ไม่กี่วันต่อมา หลิวซานกุ้ยบังคับรถเกวียนลาเพื่อไปรับเฉินซื่อ บอกว่าบ้านที่หมู่บ้านห้าสิบลี้ยังไม่ได้ขาย
หลังจากรู้เื่นี้ จางกุ้ยฮัวจึงตอบว่า “ท่านพ่อถูกฝังไว้ที่นั่น ไม่ขายบ้านก็ดี เช่นนั้นก็รอน้องชายกลับมาแล้วค่อยให้เขาตัดสินใจ”
เฉินซื่อยินยอมแต่โดยดี
จางกุ้ยฮัวมอบโฉนดที่นากับโฉนดบ้านเช่าให้แก่มารดาของนาง
เฉินซื่อััโฉนดด้วยความตื้นตัน มือคู่นั้นสั่นระริก ท้ายที่สุดก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาหนึ่งผืนแล้วใช้มันห่อไว้ ขณะที่กำลังจะใส่เข้าไปในอ้อมอกก็รู้สึกว่ายังไม่เหมาะสม จึงขอกระดาษมันจากจางกุ้ยฮัวมาห่ออีกชั้น
นี่เป็เพียงการทำเพื่อความสบายใจเล็กน้อย ทว่านางยังคงลูบหน้าอกอยู่เป็บางครั้งบางครา เพราะกลัวว่าโฉนดจะหายไป สุดท้ายจางกุ้ยฮัวทนมองไม่ไหวจึงหากล่องมา แล้ว่นางเก็บไว้อีกครั้ง
เมื่อเฉินซื่อมา คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็หลิวเต้าเซียง เพราะว่าท่านยายสามารถทำขนมได้หลากหลายให้สามพี่น้อง
เด็กที่มียายเอ็นดูรักใคร่นั้นโชคดีที่สุด
ฝนฤดูวสันต์บันดาลให้สะพานขาดมิอาจผ่าน เรือน้อยแล่นท่ามกลางฟ้ามืดครึ้ม
พริบตาเดียวก็ถึงเทศกาลเชงเม้ง หลิวฉีซื่อยังไม่ได้กลับมา แต่หลิวต้าฟู่กลับมาก่อนล่วงหน้าเพื่อทำความสะอาดสุสาน
หลังจากที่รู้ความคิดของหลิวเหรินกุ้ย หลิวต้าฟู่ก็รู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยบุตรชายคนนี้ก็ไม่ได้เลี้ยงเสียข้าวสุก เพราะรู้จักตอบแทนบิดามารดา
เมื่อหลิวฉีซื่อไม่อยู่บ้าน หลิวต้าฟู่จึงสามารถเชิดหน้าหลังตรงได้ เขาเอ่ยว่า “วันรุ่งขึ้น เหรินกุ้ยกับซานกุ้ยขึ้นไปเซ่นไหว้บนหลังเขาพร้อมกับข้า”
หลิวเหรินกุ้ยไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเขาต้องทำเื่นี้ทุกปี
ส่วนหลิวซานกุ้ยมองหลิวต้าฟู่ด้วยสายตาตื้นตัน
เนื่องจากเฉินซื่อต้องเซ่นไหว้สุสานของสามี ตอนนี้จึงกลับไปที่หมู่บ้านห้าสิบลี้แล้ว
วันรุ่งขึ้นครอบครัวของหลิวเต้าเซียงซื้อเนื้อหมู ไก่และปลามาเซ่น ดูจากบนโต๊ะอาหารก็รู้ได้ว่าครอบครัวของนางมีชีวิตที่ดีขึ้นอย่างก้าวะโ
“ท่านแม่ เหตุใดบ้านเราจึงไม่กินไก่แบบนี้?” หลิวจูเอ๋อร์คีบเนื้อไก่มากินหนึ่งคำ วันๆ ไม่กินหูหมูก็กินจมูกหมู หรือไม่ก็แก้มหมู มากกว่านั้นก็คือตับหมู ปอดหมู ไส้หมู กินจนนางได้กลิ่นมูลหมูมาแต่ไกล
“ย่าเ้าไม่ได้เลี้ยงไว้ ท่านพ่อ บ้านเราควรให้ท่านแม่ซื้อลูกไก่มาเลี้ยงไว้สักหน่อยดีหรือไม่ ท่านดูสิ จื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สุขภาพอ่อนแอนัก ลำพังกินแต่เนื้อหมูคงไม่พอ! พวกเขาเล่าเรียนจนถึงดึกดื่น หากไม่กินของบำรุงหน่อยคงไม่ได้ เพื่อตอบแทนท่านพ่อท่านแม่ เหรินกุ้ยยอมไม่ทำเหรัญญิก และตั้งใจกลับมาดูแลท่านพ่อท่านแม่ แต่คิดไม่ถึงว่า...” หลิวซุนซื่อยังคงเอ่ยต่อไปเรื่อยๆ
หลิวต้าฟู่ชอบฟังเื่เหล่านี้ ลูกหลานรู้จักกตัญญูย่อมเป็เื่ที่ดี แต่ไม่รู้ว่าเขาดื่มมากไปหรือไม่ จึงรับปากอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้ยังไม่ดึก ในหมู่บ้านพอมีบ้านที่มีลูกไก่ หากท่านพ่อเห็นว่าสมควร ข้าจะไปจับมาเลี้ยงไว้สักหน่อย” หลิวซุนซื่อเอ่ย
“ท่านพ่อ ซุนซื่อไม่รู้ความ นางเลี้ยงไก่ไม่เป็หรอก! ท่านอย่าตามใจนางเลย มิฉะนั้นลูกไก่คงตายกันหมด” หลิวเหรินกุ้ยช่วยห้าม
หลิวต้าฟู่โบกมือและตอบว่า “เต้าเซียง ไก่ของบ้านเ้าใช้ข้าวกับรำข้าวเลี้ยงหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านแม่ข้าปลูกผักกับฟักทองและมันเทศไว้เพื่อเลี้ยงไก่”
บ้านนางมีไก่มากมาย ถึงอย่างไรที่ปลูกไว้ก็สามารถกินจนหมด
“ไม่ต้องกังวล ใช่สิ พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเ้าคลอดลูกชายตัวอ้วน ท่านแม่เ้ายังต้องอยู่ที่นั่นอีกเดือนหนึ่ง รอจนครบเดือนจึงจะกลับมา หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ท่านย่าเ้าไปซื้อบ่าวรับใช้แก่มาอีกหนึ่งคน เช่นนี้เื่เลี้ยงไก่ในบ้านจะได้ให้นางไปทำ” หลิวต้าฟู่ไม่ใช่หัวหน้าครอบครัว จึงไม่รู้ว่าเงินในมือของหลิวฉีซื่อปีนี้เริ่มขัดสน
เขายังคงวาดภาพสวยหรู ส่วนหลิวซุนซื่อก็มองดูภาพวาดนั้นทุกวัน วันๆ เอาแต่จ้องไปยังปากทางหมู่บ้านแล้วเขย่งเท้าดูทิศทางของตำบล ขณะที่หลิวเต้าเซียงมีความสุขจนยิ้มไม่หุบ
ผ่านไปอีกครึ่งเดือน หลิวชิวเซียงก็เอาสะดึงไปที่บ้านป้าหลี่ เพราะว่าหลี่ชุ่ยฮัวมาเรียกนาง บอกว่ามารดาได้เรียนการเย็บปักแบบใหม่ จึงบอกให้หลิวชิวเซียงไปฝึกด้วยกัน
หลิวเต้าเซียงและจางกุ้ยฮัวไปที่สุ่มไก่ด้านหลังเพื่อทำความสะอาด ตอนนี้หลิวชุนเซียงอายุหนึ่งปีเศษแล้ว กำลังวิ่งเล่นเตาะแตะกับพวกนาง
เล้าไก่จำเป็ต้องทำความสะอาดทุกวัน โดยเฉพาะฤดูใบไม้ผลิ มูลไก่จะมีกลิ่นฉุน กลิ่นนี้หากลูกไก่สูดดมเข้าไปแล้วอาจจะตายได้
จางกุ้ยฮัวทำความสะอาดเล้าไก่ นางก้มลงใช้ที่ตักผงโกยมูลไก่เทออกไปยังโอ่งด้านนอก แต่ด้วยความที่ยืนไม่มั่นคง นางจึงเซไปอีกทางหนึ่ง
โชคดีที่ที่ตักผงไม่ได้อยู่ห่างจากตัวกำแพงนัก นางจึงเอื้อมมือออกไปเกาะกำแพงไว้ทัน ทำให้ไม่ล้มลงไปกองกับพื้น
“ท่านแม่ ท่านเป็อะไร?” หลิวเต้าเซียงทิ้งไม้กวาดแล้วรีบวิ่งมาหา เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางไม่ดี จึงเอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ ท่านไม่สบายตรงไหน?”
“ไม่เป็ไร แม่คงยืนนานเกินไป รู้สึกปวดศีรษะ รีบพยุงแม่ไปนั่งพักทางนั้นเร็ว คงเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนดีๆ” จางกุ้ยฮัวตอบอย่างหมดแรง
หลิวเต้าเซียงพยุงนางออกจากเล้าไก่ไป เมื่อเห็นเฉินซื่อเดินถือตะกร้าออกมาจากในครัวพอดี จึงรีบเอ่ย “ท่านยาย รีบมาเร็ว ท่านแม่ไม่สบาย”
เฉินซื่อวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนก “กุ้ยฮัว เหตุใดเ้าจึงหน้าซีด?”
“ท่านแม่ คงเพราะ่นี้ข้าเหนื่อยติดต่อกัน กลางดึกก็ตื่นเข้าห้องน้ำอยู่บ่อยครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอากาศร้อนเกินไปและดื่มน้ำตอนกลางวันมากไป เพราะฉะนั้นจึง...”
เฉินซื่อเหลือบมองไปที่หลิวเต้าเซียง เห็นนางกำลังมองมารดาด้วยความเป็ห่วง คิดดูแล้วจึงเอ่ยถาม “ระดูของเ้าตรงหรือไม่?”
“ไม่มาสองเดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยตรง ท่านแม่ ท่านเองก็รู้ว่าหลังจากปีใหม่ บ้านเราก็ยุ่งมาก มาไม่ตรงก็เป็เื่ปกติ” จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่ามารดาคิดมากเกินไป
“จากที่ข้าดู ควรจะเชิญหมอมาตรวจดูหน่อย!” เฉินซื่อไม่วางใจ จึงเอ่ยต่อ “เ้าวางงานเหล่านี้ไว้ก่อน อีกเดี๋ยวข้ามาทำ”
หลิวเต้าเซียงเป็เด็กปลอม จึงสามารถจับคำพูดของทั้งสองได้บ้าง
“ท่านแม่ หากไม่สบายก็ควรรีบบอก ท่านยาย หรือไม่ตอนนี้ข้าจะไปเชิญท่านหมอมา? ในหมู่บ้านเรามี”
เฉินซื่อมองดูเวลา ขณะนี้ยังห่างจาก่เที่ยงราวหนึ่งชั่วยาม แต่อีกหนึ่งชั่วยามครึ่งหลิวซานกุ้ยก็จะกลับมาจากตำบลแล้ว
“แม่เ้าคงเหนื่อยแล้ว ยังไม่ต้องดีกว่า รอพ่อเ้ากลับมาก่อนค่อยให้เขาเอาลาส่งแม่เ้าไปตรวจดู” พูดจบก็หันไปเอ่ยกับจางกุ้ยฮัว “ลูกรัก เื่นี้ไม่ควรเอ่ยออกไป สิ่งมีชีวิตเล็กๆ นี้บอบบางยิ่งนัก ไม่ควรชม หากว่าเป็ตามที่คาดเดาจริง ก็รอทุกอย่างแน่นอนแล้วค่อยพูดออกมา”
จางกุ้ยฮัวฟังแล้วอบอุ่นราวกับได้ดื่มน้ำผึ้ง ตามคาด บุตรสาวใคร ใครก็รัก
หากเปลี่ยนเป็หลิวฉีซื่อ ตอนนี้คงเอาแต่ชี้หน้าด่านาง อมิตาพุทธ ขอบคุณพระโพธิสัตว์ที่มีตา ให้ครอบครัวนางแยกออกมาได้เร็วเช่นนี้
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมาที่ได้แยกครอบครัว จางกุ้ยฮัวรู้สึกว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
เมื่อได้ยินการคาดคะเนของมารดา ในใจก็แอบดีใจ หากว่าเพิ่มบุตรชายให้แก่หลิวซานกุ้ยได้ เดาว่าเขาต้องดีใจแน่ สามารถมีจุดยืนและยืดอกในบ้านตระกูลหลิวได้เสียที
“ท่านแม่ รีบดื่มน้ำเร็วเข้า”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน หลิวเต้าเซียงก็แอบไปชงน้ำผสมน้ำตาลแดงมาให้จางกุ้ยฮัวหนึ่งถ้วย นางไม่รู้ว่าการตั้งครรภ์นั้นถือเื่อะไรบ้าง แต่อย่างน้อยน้ำกับน้ำตาลแดงก็บำรุงร่างกายได้
เพียงแค่ดื่มถ้วยเดียว คงไม่ส่งผลอะไรมากมาย
“เซียงเซียง คุณ้าสแกนไหมครับ?” มีช่องทั้งที ในฐานะนักขายที่มีจรรยาบรรณ สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจะไม่ใช้โอกาสนี้ได้อย่างไร
หลิวเต้าเซียงไม่หลงติดกับ “นายพูดมาก่อน!”
หลังจากฟังเสร็จ นางค่อยตัดสินใจ
“การสแกนอวัยวะภายในของร่างกายมนุษย์ครั้งหนึ่ง จำเป็ต้องใช้พลังหนึ่งส่วนสามของผม คุณต้องนำไข่ส่งมอบให้มากขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนพลังงานกับบริษัทครับ”
“เท่าไร?”
หลิวเต้าเซียงถามอย่างใจเย็น
แม่ผู้แสนดีของนางยังมีสีหน้าไม่ดี แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องรีบร้อน
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบว่า “จำนวนที่เกินมาของเดือนนี้ทั้งหมดครับ”
หลิวเต้าเซียงตอบโดยไม่คิด “ไม่ได้หรอก ในบ้านเลี้ยงไก่ไว้มากมาย ไข่ไก่ก่อนหน้านี้ก็เอาไปแลกลูกไก่หมดแล้ว ไก่ก็เอามาแลกกับอาหารไก่ไปไม่น้อย ส่วนของเดือนนี้ รอจนถึงเดือนหน้าจึงแลกอาหารไก่ได้ ที่เหลือค่อยแลกให้บริษัทนายก็แล้วกัน”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดลังเลเพียงไม่เกินสามวินาที “เช่นนั้นก็ได้ครับ สองเดือน คุณจำเป็ต้องชำระหนี้ในส่วนนี้ ห้ามผ่อนผัน มิฉะนั้น ผมคง คงถูกกำจัดออก...”
ถูกกำจัดเลยหรือ?
หลิวเต้าเซียงใ “ฉันว่าอาการของแม่ก็ไม่ได้หนักมาก หรือไม่ ก็ยังไม่เอาดีกว่า”
หากสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดถูกไวรัสกำจัดไปจริง นางจะมีความมั่งคั่งรุ่งเรืองได้อย่างไร?
“ตราบใดที่เซียงเซียงไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัด หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็ไม่นับว่าเซียงเซียงผิดนัด ดังนั้นไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นนั้นครับ”
หลิวเต้าเซียงเข้าใจแล้ว ขอเพียงชำระหนี้อย่างว่าง่าย สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดก็จะไม่มีอันตรายถึง ‘ชีวิต’
“ถ้าจ่ายในสองเดือนมีข้อกําหนดใดๆ หรือไม่?”
กลีบใบเล็กๆ ของสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดเป็สีชมพูเล็กน้อย “มีครับ ต้องมอบไข่เพิ่มจำนวนร้อยละยี่สิบ”
“อะไรนะ?”
ปล้นกันเถิดแบบนี้! เหตุใดเผ่าตาเดียวช่างใจดำแบบนี้?
“เผ่าตาเดียวกระเพาะใหญ่ ความ้าไก่และไข่จึงมีมากครับ”
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดคิดในใจ มันก็แค่อยากขู่เซียงเซียงตัวน้อย เผ่าตาเดียวไม่ใช่แค่กระเพาะใหญ่ ศีรษะก็ใหญ่ เผ่าตาเดียวไม่ได้รุ่งเรืองเพียงเพราะความคิดตื้นๆ แต่พวกเขาฉลาดล้ำลึกยิ่งนัก
ในท้ายที่สุด หลิวเต้าเซียงผู้ซึ่งรีบร้อนอยากรู้ผลลัพธ์จึงเซ็นสัญญาที่ไม่ยุติธรรมนี้ไป
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดจึงเริ่มทำงานอย่างจริงจังและหนักหน่วง เพียงแค่อึดใจเดียวก็สามารถสแกนร่างกายของจางกุ้ยฮัวเสร็จเรียบร้อย
“เซียงเซียง ขอแสดงความยินดีด้วย หากอิงตามการพูดของโลกยุคนี้ คุณกำลังจะได้เป็พี่สาวแล้วครับ”
ท่านแม่ท้องอีกแล้วหรือ?
นี่เป็เื่ดี!
“สุขภาพของท่านแม่แข็งแรงดีหรือเปล่า? คลอดได้ไหม?” หลิวเต้าเซียงยังคงกังวลกับสุขภาพของจางกุ้ยฮัว
สัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดตอบว่า “แม้ว่าพื้นฐานร่างกายจะอ่อนแอเล็กน้อย แต่หนึ่งปีมานี้ได้รับสารอาหารทวีคูณ ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น น่าจะดีกว่าเดิมไม่น้อย โอกาสในการให้กำเนิดเด็กคนนี้อยู่ที่ร้อยละแปดสิบครับ”
คําตอบที่ได้รับจากสัตว์ปีศาจศูนย์ศูนย์เจ็ดทำให้หลิวเต้าเซียงโล่งใจ
หลังจากที่นางทราบข้อมูลที่ถูกต้อง จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เ้าสัตว์ปีศาจน้อย ดูได้ไหมว่าเป็ชายหรือหญิง?”
“เซียงเซียง โปรดดูความเป็จริงด้วยครับ คุณกำลังทำให้สัตว์ปีศาจลำบากใจนะครับ เล็กแค่นั้นจะให้ผมจำแนกเพศได้อย่างไรครับ?”
หลิวเต้าเซียงนิ่งเงียบ นางใจร้อนเกินไปหน่อย
เฉินซื่อช่วยพยุงจางกุ้ยฮัวกลับไปพักผ่อนในห้อง ขณะที่หลิวเต้าเซียงไม่มีอารมณ์ทำอย่างอื่น จึงเฝ้าอยู่ข้างๆ มารดาและพูดคุยกับนาง
หนึ่งชั่วยามครึ่งหลังจากนั้น หลิวซานกุ้ยก็บังคับเกวียนลากลับมา ส่วนหลิวชิวเซียงก็เข้าบ้านมาพร้อมกับเขา
“ท่านยาย เหตุใดวันนี้จึงทำอาหารเร็วเพียงนี้? คุยกันไว้แล้วว่ารอข้ากลับมา ข้ากับน้องรองจะช่วยกันทำไม่ใช่หรือ?” หลิวชิวเซียงเอ่ยขึ้น
“พูดอะไรกัน ยายไม่ได้แก่เสียหน่อย เหตุใดจึงทำไม่ได้” เฉินซื่อดีใจที่สุด เวลาที่เห็นหลานสาว บุตรเขยและบุตรสาวกินกับข้าวที่นางทำจนหมดเกลี้ยง
-----
