มู่อวิ๋นจิ่นตัวเเข็งทื่อมองไปที่ฉู่ลี่ เห็นเขาจับจ้องราวกับรอคอยคำตอบจากนางอย่างมีความหวัง
“อยู่ด้วยกันแบบไหน?” มู่อวิ๋นจิ่นโมโหตัวเองเต็มทนที่ถามขึ้นอย่างสิ้นคิด จนอยากกัดลิ้นลงตรงนั้น
ฉู่ลี่ยังคงลูบผมของนางอยู่ “แล้วเ้าว่าอยู่แบบไหนเล่า?”
“แสดงว่าเ้ากำลังสารภาพรักกับข้าอย่างนั้นหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นเชิดหน้าลอยตา ส่งยิ้มให้เขา
ฉู่ลี่เลิกคิ้วตอบ “เ้าจะคิดแบบนั้นย่อมได้”
ได้ยินประโยคที่ยืนกราน มู่อวิ๋นจิ่นรีบก้มหน้า กลั้นเสียงหัวเราะคิกคักโดยใช้การไอกลบเกลื่อนแทน “อย่างนั้นให้ข้าคิดๆ ดูก่อนแล้วกัน”
“เมื่อครู่เปิ่นหวงจื่อกำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป แต่ดูจากท่าทางของเ้า เหมือนยังไม่ยินยอมพร้อมใจ” ฉู่ลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ออกไปเลย!” มู่อวิ๋นจิ่นหน้าแดงก่ำ คว้าหมอนโยนใส่ฉู่ลี่
ฉู่ลี่รับหมอนใบนั้นได้ แล้วเดินไปนั่งบนเตียง คว้านางดึงเข้ามาในอ้อมกอด “ไม่ต้องพูดให้มากความ พักผ่อนได้แล้ว”
มู่อวิ๋นจิ่นเขยิบตัวนอนลงด้านใน โดยหมอนถูกฉู่ลี่ทับอยู่ จึงทำได้เพียงนอนกำมือแข็งทื่อติดกำแพง
……
เช้าตรู่วันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นตื่นจากความฝันขึ้น เพราะััได้ถึงเสียงข้างกายที่ดังขึ้น ก็รีบพรวดเด้งขึ้นมานั่ง มองเห็นฉู่ลี่กำลังสวมชุดอยู่
ฉู่ลี่ใสะดุ้งโหยง ขมวดคิ้วถามด้วยความใ “เ้าเป็อะไรไป?”
“ตื่นแล้วข้าจะออกไปพร้อมกับเ้า” มู่อวิ๋นจิ่นเดินลงจากเตียงไปเลือกชุดในตู้
ฉู่ลี่หันกลับมามองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากที่ฉู่ลี่สวมชุดเรียบร้อย เสี่ยวจวี๋ได้ยกอาหารเช้า เตรียมเข้าไปช่วยมู่อวิ๋นจิ่นเกล้าผม นางกลับรวมผมเปียเป็ที่น่าพอใจ
มู่อวิ๋นจิ่นตัดโจ๊กขึ้นทานได้เพียงไม่กี่คำ ด้านนอกกลับมีเสียงฝนตกเปาะแปะ ่เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่เอาฝนมาด้วย กำลังจะส่งผลให้อากาศเย็นขึ้นรวดเร็ว
ฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นรีบทานอาหารเช้าว่องไวไฟแรงเพียงไม่กี่คำ
ติงเซี่ยนที่ยืนรออยู่หน้าเรือนเห็นเ้านายทั้งสองมาด้วยกัน จึงเอ่ยด้วยเสียงสดใส “ลมพัดมาวูบใหญ่ั้แ่เช้าเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ฉู่ลี่และมู่อวิ๋นจิ่นหันขวับมองติงเซี่ยนอยู่ตลอด โดยที่สายตาเหมือนมีแผนบางอย่างในจิตใจ
ติงเซี่ยนอมยิ้ม เดินเข้ามารายงานสถานการณ์ให้ฉู่ลี่รับทราบ “องค์ชาย องครักษ์ลับถูกส่งไปช่วยกั้นทำนบ แต่ด้วยฝนที่ตกอยู่ตลอด ส่งผลให้เสียงอาหารที่แจกจ่ายไปหมดไวอย่างรวดเร็ว เกรงว่าต้องทูลรายงานเื่นี้ให้ฝ่าาทรงทราบ เพื่อให้อนุมัติเสบียงอีกรอบหนึ่ง ”
ฉู่ลี่พยักหน้าโดยไม่แสดงสีหน้า เดินตรงไปที่ทำนบทางทิศตะวันตก
มู่อวิ๋นจิ่นเดินตามข้างฉู่ลี่ ด้วยความระมัดระวังทุกฝีเก้า กลัวว่าหากไม่ทันระวังตัวจะหล่นลงหลุมโคลนอีก เมื่อฟังสิ่งที่ฉู่ลี่และติงเซี่ยนสนทนาอยู่นั้น กลับคิดว่าทำเช่นนี้ต่อไป มิใช่ทางออก
ทั้งสามคนกำลังเดินตรงไปทางทิศตะวันตก ทว่าด้านหน้ากลับมีรถม้านำทาง ตามด้วยขบวนติดตามที่เป็ทหารทั้งหมด
จากนั้นรถม้ามาหยุดลงตรงหน้าทั้งสามคน ม่านรถม้าถูกเปิดออก รอยยิ้มที่งดงามปรากฏขึ้นบนรถม้า
“พี่ลี่ พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น……”
คนที่มามิใช่ใครอื่น นั่นก็คือฉินมู่เยว่
มู่อวิ๋นจิ่นนึกไม่ถึงว่าฉินมู่เยว่จะมาโผล่ที่เมืองชิงโจวได้
ฉินมู่เยว่เชิดหน้าชูคอเดินลงมาโดยไม่แยแสมู่อวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย บ่าวใช้ข้างกายนางช่วยกางร่ม พาเดินไปหาฉู่ลี่ “พี่ลี่ ่นี้เป็ยังไงบ้าง ชายแดนบางส่วนไม่สงบ น้องจึงได้รับพระบัญชาให้ไปดูแล ประจวบเหมาะกับต้องผ่านมาที่เมืองชิงโจวพอดิบพอดี”
“ใช่แล้ว ก่อนออกเดินทาง ทราบมาว่าฝนในเมืองชิงโจวตกอย่างหนัก ฝ่าาจึงพระราชทานเสบียงอาหารด้วย” ฉินมู่เยว่ชี้ไปที่เสบียงอาหารสิบเกวียน
ทางด้านชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมา ต่างซาบซึ้งกันเป็แถวๆ “รองแม่ทัพฉิน ช่างเป็สตรีที่ยอดเยี่ยม ไม่เพียงชนะการศึกมาหลายสนาม ยังมาช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พวกเราอีก”
“ไม่ต้องออกปากชมกันไป นี่เป็หน้าที่ที่รองแม่ทัพต้องทำอยู่แล้ว” ฉินมู่เยว่ยิ้มมุมปากมองไปทางมู่อวิ๋นจิ่น
หยางว่านซานรีบเดินเข้าไปทำความเคารพฉินมู่เยว่ “ข้าน้อยคารวะรองแม่ทัพฉิน”
“ไม่ต้องมากพิธี”
“รองแม่ทัพฉินมาเยือนเมืองชิงโจวพร้อมด้วยเสบียงอาหาร เช่นนั้นอยู่พักที่นี่สักสองสามวันแล้วกัน?” หยางว่านซานพูดตามมรรยาท
“ดีเลย” ฉินมู่เยว่ตอบรับอย่างไม่ลังเล
มู่อวิ๋นจิ่นเหลือบมองไปที่ฉู่ลี่ ยื่นมือไปกระตุกชายเสื้อของเขา “ไม่ใช่ว่าจะไปดูทำนบที่ทิศตะวันตกหรอกหรือ?”
“ไปกันเถอะ” ฉู่ลี่โอบเอวนางเดินไปดูทำนบกั้นน้ำ
ฉินมู่เยว่มองทั้งสองคนเดินไปข้างหน้า จึงหันมาสั่งคนด้านข้าง “พวกเ้าเอาเสบียงแจกจ่ายกันก่อน ข้าจะไปเดินดูสภาพของเมืองชิงโจวหน่อย”
สิ้นเสียง ฉินมู่เยว่สาวเท้าไล่ตามไปติดๆ “พี่ลี่ รอข้าด้วย”
……
ทางทิศตะวันตกที่มู่อวิ๋นจิ่นเห็นคุณป้าอุ้มลูกชาย ผืนนาต่างถูกน้ำซัดท่วมจนมิดสายตา
“ครั้งก่อนที่ชนะศึกเดินทางกลับราชสำนัก เมืองชิงโจวแห่งนี้ยังดูสงบสุข มาตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปได้” ฉินมู่เยว่พาดมือไว้ด้านหลัง
ฉู่ลี่มิได้สนใจในสิ่งที่นางเล่า กลับมองไปที่หยางว่านซาน “นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีที่อื่นน้ำท่วมอีกไหม?”
หยางว่านซานส่ายหน้าถอดถอนใจ “อันที่จริงฝนตกลงมาไม่มีแนวโน้มหยุดลงง่ายๆ ทำให้น้ำที่ท่วมอยู่แล้วเพิ่มปริมาณสูงขึ้น จนกระทั่งคิดหาวิธีแก้ไขไม่ออกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เมื่อวานนี้ชาวบ้านบางส่วนคำนวณแล้ว หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป สู้ย้ายที่ทำหลักปักฐานไปเมืองอื่น ดีกว่ารออดตาย กว่าการช่วยเหลือจากราชสำนักมาถึง”
“ใช่แล้ว เมื่อครู่ระหว่างทางในเขตหยางสุ่ยที่อยู่ห่างไปสิบกว่าลี้ ที่นั่นท้องฟ้าสดใส คงมีเพียงที่เมืองชิงโจวเท่านั้นที่ฝนตกตลอดเวลา” ฉินมู่เยว่เล่าให้ฟัง
มู่อวิ๋นจิ่นมองภาพเบื้องหน้าด้วยอาการถอนใจ ที่มิอาจสามารถช่วยเหลือได้แม้แต่เล็กน้อย จึงเลือกปิดปากเงียบ ตั้งใจฟังบทสนทนาของทุกคน
“แย่แล้ว แย่แล้วจริงๆ” เสียงบุรุษคนหนึ่งะโร้องขึ้นมา
ทุกคนในที่นั้นต่างหันไปมอง เห็นบุรุษคนนั้นเดินไปล้มไปในโคลนอยู่หลายครั้ง ทว่ายังคงลุกขึ้นวิ่งมาทางฉู่ลี่
“องค์ชาย ใต้เท้าหยางแย่แล้ว ูเาทางทิศใต้มีหินถล่มลงมาแล้ว ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่เชิงเขาได้รับาเ็จำนวนมาก อีกทั้งหมอก็ยังไม่พอต่อความ้าขอรับ”
ฉู่ลี่ได้ยินก็เปลี่ยนสีหน้าทันที “รีบไปดูกันเร็ว”
……
ไม่นานนัก ทุกคนในที่นั้นต่างพากันวิ่งไปทีู่เาทางทิศใต้ เห็นหินถล่มลงมาจากภูเชาจำนวนมาก ชาวบ้านมากมายต่างนอนแผ่ บางคนาเ็ที่หัวบ้าง หลังบ้าง อีกทั้งส่วนต่างๆ ของร่างกาย จนเืไหลนองทั่วไปหมด
ในเวลานี้มีหมอสองท่านกำลังช่วยชาวบ้านที่ได้รับาเ็ เมื่อเห็นฉู่ลี่มาถึงต่างรีบวิ่งกรูเข้าไปหา “องค์ชาย เื่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย คนที่ได้รับาเ็มีมาก”
“มีทางไหนบ้างที่สามารถหายามาได้บ้าง?” ฉู่ลี่ถามขึ้น
“เมืองชิงโจวส่วนใหญ่เป็ูเาเกรงว่าขึ้นไปตอนนี้คงไม่ได้ ฉะนั้นมีเพียงไปทีู่เาชิงเฟิงที่ห่างไปสิบลี้ถึงจะเก็บสมุนไพรมาได้ แต่ว่าคนช่วยมีไม่เพียงพอพ่ะย่ะค่ะ” หมอหน้าเคร่งเครียด
“ข้าไปเก็บสมุนไพนมาให้เอง” มู่อวิ๋นจิ่นออกตัว “หมอบอกมาเลยว่า้าสมุนไพรตัวไหนบ้างก็พอ”
“พระชายาจะไปด้วยองค์เองมิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ เื่การเก็บยาสมุนไพรเป็งานใช้แรง จะให้หม่อมฉันยกให้พระชายาทำได้เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ” หยางว่านซานมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยสายตาเลิกลั่ก
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว “เื่หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ไม่ต้องมาพูดมาก รีบบอกข้ามาว่าต้องใช้สมุนไพรตัวไหนบ้าง”
ฉู่ลี่มองไปที่มู่อวิ๋นจิ่นด้วยความลังเล แต่มู่อวิ๋นจิ่นกลับพรวดขึ้นมาว่า “ไม่เป็ไร แค่ไปเก็บสมุนไพรแค่ไหน มิใช่เื่ใหญ่อะไรเลย”
หมอรีบเปิดกล่องยาหยิบตำรายาสมุนไพรออกมาเล่มหนึ่ง เปิดค้นหา “ในนี้มีภาพวาดประกอบสมุนไพน จะช่วยให้แยกแยะได้ง่าายพ่ะย่ะค่ะ”
มู่อวิ๋นจิ่นรับตำรายาสมุนไพร มองไปที่ภาพ พยักหน้าแล้วพับตำรายัดใส่เสื้อด้านใน
“เื่นี้รอช้ามิได้ เช่นนั้นข้าต้องไปแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นกล่าวจบคว้าไปหยิบตะกร้าสาน เตรียมมุ่งหน้าไปทีู่เาชิงเฟิงที่หมอชี้
ฉู่ลี่คว้าแขนมู่อวิ๋นจิ่นมาจีบเอาไว้ ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูนาง “เ้ามั่นใจใช่ไหมว่าทำได้?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฝีมือระดับเ้ายังไม่วางใจ?” มู่อวิ๋นจิ่นกดเสียงต่ำ ขมวดคิ้วมองไปที่ฉู่ลี่ “เ้าอยู่สถานการณ์ที่นี่ ข้าจะรีบไปรีบมาให้เร็วที่สุด”
จากนั้นฉู่ลี่ได้ปล่อยแขนมู่อวิ๋นจิ่นออก
มู่อวิ๋นจิ่นหายแวบไปอย่างรวดเร็ว ด้านฉู่ลี่ไม่วางใจ ส่งสายตาไปให้ติงเซี่ยน “เ้าแอบตามไปด้วยแล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
ฉินมู่เยว่เห็นฉู่ลี่เป็ห่วงเป็ใยมู่อวิ๋นจิ่น สายตากลับหรี่ลง มือทั้งสองข้างค่อยๆ กำแน่น
……
มู่อวิ๋นจิ่นออกไปได้ระยะหนึ่งเห็นรอบข้างไม่มีใครแล้ว จึงใช้วิชาตัวเบาเหาะไปทีู่เาชิงเฟิงรวดเร็วปานสายลม
ติงเซี่ยนตามหลังนางไปติดๆ เดิมทีเขาคิดจะไล่ตามมู่อวิ๋นจิ่นได้ทัน แต่กลับพบว่ามู่อวิ๋นจิ่นทิ้งระยะห่างออกไปไกลจนมองแทบไม่เห็น ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าไปแทน
หลังจากใช้วิชาตัวเบาเป็เวลาครึ่งชั่วยาม มู่อวิ๋นจิ่นก็หยุดพักตรงเชิงเขา พอเงยหน้าขึ้นมากลับเห็นแสงอาทิตย์ส่องสว่างอยู่บนนภา
นี่คือแสงอาทิตย์ที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว……
มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจยาว ยืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เพื่อขจัดความชื้นในร่างกาย พร้อมได้กลิ่นมวลบุปผาที่ลอยโชยมา ราวกับอยู่บนสรวง์ก็มิปาน
ระยะทางเพียงแค่สิบลี้กว่าๆ เหตุใดสภาพอากาศถึงแตกต่างได้มากถึงเพียงนี้?
มู่อวิ๋นจิ่นได้แต่ส่ายหน้า หยิบตำราสมุนไพรออกมาเทียบภาพวาดกับของจริง
บนเขาชิงเฟิงมีสมุนไพรมิน้อย มู่อวิ๋นจิ่นยิ่งเดินขึ้นไป ยิ่งเก็บสมุนไพรใส่ตะกร้าสานมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งตะกร้าสานยัดไม่ไหว มู่อวิ๋นจิ่นจึงเลือกลงจากูเา
ระหว่างทางที่กำลังเดินลง บนเชิงเขามีเวียงต่อสู้กันดังขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นหยุดฝีเท้าลง เลิกคิ้วขึ้น รีบเข้าไปแอบหลังต้นไม้ใหญ่ ชะเง้อภาพด้านล่างถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น……