“เ้าไม่รู้สึกเจ็บไม่ใช่หรือ ยังมีแรงไปขอความเมตตาแทนผู้อื่นอีก ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หรอกหรือ?”
“ข้าไม่เจ็บหลัง แต่เจ็บแขนตอนที่เ้าลากข้า”
ทันทีที่นางพูดจบ อวิ๋นซู่ก็ออกแรงโยนนางลงบนเตียง แต่เขาควบคุมกำลังไม่ให้แรงเกินไป และตอนที่นางล้มลงบนเตียง ก็ลงเบาๆ
นางพยายามลุกขึ้นมา
“อย่าขยับ ข้าจะดูว่าเ้ามีรอยลวกหรือไม่”
เขานั่งอยู่บนหัวเตียง ปลดเสื้อของนางออกเบาๆ แผ่นหลังที่ขาวเนียนดูโดดเด่นเมื่อแยู่ภายใต้แสงสว่างสีเหลือง โชคดีที่ไม่มีรอยไหม้ มีเพียงรอยแดงเล็กน้อยเท่านั้น เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะเปลี่ยนชุดที่สะอาดให้นาง เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ความโกรธในใจก็ค่อยๆ คลี่คลายลง
ลิ่วซีนอนเอนกายอยู่บนเตียง ก้มศีรษะไม่พูดอะไร ในใจของนางมีเพียงเสียงร้องไห้ที่น่าสังเวทของเสียวอวี่ และดวงตาคู่นั้นที่ยังอยากมีชีวิตรอด เด็กสาวที่น่ารักและไร้เดียงสาคนนั้นต้องมาเจอกับอะไรเช่นนี้ ทั้งหมดนี้กลับเป็เื่ที่ทำอะไรไม่ได้
อวิ๋นซู่ถามด้วยเสียงต่ำ
“เยังโทษข้าอยู่หรือ!”
“ไม่เพคะ”
“ในวังแห่งนี้ ต่อให้ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ความผิดพลาดก็คือความผิดพลาด หากเ้ายอมรับความผิดในวันนี้ วันหน้าอาจมีคนใช้ความผิดพลาดนี้มาปกป้องตัวเอง หรือกระทั่งเอามาทำร้ายเ้า” อวิ๋นซู่พูดเื่เหล่านี้กับนางซึ่งหาได้ยาก
“ข้าเข้าใจ” นางยังคงหวงแหนคำพูดดั่งทองคำ
อวิ๋นซู่ไม่พูดอะไรต่อ แต่เอื้อมมือออกไปอุ้มนางขึ้นมานั่งบนตักเขา นางขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ส่วนเขาก็ก้มศีรษะลงบรรจงจูบนาง คืนนี้ลิ่วซีไม่มีอารมณ์เลย ดังนั้นจึงหันหน้าหนีไปไม่้าให้เขาแตะต้อง
แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เขาบังขับให้นางมองหน้าเขา ยิ่งลิ่วซีต่อต้านมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งใช้อำนาจบังคับและไร้เหตุผลกับนางมากขึ้นเท่านั้น การกระทำของเขาก็ค่อยๆ ไม่อ่อนโยนเหมือนตอนแรก มีแต่เร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ
สติของลิ่วซี พร่ามัวในไม่ช้า คืนนี้ อวิ๋นซู่พานางออกออกมาท่ามกลางสายตาของทุกคน จากนั้นก็อยู่ในตำหนักลิ่วชิงกับนางทั้งคืน ในสายตาของทุกคน เจิ้นลิ่วซีผู้ซึ่งเคยถูกขังอยู่ในตำหนักเย็น ได้พลิกผันกลายมาเป็สนมซีที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แต่ลิ่วซีกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด เพราะนางเดาไม่ออกว่าอวิ๋นซู่จะปฏิบัติกับนางอย่างไรกันแน่?
เดี๋ยวเขาก็เ็าเดี๋ยวเขาก็ร้อนแรง เดี๋ยวก็นุ่มนวลเดี๋ยวก็ป่าเถื่อนกับนาง ทั้งที่ดูมีใจ แต่เพียงหันกลับมาก็กลายเป็ไร้ความรู้สึก มองนางด้วยสายตาเกลียดชัง เช่นเดียวกับคืนก่อนและคืนที่ผ่านมา ในตอนกลางคืน เขาอ่อนโยนกับนางมาก ทำให้บางครั้งนาง ก็รู้สึกว่าเขารักนางและไม่อยากจากไปไหน แต่เมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น เขาก็หันหลังจากไปอย่างเ็า เพื่อให้ลิ่วซีรู้สึกว่านางเป็เพียงหนึ่งในสนมสามพันคนในวังหลังของเขา ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือในอดีต ความลุ่มหลงในร่างกายนี้ก็จะค่อยๆ หายไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายนางก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่น
หลังจากที่อวิ๋นซู่จากไป นางก็ไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียง แค่นอนอยู่อย่างนั้น แม้นางจะหลับแต่ก็เหมือนตื่น จึงรู้สึกง่วงไม่น้อย
มีเสียงจั๊กจั่นร้องอยู่นอกหน้าต่าง ท่ามกลางเงาต้นไม้ที่ปลิวไสว มีเสียงร้องไห้เบาๆ ดังลอยมา
“ใครอยู่ข้างนอก?” ทันทีที่นางถาม คนข้างนอกก็ใ และตอบด้วยเสียงสั่นเทา
“บ่าวเอง สนมซีโปรดไว้ชีวิตบ่าวด้วย!”
เมื่อลิ่วซีได้ยินดังนั้น ก็รู้ว่าเป็ขันทีน้อยที่ทำความสะอาดลานตำหนักในวันปกติ
“เ้าร้องไห้ทำไม” เมื่อลิ่วซีถามไปเช่นนั้น นางก็รู้สึกไม่ดีในใจ
ทำให้ขันทีน้อยคุกเข่าลงและโขกหัวอ้อนวอนขอความเมตตาอีกครั้ง
“บ่าวรบกวนสนมซี โปรดยกโทษให้บ่าวด้วย”
“เข้ามา” นางขมวดคิ้วและสั่งอย่างเ็า
หลังจากขันทีน้อยผลักประตูเข้ามา ร่างกายของเขาก็สั่นเทา ราวกับเห็นว่าลิ่วซีเป็สัตว์ร้าย ที่้าเอาชีวิตของเขาเมื่อใดก็ได้
“บอกมาสิ ร้องไห้ทำไม” นางพยายามทำเสียงให้อ่อนลง
“เสียวอวี่ ตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” คำพูดของขันทีน้อยคล้ายกระแทกศีรษะของลิ่วซีอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนเกิดเสียงหึ่งๆ นางเอ่ยถามอย่างไม่เต็มใจ
“เมื่อไร?”
“เมื่อคืนนี้ หลังจากนางถูกโบยครบห้าสิบครั้ง ก็ถูกหามกลับมา อาการนางร่อแร่ พอเช้าตรู่ก็ไม่รอดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ตอนนี้นางอยู่ไหน?”
“เมื่อเช้านี้ อันกงกงเห็นว่าท่านและฝ่าาพักผ่อนอยู่ จึงไม่กล้าไปรบกวน อันกงกงจึงสั่งให้คนนำไปฝัง” ขันทีน้อยกล่าว น้ำตายังคงไหลไม่หยุด แต่เขากลัวว่าลิ่วซีจะตำหนิ ดังนั้นจึงพยายามควบคุมชร่างกายที่สั่นเทาของตัวเอง
ลิ่วซีอยู่ตะลึงไปชั่วขณะ ร่างกายของนางเย็นเหยียบ เพียงแค่นตนลุกขึ้นจนบังเอิญชนนาง ทำให้นางต้องตายไปเช่นนี้ ต่อหน้าชะตากรรม นางยังไม่สามารถสงบนิ่งและทำตัวไร้ความกังวลได้
ความเสียใจนี้เพราะเสียวอวี่ และเพราะตนเอง แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้
นางโบกมือถามขันทีน้อย
“ในตำหนักลิ่วชิงกี่คน?” ลิ่วซีอยู่กับเสียวอวี่เท่านั้น และนางก็ไม่ค่อยสนใจคนอื่น
“รวมบ่าวด้วยก็สิบคนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเรียกมาหมดแล้ว”
นาง้าเลิกจ้างบ่าวรับใช้ทั้งหมดของตำหนักลิ่งชิง นางไม่ใช่เจิ้นลิ่วซีที่บอบบางต้องมีคนคอยปรนนิบัติ ที่เพียงยื่นมือออกไปข้าวก็ส่งมาถึงปาก ตอนนี้นางซักผ้า ทำอาหาร ทำความสะอาดทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แล้วทำไมนางต้องยอมให้คนอื่นมารับใช้นาง และสุดท้ายนางก็เป็คนที่ทำร้ายพวกเขา?
นอกจากนี้ หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ทำให้ตำหนักลิ่วชิงของนางกลายเป็เป้าหมายของการนินทาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กระทั่งขันทีน้อยที่หวาดกลัวเมื่อครู่นี้ก็ตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกของนาง ชื่อเสียงของนางในตอนนี้เกรงว่าคงกลายเป้นนางสนมที่โเี้ไปแล้ว ได้เป็สนมที่ฮ่องเต้โปรดปราน ลงมืออย่างโเี้กับบ่าวรับใช้ ดังนั้นทุกคนตอนนี้จึงเกลียดนาง ยิ่งคนรอบข้างนางน้อยลง ความปลอดภัยของนางก็สูงขึ้น
เมื่อนาง้าไล่บ่าวรับใช้เหล่านี้ออก ทั้งสิบคนก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความใ คร่ำครวญอย่างสิ้นหวังและขอความเมตตา
และอวิ๋นซู่ซึ่งอยู่ตำหนักด้านข้างอาจจะได้ยินข่าวจากอันกงกง ดังนั้นเขาจึงรีบเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คนพวกนี้ ไม่ถูกใจเ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่ใช่เพคะ ข้าแค่คิดว่าข้าสามารถดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็ต้องให้ใครมาปรนนิบัติข้า”
ทั่วทั้งตำหนักลิ่วฉือเงียบสงัด คนทั้งสิบที่คุกเข่าอยู่ก็เห็นห้องเต้ และเห็นท่าทางของสนมซีกำลังตึงเครียด บรรยากาศจึงน่าหวาดกลัวยิ่งนัก
เป็จริงดังคาด ได้ยินอวิ๋นซู่เอ่ยออกมาทีละคำ
“ในเมื่อเ้าไม่ชอบ เก็บพวกมันไว้จะไปมีประโยชน์อะไรเล่า ไม่สู้ฆ่าทิ้งให้หมด” น้ำเสียงของเขาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นกลับโหดร้ายเหลือเกิน
เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องโถง คนใช้ทั้งสิบคนจ้องไปที่ลิ่วซีอย่างสิ้นหวัง พวกเขาโขกศีรษะขอชีวิตจนเืซึมออกมา
“พระสนมไว้ชีวิตด้วย พระสนมไว้ชีวิตด้วย”
ไม่มีใครกล้าไปขอฮ่องเต้ สิ่งที่พวกเขาขอได้มีเพียงลิ่วซีเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าชะตากรรมอยู่ในมือของลิ่วซี เสียงร้องขอความเมตตาที่น่าสังเวทนั้น ดวงตาคู่นั้นก็มองนางด้วยความกลัว
นางวางมือลงอย่างหดหู่ คุกเข่าลงต่อหน้าอวิ๋นซู่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าและหวาดกลัว
“หม่อมฉันผิดไปแล้ว ฝ่าาไว้ชีวิตพวกเขาด้วยเพคะ”
จากนั้นหน้าผากของนางก็โขกลงที่พื้น มันเย็นะเืไปถึงกระดูกและมั่วร่างกายของนาง นางช่างไม่ประเมินความสามารถของตัวเอง คิดจะเปลี่ยนกฎของเกม ล้วนเป็ความผิดนาง ผิดไปหมด
“ออกไป” อวิ๋นซู่แผดเสียงใส่บ่าวรับใช้ด้วยความเดือดดาล
ท่ามกลางห้องที่เงียบสงัดมีเพียงอวิ๋นซู่และลิ่วซีเท่านั้น
อวิ๋นซู่ยืนมองนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ความโกรธเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะค่อยๆ ดับลง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเ็า
“อย่ามาบังคับข้าอีก”
“หม่อมฉันไม่กล้า” เสียงของลิ่วซีไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์ใดๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มันไปกระตุ้นอวิ๋นซู่อีกครั้ง และความโกรธที่ลดลงกลับดูเหมือนจะปะทุขึ้นมาอีก
เขานั่งยองๆ ลงที่พื้น สองมือจับหน้าของนางขึ้นมา แล้วกล่าวอย่างดุดัน
“มีอะไรที่เ้าไม่กล้า? เ้าอย่ามาเสแสร้งแกล้งทำเป็ว่าตัวเองว่านอนสอนง่ายต่อหน้าข้า เ้าตั้งใจ เ้าตั้งใจทำให้ข้า…” อวิ๋นซู่ไม่พูดต่อ เ้าตั้งใจทำให้ข้าเห็นท่าทางที่ต่ำต้อยเ้า ทำให้ข้ามองว่าเ้าไม่มีทางเลือก ไม่มีความสามารถจะทำอะไรได้
เขาจับหน้าของนางแน่นขึ้น ก่อนจะออกคำสั่ง
“ยิ้ม...ยิ้มให้ข้า” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโเี้กระหายเื สั่งให้นางยิ้มให้เขา
ลิ่วซีไม่สามารถขยับตัวได้ ใบหน้าของนางแข็งทื่อและบิดเบี้ยวเพราะถูกเขาจับแก้มทั้งสองข้างเอาไว้แน่น นางไม่รู้ว่าความโกรธที่อธิบายไม่ได้ของอวิ๋นซู่นี้มาจากไหน?
นางอยากจะยิ้ม แต่นางไม่สามารถยิ้มออกมาได้
“ยิ้ม...” อวิ๋นซู่คำราม
นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว พยายามฝืนยิ้มออกมา แต่มันคงน่าเกลียดยิ่งกว่าผี เพราะใบหน้าของอวิ๋นซู่ยิ่งดูโกรธมากขึ้น
นางพยายามยิ้มออกมาอย่างเต็มที่ พยายามอย่างหนัก แต่สุดท้ายมันก็ไร้ผล
ในที่สุดอารมณ์ทั้งหมดของอวิ๋นซู่ก็สงบลง แต่ก็ยังกดนางลงไม่เต็มใจที่จะจากไป เขาคิดว่าเขาพบนางแล้ว พานางกลับมาที่วัง มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นางหวังว่าพวกเขาจะกลับไปเป็เหมือนในเมื่อก่อนได้
แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ลิ่วซีไม่ใช่อาซีที่เขารู้จักมาก่อน ตอนนั้นอาซีพึ่งพาเขาคนเดียว เมื่อนางเ็ปก็จะร้องไห้ไปหาเขาเพื่อให้เขาปลอบโยน เมื่อมีความสุขนางก็จะโอบกอดเขาแล้วหัวเราะ เมื่อนางเหนื่อยนางจะไปหาเขาเพื่อออดอ้อน อาซีในตอนนั้นไม่ว่าจะเศร้า โกรธ มีความสุขก็จะแบ่งปันให้เขาฟัง
แล้วนางตอนนี้ล่ะ? ใจเย็น กระทั่งมองทุกสิ่งรอบตัวด้วยสายตานิ่งสงบ เป็ตัวของตัวเองและเข้มแข็งพอ ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่มีค่าในชีวิตของนาง แม้แต่ความสุข ความเศร้า และความโกรธนางก็ไม่เคยแสดงออกมา
หลายคืนมานี้ เเขาคลุกอยู่กับนางมากที่สุด พยายามจะหาตัวตนเดิมของนางทีละน้อย แต่เมื่อเขาอ่อนโยนที่สุด เขามองไปที่นาง ก็ยังคงเป็สายตานิ่งสงบ
ภายใต้ความสงบนี้ ทำให้เขารู้สึกขบขัน
ความไร้อารมณ์ของนาง เป็เหมือนโซ่ตรวนที่ขังเขาไว้ ทำให้เขาไม่มีทางออก เช่นนั้นก็เอาอย่างนี้เถอะ อย่างน้อย นางก็อยู่ในมือของเขา
มือหนึ่งของเขาค้ำที่พื้น และนั่งลง ก่อนจะก้มหน้ามองนาง ลิ่วซีก็มองมาที่เขา สายตาประสานกัน เป็ชั่ววินาทีที่สงบสุข
ลิ่วซีเอื้อมมือของนางออกไปแตะที่ดวงตาคู่นั้นของเขา ที่หางตานั้น มีริ้วรอยเล็กๆ ทำให้ดวงตาของเขาราวกับสระน้ำสีดำที่เพิ่มความลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง
“อวิ๋นซู่ เ้าเองก็แก่แล้วเหมือนกัน” เมื่อนางพูดแบบนี้ น้ำเสียงของนางก็อ่อนโยนมาก
อวิ๋นซู่ตะลึงครู่หนึ่ง สายตาเริ่มร้อนแรงขึ้นมาทันที ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงจูบนางอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ มีความอ่อนโยนและอดทนมาก