นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ลู่เป๋าเหยียนกลายร่างเป็หุ่นยนต์ที่ทำงานไม่หยุดหย่อนไปเสียแล้ว ผู้ช่วยอย่างเสิ่นเยว่ชวนจึงก็ทำได้เพียงทำงานถวายชีวิตเพื่อบอสของตน
เมื่อเวลาพักจิบกาแฟสิบนาทีที่หายากได้มาถึง เขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาอ่านข่าว เขาสงสัยว่าตอนนี้ข่าวฉาวของหานรั่วซีกับลู่เป๋าเหยียนไปถึงไหนแล้ว แต่กลับพบว่าประเด็นร้อนในตอนนี้ไม่ใช่เื่เดิมอีกต่อไป แต่เป็...
“ชิบห...แล้ว!”
เสิ่นเยว่ชวนไม่ได้ใขนาดนี้มานานหลายปี เข้ารีบวิ่งกลับไปที่ห้องทำงาน แล้ววางมือถือลงตรงหน้าลู่เป๋าเหยียน
“ดูข่าวนี่!”
ลู่เป๋าเหยียนนึกว่าคงเป็ข่าวซุบซิบอะไรอีก จึงปรายตามองอย่างไม่ใส่นัก แต่ทว่าภาพที่เห็นกลับเป็รูปของูเี่อัน
เธอถูกจับมัดอยู่บนเก้าอี้ขณะหมดสติ ศีรษะเอนไปอีกข้าง และถูกมีดจ่ออยู่ข้างแก้ม บนภาพเขียนไว้ว่า ‘พรุ่งนี้เที่ยงตรง ถ่ายทอดสดหั่นแยกส่วนสาวงาม ขอให้ทุกคนติดตามชม’
ลู่เป๋าเหยียนลุกขึ้นอย่างแรงจนโน้ตบุ๊คหล่นลงไปที่พื้นหักเป็สองท่อน
เขากำหมัดแน่นจนมองเห็นเส้นเืที่หลังมือได้อย่างชัดเจน ดวงตาเรียวยาวส่อแววน่ากลัวพร้อมจะะเิทุกเมื่อ
เสิ่นเยว่ชวนไม่ได้เห็นลู่เป๋าเหยียนดูน่ากลัวแบบนี้มานานมากแล้ว เขาค่อยๆ ถามอย่างระมัดระวัง
“เอาไงดี ไอ้ฆาตกรนี่น่ากลัวกว่าซูหงเยวี่ยนอีกนะ”
“บอกวังหยางให้มาที่สนามบินภายในสามสิบนาที”
พูดจบลู่เป๋าเหยียนก็หายไปจากห้องทำงาน เสิ่นเยว่ชวนยังเรียกสติตัวเองกลับมาไม่ทัน
วังหยางคือนักบินส่วนตัวของลู่เป๋าเหยียน เรียกวังหยางไปสนามบิน...ลู่เป๋าเหยียนจะกลับประเทศ?
อีกนิดเดียวสัญญาก็จะเรียบร้อย เครือลู่ก็จะบุกตลาดอเมริกาได้แล้วแท้ๆ ถ้าเขากลับไปตอนนี้ นอกจากความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้แล้ว สิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดหลายวันก็เท่ากับสูญเปล่าน่ะสิ!
แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของูเี่อัน เขามั่นใจว่าลู่เป๋าเหยียนคงไม่ใส่ใจ
ว่าแล้วเขาจึงโทรเรียกวังหยางให้รีบไปสนามบินโดยด่วนภายในสามสิบนาที ถ้าไม่งั้นชีวิตนี้คงไม่ได้กลับประเทศอีกเลย
ส่วนสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ ทั้งโลกความจริงและโลกออนไลน์ต่างลุกเป็ไฟ
กลางดึกก่อนฟ้าสว่าง อยู่ๆ ก็มีคนโพสต์ว่าจะทำการถ่ายทอดสดหั่นแยกชิ้นส่วนมนุษย์ พร้อมแนบรูปภาพประกอบ
บรรดาคนนอนดึกทั้งหลายต่างสังเกตเห็น แวบแรกทุกคนคิดว่าคงเป็การล้อเล่น แต่พอดูชื่อสถานที่ เถียนอันการ์เดนท์ อาคารสิบหก ห้อง 502
นี่มันสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรมคดีแรก!
จากนั้นก็มีหลายคนที่จำได้ว่าคนในภาพคือูเี่อัน ตามด้วยความเคลื่อนไหวจากทางตำรวจ ทำให้ทุกคนเชื่อแล้วว่าเป็เื่จริง ูเี่อันกำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของฆาตกรโรคจิต
ในอินเทอร์เน็ตมีคนล้อเล่นขึ้นมาว่า ฆาตกรนี่คงไม่ใช่แฟนคลับของหานรั่วซีหรอกนะ?
หลังจากนั้นทางตำรวจก็ได้ออกมาประกาศว่า เหยื่อที่ถูกทำร้ายและถูกฆาตกรจับตัวไว้มีสองคนคือ ูเี่อันและเจียงเส้าข่าย
สองคนนี้ คนหนึ่งเป็คุณชายใหญ่ของตระกูลเจียงผู้โด่งดัง ส่วนอีกคนเป็ภรรยาของลู่เป๋าเหยียน ทั้งสองคนไม่ใช่คนสามัญทั่วไป ดังนั้นผู้คนจึงพากันนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์อดหลับอดนอนรอดูสถานการณ์ ล็อกอินที่เข้ามาโพสต์เื่ถ่ายทอดสด มีผู้ติดตามเพิ่มเป็ล้านคน และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีคนไม่น้อยที่กำลังรอดูว่าฆาตกรจะจัดการูเี่อันจริงหรือไม่ และมีกระทั่งพวกที่ออกมาแสดงความนับถือฆาตกรคนนี้ ที่จะช่วยกำจัดูเี่อันออกไปให้พ้นทาง ลู่เป๋าเหยียนจะได้กลับสู่อ้อมกอดของหานรั่วซีได้เสียที
ก่อนรุ่งสาง ความหวาดกลัวก็ได้ปกคลุมไปทั้งเมือง ทั่วทั้งเถียนอันการ์เดนท์เปิดไฟสว่างไสว ที่ใต้อาคารสิบหก มีรถตำรวจจอดอยู่กว่าสิบคัน มีทั้งตำรวจธรรมดา และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
สารวัตรเหยียนและผู้กำกับรีบมาที่นี่ทันทีหลังได้รับแจ้งเหตุ ตอนนี้ทั้งสองกำลังปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด หน้าผากของสารวัตรเหยียนมีเหงื่อไหลไม่หยุด ูเี่อันและเจียงเส้าข่ายต่างก็เป็คนใต้บังคับบัญชาของเขาทั้งนั้น เขาย่อมไม่อยากให้ใครได้รับอันตราย
ผู้กำกับเองร้อนใจยิ่งกว่า วันแรกที่เจียงเส้าข่ายมารายงานตัวที่สถานีตำรวจ พ่อของเขาก็ได้ฝากฝังเอาไว้เรียบร้อย ูเี่อันยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้เกิดเื่กับทั้งสองคน ไม่ว่าจะเพื่อพวกเขา หรือเพื่อความปลอดภัยของชาวเมือง เขาจะต้องรีบจับตัวฆาตกรโรคจิตนี่ให้ได้
ความกระวนกระวายแผ่กระจายไปทั่วบริเวณของเถียนอันการ์เดนท์ มีเพียงูเี่อันและเจียงเส้าข่ายเท่านั้นที่ยังไม่รู้สึกตัว
หลังูเี่อันหมดสติไปได้ไม่นาน เจียงเส้าข่ายเองก็ถูกตีจนหมดสติไปอีกคน ทั้งสองถูกมัดไว้กับเก้าอี้จนถึงเช้ากว่าจะเริ่มรู้สึกตัว
พวกเขาถูกขังไว้ในห้องที่ผ้าม่านถูกปิดสนิทจนมืดไปหมด
เจียงเส้าข่ายลองขยับมือหวังเกาะปมเชือก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมหลุด เขายิ้มออกมา
“ตอนเด็กฉันถูกโจรลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่กับพ่อฉัน มาตอนนี้ก็ถูกฆาตกรโรคจิตจับตัวอีก ฉันนี่ใช้ชีวิตคุ้มจริงๆ”
ท้ายทอยของูเี่อันยังคงเจ็บอยู่ เธอตอบกลับไปอย่างอ่อนแรง
“เจียงเส้าข่าย เมื่อคืนนายมาได้ยังไง”
“สารวัตรเหยียนบอกว่าเธอมาที่นี่คนเดียว ฉันเกรงว่าเธอจะกลัวเลยตามมาน่ะ” เจียงเส้าข่ายถอนหายใจอย่างนึกเสียดาย “นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอไอ้สารเลวที่นี่ รู้งี้ฉันน่าจะขยันฝึกกับพวกทีมตำรวจมากกว่านี้หน่อย ต่อให้ล้มไอ้สารเลวนั่นไม่ไหว แต่อย่างน้อยช่วยเธอหนีออกไปได้ก็ยังดี”
ผ่านไปสักพักูเี่อันจึงพูดขึ้นว่า
“เจียงเส้าข่าย ขอโทษนะ ถ้านายไม่มาหาฉัน ก็คงไม่เจอเื่แบบนี้”
“เธอไม่ต้องขอโทษเขาหรอก” มีเสียงดังขึ้นจากมุมห้อง “ฉันไม่สนใจผู้ชาย ไม่ทำอะไรเขาหรอก”
เจียงเส้าข่ายมองตามเสียงไป จึงเห็นหน้าคนร้ายที่นั่งอยู่มุมห้องอย่างชัดเจน
“แกคิดจะทำอะไร”
ฆาตกรตอบพลางยิ้ม “แกคงไม่ได้ชอบแม่สาวคนนี้หรอกใช่ไหม”
“ฉันจะชอบสาวคนไหนก็ชอบแบบปกติ” ถึงจะโดนมัดอยู่แต่เจียงเส้าข่ายกลับนั่งวางท่าอย่างกับคุณชาย “แต่แกนี่สิ ทำไมโรคจิตอย่างนี้วะ”
“เมื่อวานตอนแกเข้ามาคงเห็นแล้วสินะว่าผู้หญิงคนนั้นตายยังไง” ฆาตกรเดินไปตรงหน้าเจียงเส้าข่าย จากนั้นจึงเชยคางูเี่อันขึ้นมา “เที่ยงวันนี้ เธอก็กลายเป็แบบนั้นแหละ แกบอกว่าฉันโรคจิตใช่ไหม? งั้นเดี๋ยวฉันจะให้แกได้ชมั้แ่ต้นจนจบไปพร้อมๆ กับชาวเน็ตเลยเป็ไง”
“ปล่อยเธอซะ!” เจียงเส้าข่ายเตะออกไปเต็มแรง “แกเป็ผู้ชายจริงหรือเปล่าวะ”
ฆาตกรไม่สนสักนิด เขาเหยียบเท้าเจียงเส้าข่ายและบดขยี้อย่างแรง เจียงเส้าข่ายเจ็บจนชักอยากจะด่าบุพการีออกมา แต่ทำได้แค่กัดฟันทน
“แกอยู่เมืองนี้ น่าจะรู้จักลู่เป๋าเหยียนสินะ เธอเป็ภรรยาเขา ถ้าแกกล้าแตะต้องเธอ คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือไง”
“ตอนฉันจับพวกแกเป็ตัวประกันก็ไม่ได้คิดจะมีชีวิตต่ออยู่แล้ว” ฆาตกรตอบพลางลูบหน้าูเี่อัน “เพราะฉะนั้นเธอถือว่าโชคดีนะคนสวย อย่างน้อยก็มีฉันที่จะตายเป็เพื่อนเธอ”
เจียงเส้าข่ายมั่นใจแล้วว่าไอ้ฆาตกรบ้านี่โรคจิตล้านเปอร์เซ็นต์ เื่นี้คงต้องหวังพึ่งสารวัตรเหยียนเพียงอย่างเดียวแล้วสินะ เขาหันไปมองูเี่อัน
“ไม่ต้องกลัวนะ”
ูเี่อันเข้าใจความหมายที่เจียงเส้าข่ายจะสื่อ ความเ็ปที่ท้ายทอยเริ่มลดลง เธอจึงพยักหน้าตอบกลับไป
ฆาตกรเข้าใจทันทีว่าพวกเขากำลังส่งซิกอะไรกันจึงหัวเราะเสียงดัง
“ฉันวางะเิเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ และหน้าต่างบานเล็กบานน้อยไว้หมดแล้ว ถ้าพวกตำรวจกล้าบุกเข้ามา ฉันไม่รับประกันนะว่าจะมีชีวิตรอดกลับออกไปได้ อีกอย่างฉันเตือนพวกมันไว้แล้วว่า ถ้าฉันได้ยินเสียงะเิเมื่อไร ก็จะลงมือฆ่าพวกแกสองคนทันที แต่ถ้าพวกมันว่านอนสอนง่ายหน่อยละก็ เจียงเส้าข่าย แกอาจจะมีชีวิตรอดกลับไปได้นะ”
“ถ้าคุณ้าแค่เพียงตัวฉัน” ูเี่อันถาม “ทำไมไม่ปล่อยเจียงเส้าข่ายไปั้แ่ตอนนี้ล่ะ ฉันสู้คุณไม่ได้ แต่เขาเป็ผู้ชายมันก็ไม่แน่ ปล่อยเขาไป คุณจะได้ไม่ต้องมาคอยระวังตัวตอนที่จัดการแยกส่วนฉันไง”
“ูเี่อัน!” เจียงเส้าข่ายโมโหสุดขีด “หุบปากซะ!”
ในเวลาแบบนี้ เขาจะทิ้งเธอแล้วหนีไปคนเดียวได้อย่างไร อย่างน้อยเขากับเธอทำงานด้วยกันมาร่วมหกปีเลยนะ
“ฉันเกือบจะซึ้งแล้วนะเนี่ย” ฆาตกรพูดพลางปรบมือ เขาเดินมาหยุดตรงหน้าูเี่อัน
“แต่ฉันคงปล่อยเขาไปไม่ได้หรอก เขามีหน้าที่เป็ผู้ชมเพียงหนึ่งเดียวของรายการถ่ายทอดสดของฉัน ส่วนเธอก็นั่งรอเวลาอยู่เงียบๆ ก็พอ”
ูเี่อันไม่พูดต่อ เธอหันมองนาฬิกา ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว
ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมง เธออาจจะมีชีวิตรอดกลับไม่ หรือไม่ก็กลายเป็เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายที่สามของคดีนี้
โดยไม่มีสาเหตุ ใบหน้าของลู่เป๋าเหยียนเริ่มโผล่ขึ้นมาในสมองเธออีกแล้ว
เขาจะรู้เื่หรือยังนะ?
เขาจะร้อนใจเื่เธอบ้างหรือเปล่า?
ทางเขาเธออาจจะไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ซูอี้เฉิงคงเป็ห่วงเธอแทบแย่แล้วล่ะ เธอพูดยิ้มๆ
“เจียงเส้าข่าย ถ้าวันนี้ฉันตายไปจริงๆ ฝากนายไปบอกพี่ฉันด้วยว่า อย่าเศร้าไป ฉันแค่ไปหาแม่ก็เท่านั้น”
“แล้วไม่มีอะไรฝากถึงลู่เป๋าเหยียนบ้างเหรอ” เจียงเส้าข่ายถาม
มีสิ
มีอยู่คำพูดหนึ่ง ที่เธออยากจะพูดกับเขามาตลอดสิบปี
ทว่าตอนนี้ มันไม่สำคัญแล้วล่ะ
“แล้วฉันล่ะ” เจียงเส้าข่ายหันหน้ามามองเธอ “ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันหน่อยเหรอ”
“ขอบคุณนายมากนะ” ูเี่อันยิ้ม “ทั้งตอนอยู่มหาวิทยาลัยและที่อเมริกา นายช่วยฉันเอาไว้เยอะมาก เจียงเส้าข่าย ต้องขอบคุณนายมากจริงๆ”
เจียงเส้าข่ายแอบขยับตัวทำอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังพลางยิ้มตอบ
“ขอบคุณไปแล้วได้อะไรเนี่ย!”
เขาแอบส่งซิกใหู้เี่อัน
ูเี่อันเองก็สังเกตเห็นสิ่งที่เจียงเส้าข่ายทำ เธอคุยกับเจียงเส้าข่ายต่อไปเื่นู้นเื่นี้เพื่อเบนความสนใจของฆาตกร
ฆาตกรถือปืนนั่งอยู่ที่มุมห้อง ความสนใจของเขาส่วนใหญ่อยู่ที่ความเคลื่อนไหวด้านนอก เขาได้ยินูเี่อันกับเจียงเส้าข่ายคุยกันเื่ไร้สาระจึงไม่ได้สนใจอะไร
และนั่นคือสิ่งที่เจียงเส้าข่าย้า เขายิ้มตาหยีพลางมองูเี่อันอย่างหยอกล้อ
“เธอว่า ตอนนี้ลู่เป๋าเหยียนกำลังทำอะไรอยู่”
ูเี่อันนิ่งไป “ฉันไม่ได้มีตาทิพย์มองเห็นไกลถึงอเมริกานะ จะไปรู้ได้ยังไง”
เจียงเส้าข่ายเลิกคิ้วเล็กน้อย เื่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่แน่...ลู่เป๋าเหยียนอาจจะไม่อยู่อเมริกาแล้วก็ได้
ลู่เป๋าเหยียนอยู่บนเครื่องบิน
วังหยางบอกกับเขาว่า เขาจะถึงเมือง A อย่างเร็วที่สุดก็ตอนสิบเอ็ดโมง
ตอนนี้สิบโมงแล้ว ูเี่อันกับเจียงเส้าข่ายยังคงถูกจับตัวไว้ ทางตำรวจยังคงหาวิธีบุกจับเพื่อช่วยตัวประกันไม่ได้ คนของเขาเองก็เคลื่อนไหวไม่สะดวก
ทุกคนต่างคิดว่าูเี่อันคงรอดยาก คนไม่น้อยพากันรอชมถ่ายทอดสดทางอินเทอร์เน็ต
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้นอนพักผ่อนมาหลายวัน ความอ่อนเพลียฉายชัดอยู่บนใบหน้า แต่เขายังพักไม่ได้ ตอนนี้ใจเขาอยากจะรีบจัดการเื่นี้ให้รู้แล้วรู้รอด ต่อให้ต้องเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตนก็ตาม
สุดท้าย เขาจึงตัดสินใจติดต่อมู่ซือเจวี๋ย
“ไม่ได้!” มู่ซือเจวี๋ยปฏิเสธ “ก็จริงที่ถ้าส่งพวกเขาไปสามารถช่วยเจี่ยนอันได้แน่นอน แต่สิ่งที่รอพวกนายต่อจากนั้นคืออันตรายที่ร้ายแรงยิ่งกว่า ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ฉันไม่ยอมให้นายต้องเสี่ยงอะไรแบบนั้นแน่ เจี่ยนอันเป็คนฉลาด เด็กตระกูลเจียงนั่นก็ไม่ใช่เล่นๆ ถ้าพวกตำรวจหาวิธีช่วยพวกเขาไม่ได้ ไม่แน่พวกเขาอาจจะหาทางช่วยตัวเองออกมาได้ก็ได้นะ”
“ฉันไม่อยากให้เธอาเ็”
“ฉันรู้” มู่ซือเจวี๋ยยอมถอยหนึ่งก้าว “ฉันรับปากนาย เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปคอยดูสถานการณ์ไว้ ถ้าสุดท้ายแล้วยังไม่มีอะไรดีขึ้น พวกเขาจะเข้าไปช่วยตัวประกันเอง แต่ก่อนหน้านั้น นายห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยงเด็ดขาด! นี่ก็เพื่อเธอนะจำไว้!”
ลู่เป๋าเหยียนวางสาย เขายกกาแฟดื่มจนหมดแก้ว แล้วสั่งให้วังหยางบินกลับไปที่ที่ว่าการตำรวจนครบาลโดยตรง ที่นั่นมีลานบินสามารถลงจอดได้ สนามบินอยู่ชานเมือง จากตรงนั้นไปเถียนอันการ์เดนท์ค่อนข้างไกล
“ครับ!”
วังหยางรีบติดต่อผู้เกี่ยวข้องทันที
สิบเอ็ดโมงกว่า เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งก็ได้ลงจอดที่ลานบินของที่ว่าการฯ เครื่องบินส่วนตัวสีขาวจอดเด่นอยู่ท่ามกลางเฮลิคอปเตอร์สีดำ
คนขับรถได้มารอลู่เป๋าเหยียนอยู่ก่อนแล้ว ลู่เป๋าเหยียนลงเครื่องปุ๊บก็รีบขึ้นรถมุ่งตรงไปยังเถียนอันการ์เดนท์ทันที
มู่ซือเจวี๋ยไม่อยากให้เขาเสี่ยง
แต่สำหรับเขาแล้ว การสูญเสียูเี่อันเป็สิ่งเดียวในชีวิตที่เขาไม่อาจเสี่ยงกับมัน