เซี่ยเสี่ยวหลานคลายความระแวงหรือยังน่ะหรือ?
สภาพจิตใจของเธอผ่อนคลายลงมาก ส่วนเื่ความระแวง เธอมีอะไรให้ต้องระแวงกัน!
คนที่เล่นสกปรกต่อเธอพากันประสบเคราะห์กรรม ไม่ต้องพูดเลยว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกสบายใจมากขนาดไหน
ฝานเจิ้นชวนอดีตทรราชแห่งเขตเหอตง ทั้งหมดเป็เพราะพฤติกรรมอันมิชอบ กระทำความชั่วมากย่อมต้องรับผลกรรมเข้าสักวัน... ไม่สิ ในที่สุดคนโฉดก็พบกับคนที่ร้ายกาจและฉลาดเฉลียว อีกทั้งมีน้ำยาพอที่จะจัดการเขา วิบากกรรมของฝานเจิ้นชวนมาเยือนช้าไปหน่อย แต่โชคดีที่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจหลบหนีบทลงโทษพ้น เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้สนใจใยดีฝานเจิ้นชวนมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นจั๋วเว่ยผิงก็เป็ผู้บอกจุดจบของให้เธอทราบอยู่ดี
พอฝานเจิ้นชวนล้ม ไม่ใช่แค่ผู้คนมากมายในเขตเหอตงที่พลอยติดร่างแห คนตระกูลฝานซึ่งอาศัยฝานเจิ้นชวนวางอำนาจบาตรใหญ่ก็เป็หนึ่งในนั้นเช่นกัน
พระพุทธรูปดินที่ข้ามแม่น้ำยังยากจะปกป้องตน [1] ตระกูลฝานไม่มีเวลาว่างมาก่อกวนเซี่ยเสี่ยวหลานอีกต่อไป
เหตุการณ์นี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่ติงอ้ายเจินถูกจับกุม เซี่ยเสี่ยวหลานเป็เพียงบทนำ สาเหตุอันร้ายแรงที่แท้จริงคือพวกเขาเคยกระทำความผิดด้วยตนเอง!
อย่างไรก็ตามหลิวฟางมาหาเธอที่นี่ถึงสองหน เซี่ยเสี่ยวหลานอ่านหนังสืออยู่ในซางต้าจึงไม่มีโอกาสได้พบเจอ หลิวฟางโดนย่าอวี๋ถือไม้กวาดไล่ตี ด่าทอเสียไม่เหลือชิ้นดี
หลิวฟางร้องไห้คร่ำครวญทำท่าทางน่าสงสาร พอจับข้อมูลที่ขาดๆ หายๆ ปะติดปะต่อกัน ก็ออกมาเป็หนึ่งประโยค เหลียงปิ่งอันซวยแล้ว!
เหลียงปิ่งอันซวยแล้ว โดนฝานเจิ้นชวนแว้งกัด แม้ได้รับการยืนยันในท้ายที่สุดว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดที่ฝานเจิ้นชวนก่อ แต่ตัวเขาเองก็ไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนกัน ไม่ได้จำคุก ทว่าถูกปลดออกจากตำแหน่ง เตะออกจากองค์กร... หลิวฟางพูดวกไปวนมาเป็นัยว่าเื่นี้คือการแก้แค้นของเซี่ยเสี่ยวหลาน ขอร้องให้เธอปรานี
ย่าอวี๋เย้ยหยันขณะไล่เธอไป
“รู้ว่าคือการแก้แค้นแล้วยังกล้ามาอีก กะอีแค่ออกจากงาน บทลงโทษเบาเกินไปด้วยซ้ำ!”
เซี่ยเสี่ยวหลานคาดว่า ประโยคนี้ของย่าอวี๋นี่เองที่เขย่าขวัญหลิวฟางจนไม่กล้ามารบกวนถึงบ้านอีก
เป็เื่ดีทีเดียว แม้เธอจะไม่มีกำลังในการทำเช่นนี้ และโจวเฉิงเองก็ไม่เคยลงมือกับเหลียงปิ่งอัน แต่ปล่อยให้คนบ้านเหลียงจินตนาการกันไปเถอะ มันทำให้พวกน่ารำคาญหลีกเลี่ยงและออกห่างจากชีวิตของเธอได้!
เพียงแต่ไม่รู้ว่าอดีตรองหัวหน้าเหลียงผู้วางตัวสูงส่ง เมื่อกลายเป็บุคคลละเมิดระเบียบวินัยที่ถูกปลดจากตำแหน่งแล้ว ความผิดหวังต่อตนเองที่เกิดขึ้นนั้นจะหนักหนาหรือไม่?
ในตอนนี้เหลียงปิ่งอันไม่ใช่รองหัวหน้า หลิวฟางจึงไม่ใช่ภริยารองหัวหน้า
และเหลียงฮวนก็ไม่ใช่คุณหนูบุตรสาวรองหัวหน้าเหลียงอีกต่อไป
เซี่ยเสี่ยวหลานพึงพอใจในผลลัพธ์นี้มาก ในสมาชิกบ้านเหลียงทั้งสี่ เพียงคนเดียวที่เธอค่อนข้างมีความรู้สึกที่ดีให้ก็คือลูกพี่ลูกน้องชายตัวน้อยเหลียงอวี่ซึ่งเคยพบกันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เด็กคนนั้นอาจยังอ่อนวัย จึงยังไม่ถูกวางยาพิษโดยทัศนคติของคนบ้านเหลียง ทว่าอีกสองสามปีจะออกนอกลู่นอกทางหรือไม่ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เช่นกัน
และเธอไม่มีจิตใจเมตตาของแม่พระ นั่นไม่ใช่ลูกชายเธอเสียหน่อย
เหมือนคำพูดที่หลิวฟางกล่าวไว้นั่นแหละ การที่เซี่ยเสี่ยวหลานเกิดมาเป็ลูกสาวชาวนาคือโชคชะตาไม่อำนวย ดังนั้นเหลียงอวี่จะเป็อย่างไรในอนาคต ถือว่าเป็ชะตาของเขาเอง!
แม้แต่คนตระกูลเซี่ยซึ่งว่ากันว่าย้ายมาที่ซางตูแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่เคยบังเอิญพบเจอ สองเดือนที่ผ่านมานี้ พวกคนน่ารังเกียจถอยหลังกระจัดกระจายกันไปหมด ปล่อยให้เธอจดจ่อกับการเตรียมตัวสอบ ย่อมอยู่ในอารมณ์ผ่อนคลายเป็ธรรมดา ลุงของเธอเดินทางลงใต้ไปยังเผิงเฉิง ตอนแรกนึกว่าเป็การรับโครงการเล็กๆ เพื่อฝึกฝนฝีมือ แต่ด้วยเหตุไม่คาดฝันต่างๆ นานา กลับกลายเป็ผู้ชนะการประมูลงานตกแต่งภายในของทั้งบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง
หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวนสามารถผลักดันโครงการตกแต่งภายในมูลค่ารวมหลักล้านหยวนได้ไหม?
เคราะห์ดีที่ยังมีเงินกู้ยืมของธนาคาร
แน่นอนว่าสินเชื่อธนาคารมีขั้นตอนดำเนินการที่ยากมาก ในปี 1984 ผู้คนมากมายต่างไม่รู้ว่าสามารถยืมเงินจากธนาคารได้
แต่เงินของธนาคารมักจะถูกปล่อยให้กู้ยืมอยู่ดี มีธนาคารไหนที่รับแค่ฝากเงินและไม่ปล่อยกู้บ้าง?
เพียงแต่ก่อนยุค 80 ธนาคารจะปล่อยกู้ยืมให้หน่วยงานรัฐเท่านั้น พอเข้าสู่ยุค 90 โรงงานมากมายมีสภาพร่อแร่ อาศัยเงินกู้จากธนาคารในการเลี้ยงดูทั้งโรงงานอย่างสมบูรณ์ ท้ายที่สุดทางธนาคารก็รับภาระหนี้ไม่ไหว ่ต้นยุค 90 ‘หนี้สามเหลี่ยม [2]’ จึงขยายขนาดถึงหนึ่งในสามของมูลค่าสินเชื่อธนาคารทั้งหมด!
หลิวหย่งเป็หนึ่งในเ้าของกิจการเอกชนเพียงไม่กี่รายที่ขอสินเชื่อธนาคารสำเร็จ
เพราะว่าเป็โครงการที่เขาทำสัญญากับบ้านพักรับรองเทศบาลเมือง สัญญาฉบับนี้ไม่ได้ถือว่ามีราคาค่างวดเท่าไร แต่ระดับความน่าเชื่อถือของมันสูงยิ่งนัก และเป็เพราะว่าเขาอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษเผิงเฉิง ด่านหน้าของพื้นที่นำร่องการปฏิรูปเศรษฐกิจ เ้าของธุรกิจอิสระในสถานที่อื่นๆ อาจยังต้องหลบซ่อนปิดบังตัว ทว่าในเขตเศรษฐกิจพิเศษไร้ซึ่งข้อจำกัดนี้
รัฐบาลท้องถิ่นเขตเศรษฐกิจพิเศษอาจหาญไม่ใช่ย่อย กล้าทำสิ่งที่อยู่เกือบนอกกฎเกณฑ์ั้แ่ปี 80 โดยสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้ ‘การซื้อขายแบบชดเชย’ ในเวลานั้นมีธนาคารบางแห่งกล้าปล่อยสินเชื่อให้ประชาชนซื้อบ้านแล้ว—แน่นอนว่าไม่ใช่การปล่อยสินเชื่อจำนองสำหรับซื้อบ้านเป็ระยะเวลายี่สิบสามสิบปีทันทีเหมือนในอนาคต แต่เป็การจ่ายเงินซื้อบ้านร้อยละ 40 ก่อนการก่อสร้าง เมื่อสร้างบ้านเสร็จไปครึ่งหนึ่งจะส่งอีกร้อยละ 40 และชำระส่วนที่เหลือร้อยละ 20 ทั้งหมดในตอนโอนบ้าน
พอหลิวหย่งได้รับเงินค่าตกแต่งภายใน ก็จะสามารถชดใช้เงินกู้ของธนาคารได้... แน่นอนว่ามีดอกเบี้ยเป็ธรรมดา ทว่าไม่ได้สูงมากนัก กำไรจากโครงการนี้ยังเหลืออยู่แม้จะชำระเงินกู้ทั้งหมดแล้ว
มีกำไรเท่าไรนั้นเป็เื่รอง สิ่งสำคัญที่สุดคือหลิวหย่งขับเคลื่อนโครงการมูลค่าหลักล้านได้โดยอาศัยเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวน
ถ้าเป็การพัฒนาธุรกิจตามปกติ ‘หย่วนฮุย’ อาจต้องสั่งสมประสบการณ์สองสามปีถึงจะสามารถรับงานใหญ่ขนาดนี้ได้ เมื่อรับงานที่เกินขอบเขตสมรรถภาพอย่างกะทันหัน หลิวหย่งจึงรีบเร่งจัดตั้งทีมก่อสร้าง ใน่เริ่มต้นที่ต้องนำคนจำนวนมาก หลิวหย่งไร้ซึ่งประสบการณ์แน่นอน โชคดีที่เขาเรียนรู้ไว และเนื่องจากปัจจัยด้านอัธยาศัย คนงานเ่าั้พบว่าเถ้าแก่อย่างเขาเป็มิตรและนิสัยดี ทั้งคณะจึงมีความสามัคคีกันยิ่งขึ้น
หลิวหย่งรายงานเฉพาะเื่ราวที่น่ายินดี เอาเป็ว่าพอมาถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน ทุกสิ่งที่ได้ยินคือข่าวดี
เธอเองก็ทำได้แค่ชี้ให้เห็นข้อควรระวังและตักเตือนลุงของเธอเท่านั้น หลิวหย่งอายุเกินสี่สิบปีแล้ว ยังต้องให้เซี่ยเสี่ยวหลานสอนเื่การปฏิบัติตนแบบตัวต่อตัวอีกหรือ? เธอคิดว่าจริงๆ แล้วลุงของเธอนั้นฉลาดพอ เป็คนประเภทที่เพียงให้เวทีก็สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างอิสระ
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวล้วนราบรื่นดี เซี่ยเสี่ยวหลานมีสภาพจิตใจก่อนสอบเกาเข่าที่สมบูรณ์พร้อม
วันที่ 4 เธอวิ่งและพาสุนัขเดินเล่นเหมือนเดิม กลับบ้านมาทำแบบฝึกหัด จากนั้นถึงขี่จักรยานไปโรงเรียน เก่อเจี้ยนย่อมติดตามไม่ไกลไม่ใกล้อยู่ด้านหลังเธอเป็ธรรมดา เซี่ยเสี่ยวหลานจะไปโรงเรียนเพื่อรับบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบ ดูว่าตนเองสอบที่สนามสอบไหน คงดีมากถ้าอยู่ที่เซี่ยนอีจง ไม่ต้องเสียเงินและเวลาในการเดินทาง แต่ผู้เข้าสอบของเมืองเฟิ่งเสียนทั้งหมดถูกจัดสรรสนามสอบโดยการสุ่ม ดังนั้นตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่รู้เลยว่าเธอจะได้สอบที่ไหน
นี่เป็เหตุผลที่เธอขี่จักรยานด้วย เผื่อว่าจะไปดูสนามสอบ ทั้งคล่องตัวและสะดวกกว่านั่งรถรับส่งมากโข
หลิวหย่งไม่อยู่ เก่อเจี้ยนจึงขี่จักรยาน 28 นิ้วคันนั้นของเขา พักนี้จักรยานของหลิวหย่งถูกใช้โดยเก่อเจี้ยนมาโดยตลอด... เถ้าแก่เซี่ยผู้มีเงินพอจ้างคนคุ้มกัน ไม่เคยละเลยการกินอยู่ของตนเอง รวมถึงไม่ละเลยคนที่ติดตามเธอเช่นกัน แต่จะให้เธอจ่ายเงินหลักหมื่นซื้อรถเก๋งสักคันเพื่อสร้างมาดของเ้านาย เอามีดมาแทงเธอเสียยังดีกว่า
เงินไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้แบบนั้น ไม่ต้องขลาดกลัวในการจ่ายสิ่งที่สมควร ส่วนสิ่งที่ไม่สมควร ก็อย่ารีบร้อนเพลิดเพลินกับมันเร็วเกินไป
ชีวิตประจำวันของเธอก็คือบ้านถึงห้องสมุดซางต้า กลับเขตอันชิ่งบ้างเป็ครั้งคราว ซื้อรถเก๋งไปก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี!
แม้แต่นายจ้างยังขี่จักรยาน คนคุ้มกันก็ต้องขี่จักรยานเหมือนกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานมาถึงหน้าเซี่ยนอีจง เก่อเจี้ยนคอยตามอยู่ด้านหลัง เขาเป็คนพูดน้อย ถ้าไม่มีธุระก็จะไม่สนทนากับนายจ้าง
คนนอกจึงมองว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ตามลำพัง
บริเวณทางแยก ชายหนุ่มจำนวนหนึ่งมารออยู่ตั้งนานแล้ว พอเซี่ยเสี่ยวหลานปรากฏตัว พวกเขารู้ทันทีว่าคนที่ตนกำลังรอมาถึงจนได้ ใช่ สืบเสาะเป็อย่างดี อีกทั้งระบุตัวตนได้ง่ายมาก คนที่สวยที่สุดก็คือเธอ และข้างทางยังมีคนทักทายเธออย่างเป็มิตรพลางเรียกว่า ‘เสี่ยวหลาน’ ด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานมองเห็นซุนเถียนจากระยะไกล เมื่อเธอเบนสายตากลับมา จู่ๆ ตรงหัวมุมก็มีจักรยานสองสามคันเพิ่มความเร็วพุ่งเข้ามาชน เซี่ยเสี่ยวหลานเสียสมดุลจนปะทะเข้ากับอีกฝ่าย... ก่อนเธอจะล้มลงบนพื้นยังคิดว่าทั้งน่าขันและน่าอาย นี่มันเป็อุบัติเหตุทางถนนที่ไหนกัน?
“ตายแล้วๆ ขอโทษขอโทษ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเธอขึ้นมา!”
“มีอะไรกันน่ะ ไม่ดูตาม้าตาเรือรึ?”
เหตุการณ์ชนกันและความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกถึงเท้าคู่หนึ่งที่เหยียบอยู่บนมือของเธอ เจ็บจนเธออุทานด้วยความใ อีกคนทำทีว่าพยุงเธอ อันที่จริงกำลังกดไหล่เธอลงกับพื้นอย่างรุนแรง ไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ลุกขึ้นมา—ในหัวเธอส่งเสียงสัญญาณเตือนทันที คนพวกนี้จงใจ!
เชิงอรรถ
[1]泥菩萨过江,自身难保 พระพุทธรูปดินที่ข้ามแม่น้ำยังยากจะปกป้องตน หมายถึง กระทั่งตัวเองยังแทบไม่รอด นับประสาอะไรกับการช่วยผู้อื่น
[2]三角债 หนี้สามเหลี่ยม คือ วงจรการติดหนี้สินเป็ลูกโซ่ โดยมีโครงสร้างเป็บริษัท A ติดหนี้บริษัท B บริษัท B ติดหนี้บริษัท C และบริษัท C ติดหนี้บริษัท A อีกทอดหนึ่ง หากการชำระหนี้ล่าช้าระหว่างองค์กรขยายจนมีขนาดใหญ่เกินไป หนี้ค้างชำระจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานขององค์กร รวมถึงต่อการดำเนินงานตามแผนสินเชื่อของธนาคาร ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่้ากู้ยืมเงินจะขอสินเชื่อยาก เนื่องจากหนี้ค้างชำระยังเหลือมากเกินไป ธนาคารไม่อยากรับความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้ระบบเศรษฐกิจไม่คล่องตัวเท่าที่ควร