ฉับพลันนั้นมือนางก็คว้ากอดเข้าที่ลำคอของชิวิ พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “เหตุใดท่านจึงต้องมองข้าเช่นนี้ เป็เพราะตัวข้างดงามใช่หรือไม่? ”
ชิวิมองหยวนอวี่ที่จู่ๆ ก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน เขาอึ้งงันไปเล็กน้อยด้วยรู้จักนางมานาน ทั้งยังมีใจให้นางมาเนิ่นนาน นี่นับเป็ครั้งแรกที่ได้เห็นนางรุกเช่นนี้ แม้เขาจะรับรู้ได้ว่าเื่นี้ผิดไปจากปกติ แต่เขาก็ไม่คิดอยากจะพลาดโอกาสนี้ไป จึงโอบเอวนางไว้แล้วพูดเบาๆ “งาม น้องหยวนอวี่เป็คนที่งดงามที่สุด”
ชิวิมองดูหยวนอวี่ที่มีท่าทีกระตือรือร้น และดูเร่าร้อนเพียงนี้ สติสัมปชัญญะคืออะไร หรือขนบที่ว่า ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกันคืออะไร เื่ทั้งหมดนี้เขาล้วนไม่สนใจแล้ว
เพียงไม่นาน ในเรือนแห่งนั้นก็มีเสียงที่ชวนให้คนฟังเป็ต้องอับอายเล็ดลอดออกมา เตี๋ยอีกับอิ๋งอิ๋งที่เฝ้าอยู่ด้านนอกประตูเมื่อได้ยินเสียงนี้เข้า สมองของสาวใช้ข้างกายก็รู้สึกเหมือนถูกบางสิ่งทำให้ะเิออกก็ไม่ปาน คนทั้งสองดึงสติกลับมาได้ และรีบรุดเข้าไปภายในเรือนนั้น สุดท้ายจึงได้เห็นความบ้าคลั่งที่กำลังเกิดขึ้นในศาลาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
อิ๋งอิ๋งคิดจะร้องะโ แต่กลับถูกเตี๋ยอีปิดปากไว้และลากตัวออกไป คนทั้งสองนั่งลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เป็อย่างยิ่ง ขณะนั้นอิ๋งอิ๋งได้แต่อุดปากตนเองไว้ด้วยสีหน้าตื่นใ และเป็นานกว่านางจะเรียกสติตนให้กลับมาได้ จากนั้นจึงถามเสียงเบาพลางมองไปทางเตี๋ยอีที่เป็คนเ้าแผนการ “ทำอย่างไรดี? ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี? ” จวิ้นอ๋อง้าให้เสี้ยนจู่แต่งให้หานอ๋อง ทว่าตอนนี้คุณหนูของนางกลับกำลังเสียตัวให้ชิวซื่อจื่อ เหตุใดทุกสิ่งถึงเป็เช่นนี้ไปได้
“อิ๋งอิ๋ง ตัวข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรต่อไปดี”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ นางก็อดมองไปยังอิ๋งอิ๋งที่อยู่ข้างกายไม่ได้ “อิ๋งอิ๋ง ยามนี้คุณหนูของเราไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว หมดกัน หมดกัน หากว่าจวิ้นอ๋องทราบเื่นี้เข้า พวกเราต้องโดนตีจนตายแน่”
เมื่ออิ๋งอิ๋งได้ยินก็รีบพูดขัดโดยไม่ทันยั้งคิด “ไม่ ก่อนหน้านี้คุณหนูได้มอบกายให้รัชทายาทไปแล้ว”
เมื่อพูดจบ ดวงตาของอิ๋งอิ๋งก็เบิกกว้าง “เมื่อครู่ข้าพูดอันใดออกไป”
เตี๋ยอีส่ายหน้า นางรู้เพียงว่าตอนนี้ความคิดในหัวตนตีกันวุ่นวายไปหมด ทั้งยังรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย ์ คุณหนูของนางได้มอบกายให้รัชทายาทไปแล้ว ทว่า หากเป็เช่นนั้นจริง แล้วเหตุใดคนจึงต้องถ่อมาถึงแดนตะวันตกเฉียงเหนือนี้ มิหนำซ้ำยัง้าจะแต่งให้องค์หานอ๋องอีก?
“เตี๋ยอี ข้าขอเตือนเ้า เมื่อครู่นี้เ้าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น และพวกเราไม่ได้รู้เห็นเื่ใดทั้งสิ้น รู้หรือไม่? ” อิ๋งอิ๋งพยายามข่มจิตใจตนให้สงบลง ก่อนจะมองเตี๋ยอีด้วยสายตาเ็า ใช่แล้ว ความบริสุทธิ์ของคุณหนูแท้จริงไม่ได้มีอยู่นานแล้ว ดังนั้น ในเมื่อเป็เช่นนี้ตัวนางยังจะต้องเป็กังวลอันใดอีก?
ตอนที่ออกจากเมืองหลวง คุณหนูตนก็ได้พูดไว้แล้วว่า เื่เหล่านี้คนย่อมมีความคิดเป็ของตัวเอง เมื่ออิ๋งอิ๋งคิดมาถึงตรงนี้ ใจนางก็ให้สงบนิ่งขึ้นมาก
เตี๋ยอีมองไปยังอิ๋งอิ๋งที่ยามนี้ใบหน้าแดงก่ำ ชั่วขณะนั้นนางรู้สึกคล้ายตนจวนจะเป็บ้าแล้ว คุณหนูทำเช่นนี้ได้อย่างไร? คนเป็ถึงเสี้ยนจู่ เป็ว่าที่ลูกสะใภ้ที่ฮองเฮาให้ความสำคัญที่สุด
ถึงกระนั้นเื่หนึ่งที่สองสาวใช้ยังไม่รู้ก็คือ เื่ที่พวกนางคิดจะปิดบังนี้ได้ลอยไปถึงหูจวินเหยียนและอวิ๋นซีภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม และในตอนนี้เองที่อวิ๋นซีพูดเปรยๆ ไปประโยคหนึ่งด้วยท่าทีคล้ายไม่อยากจะเชื่อ “เป็คนสองคนที่บ้าคลั่งกันจริงๆ ”
“เ้าเล่นตุกติกอันใดหรือเปล่า? ” จวินเหยียนยิ้มถาม เพราะเขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าคนสองคนที่เดิมทีมีท่าทีปกติ จู่ๆ จะกลายเป็พวกบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้...
อวิ๋นซีส่ายหน้า “ท่านอ๋องทรงใส่ร้ายหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันหาได้เล่นตุกติกอันใดไม่” อันที่จริงก็แค่ใส่อะไรบางอย่างลงไปในอาหารของคนทั้งสองก็เท่านั้น และหลังจากนั้นในวันหน้าๆ ขอแค่คนทั้งสองได้เข้าใกล้กันก็จะเกิดความปรารถนาอันลึกซึ้งและบ้าคลั่งเช่นนี้อีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้