เมื่อจัดการเื่นี้เรียบร้อยแล้ว หลินซือฉิงก็เดินนำออกไปหลังจากกำชับให้เย่เฟิงระวังตัวอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนเธอไม่ได้ห่วงเงินที่เย่เฟิงไปแย่งชิงมา แต่เป็ห่วงความปลอดภัยของเขาจริงๆ สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเย่เฟิงอบอุ่น แม้ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างกันจะไม่ชัดเจน แต่เขาก็ยังได้รับความห่วงใยด้วยใจจริงจากหญิงงามอย่างหลินซือฉิง ชายหนุ่มเชื่อว่าไม่ว่าเป็ผู้ชายคนไหนก็คงแอบปลาบปลื้มอยู่ในใจ
หลังจากกลับวิลล่า เย่เฟิงใช้เวลาทั้งคืนปรึกษาหลงหว่านเอ๋อร์อย่างจริงจัง แน่นอนว่าก่อนเดินทางเขาต้องสืบข้อมูลเกี่ยวกับสำนักอิ่นเซียนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่างที่ว่ากันว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แต่สำนักนี้อยู่ในมุมมืดของยุทธจักรมาตลอด หลงหว่านเอ๋อร์เองก็รู้รายละเอียดไม่มากนัก จนถึงตอนนี้ประตูทางเข้าสำนักอิ่นเซียนที่มีค่ายกลกระจายอยู่ทั่วยังไม่มีผู้ฝึกวรยุทธ์คนไหนบุกรุกเข้าไปได้
เย่เฟิงทิ้ง ‘กำไลหยกิญญา’ ไว้ให้หลงหว่านเอ๋อร์และอธิบายวิธีการใช้งานที่ซับซ้อนให้เธอเข้าใจด้วย ของชิ้นนี้คือเครื่องรางกันภัยที่พบได้ทั่วไปในโลกเทวะ แต่ถ้าใส่ในโลกปัจจุบันนี้ความสามารถที่ปล่อยออกมารับรองว่าแม้แต่ปืนเลเซอร์สีฟ้าก็ไม่ต้องกลัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงมีดบินของสำนักอิ่นเซียนเลย
เครื่องรางกันภัยยังต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะอย่างน้อยที่สุดสิบปีถึงจะสามารถนำไปใช้ได้ เย่เฟิงก็ไม่ได้เตรียมไว้ให้ซูเมิ่งหานแต่เพียงให้หลงหว่านเอ๋อร์ช่วยดูแลให้ดีเท่านั้น
ค่ำคืนที่สงบสุขผ่านพ้นไป ปราศจากความวุ่นวายใดๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เย่เฟิงเดินทางไปสนามบินและเตรียมพร้อมไปยังที่ตั้งของประตูสำนักอิ่นเซียน
ตาแก่เย่เวิ่นเทียนรู้เื่ของเย่เฟิงแล้ว แต่เขาไม่ได้ขัดขวาง ชายชรารู้ว่าตอนนี้ท่านอาจารย์ของเย่เฟิงมีพลังอภินิหาร แม้แต่ตัวตนของหลงโม่หรานตอนนี้ยังเป็สิ่งหลอกลวง และพลังที่เรียกว่าหยางเสินแปลงกายก็เป็สิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ! เื่นี้ทำให้เย่เวิ่นเทียนได้แต่ทอดถอนใจ เย่เฟิงมีโอกาสและโชคชะตาดีมากที่ได้พบกับท่านอาจารย์ที่งดงามเช่นนี้
ในสถานการณ์นี้ หากเย่เฟิง้าบุกไปถึงสำนักอิ่นเซียนก็ทำไปเถอะ ทำให้คนทั้งยุทธจักรรับรู้ถึงผลลัพธ์ของการล่วงเกินคนตระกูลเย่!
เย่เวิ่นเทียนมั่นใจว่าการไปครั้งนี้ของเย่เฟิงจะเป็การเปิดฉากคลื่นั์ลูกใหญ่ในยุทธจักรแน่นอน และดูเหมือนว่าตระกูลเย่ของเขาจะกลับขึ้นมาผงาดได้ไม่ยากเลย ซึ่งไปไกลเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้เสียอีก
…………
ณ เมืองหลินไห่ เมืองเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงามตั้งอยู่ไม่ไกลจากูเาคั่วชาง
เวลาพลบค่ำ เย่เฟิงเดินทางถึงที่หมายแล้วมุ่งต่อมายังเมืองนี้เงียบๆ พลางคิดว่าจะขึ้นไปลงมือทีู่เาคั่วชาง ชายหนุ่มใช้จิตหยั่งรู้กวาดออกไป หัวใจพลันกระตุกเมื่อพบบางอย่างผิดปกติ
ที่ตรงนั้นเป็ร้านอาหารขนาดเล็กที่ดูธรรมดามาก ตรงตำแหน่งริมหน้าต่างถูกจับจองโดยหญิงสาวสวยสวมชุดกระโปรงสีม่วง บุคลิกแสนบริสุทธิ์และเรียบง่ายช่างไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมเสียงดังจอแจบริเวณรอบๆ
ผู้ชายในร้านอาหารหลายคนมองหญิงสาวคนนั้น แม้กระทั่งธุรกิจร้านอาหารขนาดเล็กทั้งหมดก็ยังเฟื่องฟูเพราะสาวสวยชุดกระโปรงสีม่วงคนนี้
เธออายุน่าจะไม่เกินยี่สิบปี เส้นผมยาวสยาย ดวงตาเป็ประกายแวววาวเผยให้เห็นความเงียบสงบที่ไม่อาจโต้แย้งได้ ใครที่ได้มองเป็ต้องจดจำดวงตาสวยคู่นี้ ใบหน้ารูปไข่ที่สมบูรณ์แบบและไร้เดียงสาทำให้ใครๆ ต่างอยากเข้าไปกัดแก้มเนียนนุ่มนั้น หลังจากได้มองเธอแล้วก็จะหวนคิดถึงแต่ดวงตาคู่นั้นที่เหมือนทะเลสาบสงบเงียบ สวยงามและสดชื่น ราวกับเทพธิดาที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก ตรงหน้าอกชุดกระโปรงสีม่วงของเธอมีโบน่ารักสีเดียวกันติดอยู่ บริเวณเอวมีแผ่นป้ายไม้ขนาดเล็กแขวนอยู่ด้วย ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันใช้ทำอะไร ดูเหมือนว่าเธอกำลังหิว สายตามองคนอื่นกินด้วยความอิจฉา เพราะว่าทั้งเนื้อทั้งตัวเธอไม่มีเงินอยู่เลย แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็สีม่วงในบางครา ท่าทางดูเ็ปทรมาน ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“คนสวย ได้โปรดให้เกียรติไปรับประทานอาหารที่โรงแรมฝั่งตรงข้ามกับผมได้ไหมครับ?”
ด้านนอกหน้าต่างร้าน มีรถยนต์ออดี้คันหนึ่งหยุดลงช้าๆ กระจกรถถูกลดลงจนเห็นใบหน้าหล่อเหลาของวัยรุ่นหนุ่มพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจที่ไม่อาจซ่อนเสน่ห์เหลือล้นได้
ดูเหมือนสาวสวยชุดกระโปรงสีม่วงจะคล้อยตามไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ส่ายหน้าแล้วเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังในร้าน ดวงตาไหววูบมีความกังวลใจแฝงอยู่ลึกๆ
“ต้องขออภัยด้วยครับ สาวสวยคนนี้เป็ของผมครับ”
ขณะนั้นเอง เสียงนุ่มทุ้มแต่ดุดันของผู้ชายก็ดังจากในร้าน ตามมาด้วยชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ใบหน้าประดับรอยยิ้มนั่งลงตรงข้ามกับสาวสวย
เป็เย่เฟิงนี่เอง
ชายหนุ่มใช้จิตหยั่งรู้สำรวจอยู่ไกลๆ และพบว่าตรงสายรัดเอวของสาวสวยชุดกระโปรงสีม่วงคนนี้มีมีดบินซุกซ่อนอยู่หลายเล่มอย่างคาดไม่ถึง ซึ่งดึงดูดความสนใจของเขาในทันที
เย่เฟิงมาที่นี่ทำไมกัน? มาหาเื่สำนักอิ่นเซียนเหรอ!
สาวสวยที่มีมีดบินซ่อนอยู่คนนี้ช่างดูไม่เข้ากับเมืองหลวงสมัยนี้เลย มองแวบเดียวก็รู้สึกสงสัยแล้ว ด้วยเหตุนี้เย่เฟิงจึงต้องจับตาดูเธอไว้
ด้วยคำพูดนี้ของเย่เฟิง เพียงครู่เดียวก็ดึงดูดความขุ่นเคืองของมวลชนขึ้นมาทันที
หญิงงามคนนี้เป็ของแกเหรอ? ฉันยังบอกอยู่ว่าเป็ของฉันไงโว้ย!
ทันใดนั้นผู้ชายร่างเปลือยท่อนบนก็เดินมาจากด้านข้าง เขาหมุนคอไปมาจนเกิดเสียงดังกร๊อบ ศีรษะปราศจากเส้นผม ดวงตาเรียวเล็กฉายแววข่มขู่ “เฮ้ย ไอ้หนุ่ม แกรู้ไหมว่าที่นี่ถิ่นใคร?”
ขณะพูดก็พยายามอวดหุ่นอันเต็มไปด้วยมัดกล้ามของตัวเอง ภายใต้แสงไฟสลัวในร้านอาหาร ลอนกล้ามเนื้อบนหน้าท้องช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
“ไสหัวไปให้พ้น”
เย่เฟิงตบโต๊ะแล้วยกขาถีบชายหัวโล้นอย่างจังจนอีกฝ่ายล้มโครมลงบนพื้น!
เฮ้ย!
ร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้แตกฮือขึ้นมาในชั่วพริบตา ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตดำจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาสามารถหยุดเ้าหัวโล้นที่ชอบวางอำนาจได้ในคราเดียว! และพวกเขาทั้งหมดก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเย่เฟิงลงมืออย่างไร!
“คนสวย เธอเป็ของฉันแล้ว”
เย่เฟิงแสยะยิ้มมุมปาก
“...”
หญิงสาวเม้มริมฝีปากโดยไม่เอ่ยอะไรออกมา เธอมองเขาด้วยดวงตาคู่สวยราวกับว่ามันสามารถพูดได้
คุณเป็ใคร?
ความหมายนี้ถูกถ่ายทอดผ่านแววตาราบเรียบ
“จื่อเจี้ยนหลาน?”
เย่เฟิงชำเลืองมองป้ายไม้ขนาดเล็กตรงเอวอีกฝ่ายแวบหนึ่งก็รู้ได้เลยว่าเธอต้องเป็คนของสำนักอิ่นเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มจำได้ว่าตอนที่เขาสังหารฉินเกอมือปีศาจสังหารเทพที่ทะเลตะวันออกก็ค้นเจอป้ายหยกที่สลักอักษรแบบนี้บนตัวผู้ชายคนนั้นเช่นกัน
ความแตกต่างระหว่างป้ายหยกที่สลักคำว่า ‘ฉินเกอ’ กับป้ายไม้สลักคำว่า ‘จื่อเจี้ยนหลาน’ ก็น่าจะเป็ชื่อและสถานะของพวกเขาทั้งสองคน
เมื่อเย่เฟิงเอ่ยชื่อนี้ออกไป สาวงามในชุดกระโปรงม่วงก็ปรายตามองเขาแต่ยังไม่พูดอะไร
ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันอยู่นาน เป็เื่ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสำหรับเย่เฟิง สาวสวยบริสุทธิ์และสง่างามในชุดกระโปรงสีม่วงคนนี้มีแรงดึงดูดมหาศาล มันมากจนกระทั่งเขายังไม่อาจทนได้หากใช้สาวสวยเช่นนี้มาเป็ตัวประกันและเหยื่อล่อ แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้หญิงในครอบครัว เย่เฟิงจึงทำได้เพียงหักใจ
ทันใดนั้นหญิงสาวก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หวังจะเดินออกนอกประตูไป เย่เฟิงชิงลงมือแบบสายฟ้าแลบ พริบตาเดียวก็มาถึงตัวของหญิงสาว ก่อนดึงมีดบินที่ซ่อนตรงสายรัดเอวของเธอออกมาอย่างง่ายดายแล้วกดมันลงเอวของอีกฝ่าย
“อย่าขยับ เป็เด็กดีเชื่อฟังจะดีกว่านะ” เย่เฟิงหรี่ตาลงและจับร่างกายบอบบางของเธอแน่น แต่ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง “เฮ้ เธอโดนยาพิษอยู่เหรอ?”
คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวคนนี้จะมีพิษไหลเวียนในเส้นลมปราณกระจายไปทั่วตัว ซึ่งอาการจะกำเริบเป็ครั้งคราว พิษนี้จะทำลายการทำงานของร่างกายทีละเล็กทีละน้อย หากเป็อย่างนี้ต่อไปเกรงว่าเพียงสองวันสาวสวยคนนี้คงต้องตาย
แน่นอนว่านี่ไม่สามารถหยุดยั้งเย่เฟิงจากการใช้เธอเป็ตัวประกันและเหยื่อล่อได้
คนอื่นๆ ที่อยู่รอบร้านอาหารมองท่าทางอุกอาจของเย่เฟิงที่โอบสาวสวยเข้าไปในอ้อมกอด ที่แท้ก็หวังเื่อย่างนั้น!
“เฮ้ย มึงหยุดนะเว้ย!”
หนุ่มหล่อที่ขับรถออดี้รีบเปิดประตูลงมาด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็ธรรมนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้