ไม่ว่าอย่างไรอำนาจปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีย่อมต้องตกอยู่กับนางอีกครั้ง ถึงตอนนั้นซูเฟยซื่อคงไม่มีโอกาสได้ัักับเื่เหล่านี้อีก
เห็นประกายในดวงตาของนางแซ่หลี่เปลี่ยนไปมา ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเ็าในใจ
เป็นางแซ่หลี่ที่กำลังเพ้อฝัน คาดหวังเื่ตลกจากซูเฟยซื่อ ชาติที่แล้วขณะที่นางยังเป็ฮองเฮาก็สามารถปกครองทั้งวังหลังเป็ระเบียบเรียบร้อย ไม่ต้องพูดถึงจวนอัครมหาเสนาบดีเล็กๆ นี่
กล่าวไปสำหรับนาง นี่แทบจะเป็ของว่างจานน้อย
“แม่ใหญ่ วาจาของท่านพ่อ ท่านก็ได้ยินแล้ว ท่านควรใช้เวลานี้พักผ่อนดีๆ เถิด เกี่ยวกับสัญญาขายเหล่าคนรับใช้ หากยังมีกุญแจบัญชี ก็ขอให้แม่ใหญ่สั่งคนนำมาให้ข้าที่สวนปี้หวินในภายหลัง” ซูเฟยซื่อหยักริมฝีปากยิ้มทันที
ท่าทางมั่นใจแบบนั้น แทบเป็การตบหน้านางแซ่หลี่ แต่ในเมื่อซูเต๋อเหยียนเห็นด้วยแล้ว นางจะพูดอะไรได้อีก
ตอนนี้ตำแหน่งของนางในตระกูลหลี่เทียบไม่ได้กับแต่ก่อนแล้ว คราวนี้นางคงทำได้เพียงอดทนเท่านั้น
นางแซ่หลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ ฝืนกลั้นความโกรธในก้นบึ้งหัวใจไว้ “ดี อีกสักพัก ข้าให้คนส่งไปให้เ้า”
เห็นนางแซ่หลี่ยังนับว่าน่ารักเชื่อฟัง ซูเต๋อเหยียนจึงโบกมือน้อยๆ “พอแล้ว เื่นี้ก็นับว่าจัดการได้สักที จริงสิเฟยซื่อ ทำไมหมอหลวงยังไม่มาอีก?”
ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจการต่อสู้ชนิดปากหวานก้นเปรี้ยวระหว่างผู้หญิงแบบนี้ คงเพราะเห็นมานานจนแสนจะเบื่อหน่าย จึงทำให้เขาสามารถเดาได้แปดเก้าส่วนว่าความจริงคืออะไร
เพียงแต่ทั้งนี้นางแซ่หลี่เป็มารดาแท้ๆ ของซูจิ้งโหยว เขาจึงไม่อาจทำอะไรกับซูเฟยซื่อ ซึ่งเป็บุตรสาวที่ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นคนหนึ่งได้
ครั้งนี้ให้นางแซ่หลี่มอบอำนาจการปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีแก่ซูเฟยซื่อ ก็นับว่าเป็การลงโทษเล็กน้อยสำหรับความผิดมหันต์ครั้งนี้
ทว่าตอนนี้ที่เขากังวลที่สุดยังเป็ยาพิษในร่างกาย แม้ว่าเมื่อครู่หมอจะถอนพิษออกไปแล้ว แต่หมอพื้นบ้านกับหมอหลวงจะเทียบกันได้อย่างไร เขายังคงรอหมอหลวงมาวินิจฉัยให้แน่ใจเสียก่อน จึงจะวางใจลงได้
ซูเฟยซื่อค่อยๆ ฝืนยิ้มออกมา “ท่านพ่อ เมื่อเฟยซื่อได้ยินว่าเกิดเื่กับท่าน ก็ร้อนใจกังวลแทบตาย ที่บอกว่าเชิญหมอหลวงมาก็เพราะข้า้าจะหลอก ให้หมอคนนั้นยอมเปิดปากพูดความจริงเท่านั้น”
เมื่อท่านหมอกับนางแซ่หลี่ได้ยินวาจานี้ ก็แทบลมจับ อะไร? นี่นางหลอกพวกเขางั้นหรือ!
นางแซ่หลี่ทั้งปวดใจ ทั้งปวดหัว ไม่คิดว่าคำโกหกคำหนึ่งของซูเฟยซื่อจะทำลายแผนการของนางลงได้อย่างง่ายดาย
ล้วนต้องโทษไอ้หมอโง่คนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาใคำข่มขู่ของอีกฝ่าย นางก็คงไม่สูญเสียอำนาจการปกครองไปง่ายๆ เช่นนี้
สูญเสียคราวนี้ ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะมายืนที่ตำแหน่งนี้ได้อีก
“ท่านหมอ ข้าจะให้โอกาสเ้าได้แก้ตัว สร้างผลงานชดเชยความผิดพลาดครั้งนี้ เ้าจงดูแลสุขภาพของท่านพ่อโดยเฉพาะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับท่านพ่อ ชีวิตคนทั้งตระกูลเ้าจะต้องชดใช้” ซูเฟยซื่อกล่าวเสียงเย็น
“ขอรับๆ ๆ” หมอรีบพยักหน้าสุดชีวิต
“ในเมื่อหมอหลวงไม่ได้มา ถ้าเช่นนั้นพวกเ้าออกไปให้หมด” ซูเต๋อเหยียนถอนหายใจราวกับผิดหวัง
“เ้าค่ะ” เห็นเช่นนี้ ซูเฟยซื่อไม่ยินดีที่จะอยู่พัวพันกับพวกเขาต่อไป คำนับครั้งหนึ่งแล้วรีบถอยออกไปโดยเร็ว
“คุณหนู การต่อสู้ครั้งนี้ก็ได้ชนะมาอย่างสวยงาม! ไม่เพียงแต่ช่วยแม่น้ารองได้ ทั้งยังกลายเป็ผู้ปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีอีก วันข้างหน้าแม้แต่นางแซ่หลี่ได้เห็นท่านก็ต้องก้มหัวแล้วเ้าค่ะ” ทันทีที่ออกจากเรือนแม่น้ารอง ซางจื่อก็กล่าวอย่างตื่นเต้น
“ผู้ปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีเป็ตำแหน่งที่ต้องชิงมา มิเช่นนั้น ที่ข้าจ่ายเงินมากมายแก่กุ้ยมามาให้ทรมานซูจิ้งเถียนก็คงสูญเปล่า” ซูเฟยซื่อหยักยกริมฝีปากน้อยๆ หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ
ในดวงตาซางจื่อมีประกายใแกมประหลาดใจแวบผ่านไปคราหนึ่ง “คุณหนู หรือว่าวัตถุประสงค์ที่ท่านเชิญกุ้ยมามามายังจวนอัครมหาเสนาบดีก็เพื่อเป้าหมายนี้หรือเ้าคะ?”
ใจคนยากแท้หยั่งถึง ใช้เวลาวางแผนล่วงหน้าเป็เวลานาน หากระหว่างทางเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อย ผลลัพธ์ที่ออกมาย่อมต่างจากที่คิด แต่ไม่นึกว่าซูเฟยซื่อจะมั่นใจได้ขนาดนั้น หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญ เช่นนั้นคงต้องเรียกนางว่าอัจฉริยะแล้ว
แต่เพราะสามารถร้อยเรียงแผนการที่ซับซ้อนนี้ให้จบลงอย่างสวยงามได้ ก็คงมีเพียงคำตอบเดียว
ซูเฟยซื่อพยักหน้าไม่ปิดบังต่อซางจื่อ “ฝีมือของกุ้ยมามา ข้ารู้จักดี เมื่อมีนางออกโรง ถึงอย่างไรซูจิ้งเถียนย่อมต้องรับไม่ไหว นางแซ่หลี่ไหนเลยจะทนดูบุตรสาวถูกทรมานได้ ขอเพียงรอนางถูกเพลิงโทสะครอบงำจนหน้ามืดตามัว ถึงตอนนั้นนางต้องหาทางเล่นงานข้าไม่ผิดแน่ ประกอบกับใช้ความชิงชังของซูเต๋อเหยียนที่มีต่อนางแซ่หลี่ ให้ข้าหยิบยืมเื่นี้โต้คืน แล้วขอตำแหน่งผู้ปกครองจวนอัครมหาเสนาบดีมาเสีย เขาจะไม่ตอบรับข้าเชียวหรือ?”
หลังจากฟังทั้งหมดจบ ซางจื่อก็แทบศิโรราบต่อซูเฟยซื่อ
ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าอวี้เสวียนจีเป็คนฉลาดที่สุดในโลก ทว่าตอนนี้ดูไปแล้ว ซูเฟยซื่อกับเขาแทบจะไม่ต่างกัน
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมอวี้เสวียนจีถึงถูกใจซูเฟยซื่อขนาดนี้ ที่ส่งนางมาเป็พิเศษ ใช่ว่าไม่มีเหตุผล
“คุณหนูคาดการณ์ล่วงหน้าได้ฉมังตามคาด เพียงแต่นางแซ่หลี่ปกครองดูแลจวนอัครมหาเสนาบดีมาเป็เวลานานขนาดนั้น นางคงไม่มอบใบสัญญาขายตัวคนรับใช้กับกุญแจบัญชีง่ายๆ แน่นอนเ้าค่ะ” หากมอบสองสิ่งนี้ให้ซูเฟยซื่อจริง เช่นนั้นนางแซ่หลี่ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
เดิมคิดว่าเป็ปัญหาที่จัดการได้ยากยิ่ง ทว่าซูเฟยซื่อกลับไม่แม้แต่จะกังวล “ไม่ นางต้องมอบสองสิ่งนี้มาจนได้ ทั้งยังเป็สองมือประคองส่งด้วย”
ซางจื่อประหลาดใจ ซูเฟยซื่อกลับแย้มยิ้มไม่อธิบายอีก
บางเื่หากไม่พูดพร่ำ แล้วลงมือทันทีย่อมไปได้สวยกว่า
ไม่กี่วันถัดมา นางแซ่หลี่ไม่ส่งสัญญากับกุญแจบัญชีตามที่คาดไว้ ทางด้านซูเฟยซื่อก็ดูไม่รีบร้อนอะไร ค่อยๆ หาวิธีจัดการดูแลจวนอัครมหาเสนาบดีอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย
เหล่าคนรับใช้ต่างพูดกันไปต่างๆ นานาว่า ซูเฟยซื่อดูแลจัดการจวนได้ดีกว่านางแซ่หลี่ นี่ทำเอานางแซ่หลี่โกรธจัดจนป่วยไข้
เพิ่งก้าวเข้าสู่สวนปี้หวิน ซูเฟยซื่อก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ อันเป็เอกลักษณ์ จึงอดยิ้มที่มุมปากไม่ได้ “ออกมาเถิด”
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไร ที่นางไม่เพียงไม่รำคาญอวี้เสวียนจีอีก ทั้งยังถือว่าเขาเป็เพื่อนร่วมรบของตน กระทั่งเข้าออกเรือนของนาง ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาด้วย
ชั่วพริบตา เงาร่างสีม่วงอมแดงค่อยๆ ร่อนลงมาจากคานเรือน ชายผ้าพลิ้วสะบัดตามแรงลมดูราวกับดอกไม้โปรยปราย กลิ่นหอมเย็นอันเป็เอกลักษณ์กระแสนั้นยิ่งมายิ่งชัดเจน ยินเสียงสายลมแ่เบาคล้ายกำลังท่องอยู่ในหุบเขาท่ามกลางบุปผชาติ
คนนั้นหันศีรษะมาช้าๆ ขนคิ้วโค้งเหนือดวงตารับกับใบหน้าให้ยิ่งน่ามอง ริมฝีปากแดงดุจแต้มชาดแย้มยิ้มหยอกล้อชั่วร้าย ความงามตรงหน้าถึงกับทำให้สติของซูเฟยซื่อแกว่งไปมา
“นังหนู ความสามารถของเ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย” อวี้เสวียนจีพูดเบาๆ อย่างมีความนัย เสียงนั้นใสกังวานและคลุมเครือ แฝงความอาลัยรักคุกรุ่น
ที่แท้เป็ว่าอวี้เสวียนจีได้รับข่าวแล้ว จึงมาแสดงความยินดีกับนางโดยเฉพาะ
เมื่อคิดถึงชีวิตชาติที่แล้ว ทุกครั้งที่นางชนะการต่อสู้ก็จะเชิญทั้งครอบครัวกับคนทั้งค่ายทหารฉลองร่วมกัน
ฝูงชนกลุ่มหนึ่งล้อมวงรอบกองไฟดื่มสุรากินเนื้อสัตว์ นั่นเป็ความสุข ความสะใจ
บัดนี้ไม่ได้เป็อย่างที่เคย เพราะอยู่ในจวนอัครมหาเสนาบดี ถึงนางเสียชีวิต ก็คงมีหลายคนปรบมือโห่ร้องว่าดี
แต่นางยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าก็คงมีเพียงอวี้เสวียนจีที่ยินดีกับนาง
ซูเฟยซื่อหรี่ตาลง ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย “ขอบคุณท่านอ๋องเก้าพันปีที่ชมเชยเ้าค่ะ”
“ข้าได้รับข่าวมานานแล้ว เพียงแต่ไม่กี่วันนี้มีเื่ทำให้ล่าช้า” อวี้เสวียนจีไม่เกรงใจ หาที่นั่งแล้วรินชาถ้วยหนึ่งดื่ม
“แต่เื่จิ๊บจ้อยหยุมหยิมเช่นนี้ มีค่าคู่ควรให้ท่านอ๋องเก้าพันปีต้องรีบมาด้วยหรือเ้าคะ” ซูเฟยซื่อหัวเราะเบาๆ อย่างเป็ธรรมชาติ นั่งลงตรงข้ามกับเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้