ตอนที่ 3
เริ่มต้นใหม่
หลังจากผ่านไปหลายวันที่เธอพักฟื้นอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ตามร่างกายที่เคยมีแผลฟกช้ำเต็มไปหมด บัดนี้กลับหายเป็ปลิดทิ้งไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้เห็น ในที่สุดเหยาเหยาก็สามารถลุกขึ้นมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง เธอเปิดประตูไม้แล้วก้าวออกมายังลานหน้าบ้าน
แสงแดดในยามสายส่องลอดช่องไม้กระทบกับเรือนผมดำขลับ กลิ่นดิน กลิ่นหญ้า และกลิ่นดอกไม้ป่าลอยตามลมปะทะกับจมูก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็คนอีกครั้ง
สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีบ้านเรือนไม่กี่สิบหลังเท่านั้น ทุกหลังเรียงตัวตามแนวลาดของหุบเขา ด้านข้างผูกเชือกตากผ้าเรียบง่าย มีเด็กวิ่งเล่นสองสามคน มีเสียงหัวเราะลอยมาเบา ๆ พอให้ชื่นใจ เธอเดินตามทางไปเรื่อย ๆ ตามหลังเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอย่างมีความสุข ด้านหลังหมู่บ้านนั้นเธอเห็นชาวบ้านบางคนกำลังแบกฟ่อนงา บ้างก็ก้มหน้าก้มตาใช้เคียวเกี่ยวงาแห้งด้วยท่าทางขยันขันแข็ง
รอบหมู่บ้านเต็มไปด้วยแปลงเพาะปลูก ต้นงาที่ปลูกเป็แถบกว้างสะบัดไหวไปตามแรงลมประหนึ่งผืนผ้าใบของธรรมชาติ เหยาเหยามองไปรอบตัวดวงตาเป็ประกายขึ้นเล็กน้อย ถึงจะยังไม่รู้ว่าชีวิตของเธอจะเดินไปทางไหน แต่ที่นี่.. ตอนนี้.. อย่างน้อยก็ทำให้เธอรู้จักคำว่าสงบ
“ท่านพี่อาเหยา!”
เสียงใส ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง เธอหันกลับไปมองก็พบกับเด็กหนุ่มวัยราวสิบหกสิบเจ็ด ใบหน้ากลมขาวมีผ้าโพกหัวสีซีด และถือขวดยาสมุนไพรไว้ในมือ เด็กหนุ่มยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับจะลุกไหม้
“เอ่อ.. ข้า.. ข้าชื่อเสี่ยวหานนะขอรับ ยายให้ข้านำยามาให้ เอ่อ.. ข้าดีใจนะที่ท่านพี่อาเหยาหายดีแล้ว” เหยาเหยายิ้มให้บาง ๆ พลางรับขวดนั้นมาอย่างนุ่มนวล
“ขอบใจนะเสี่ยวหาน ข้ารบกวนเ้ากับตายายหลายวันเลย” เสียงของเธออ่อนโยน แต่มันยิ่งทำให้เสี่ยวหานนั้นหน้าแดงกว่าเดิม เขาหัวเราะแห้ง ๆ พร้อมทั้งยกมือขึ้นเกาหลังคอแก้เขิน
“ไม่เป็ไรเลยขอรับ ท่านพี่อาเหยาเป็คนดีไม่เหมือนบางคนในเมือง ข้าชอบคนแบบท่านพี่มากกว่า เอ๊ย! ข้าไม่ได้หมายถึงอะไรนะ!”
หน้าของเขาแดงกว่าเดิมอีกเท่าตัว ส่วนเหยาเหยาได้แต่กลั้นหัวเราะยกมือปิดปากเอาไว้เพราะอดที่จะไม่ขำท่าทางนั้นของเด็กคนนี้ไม่ไหว เธอหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามเขาออกมาอย่างนึกสนใจ
“หมู่บ้านนี้ปลูกงาเยอะเพียงนี้.. นี่คืออาชีพหลักของพวกท่านหรือ” เสี่ยวหานพยักหน้าเร็ว ๆ เหมือนได้โอกาสกลบเกลื่อนความเขิน
“ใช่แล้วขอรับ! ที่นี่ปลูกงามาหลายรุ่นแล้วขอรับ เพราะทั้งอากาศและดินดีมากงาขึ้นง่ายแถมไม่ต้องดูแลมากด้วย เราจะเก็บเกี่ยวงาทุกปีแล้วเอาไปขายในตลาดของเมืองหลวงได้เงินมาแบ่งกันทั้งหมู่บ้านขอรับ”
น้ำเสียงของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความภูมิใจเล็ก ๆ แม้จะเรียบง่ายแต่กลับมีความสุขจนเธอนั้นก็ััได้ หญิงสาวพยักหน้ารับพลางมองไปรอบตัวอีกครั้ง หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขา คนแปลกหน้าที่ไม่มีใครรู้จักแต่ได้รับการต้อนรับด้วยความอบอุ่นเรียบง่าย
“บางที.. การเริ่มต้นใหม่ก็อาจจะไม่ได้แย่ขนาดนั้นก็ได้”
เธอยืนมองต้นงาที่กำลังไหวลู่ไปตามลม รอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าเธอเริ่มจางลงเมื่อเสียงของเสี่ยวหานดังขึ้นต่อ
“แต่ว่านะท่านพี่อาเหยา ปีนี้หมู่บ้านเราโชคดีมาก เพราะปีนี้จะมีพ่อค้าจากตระกูลซูที่อยู่แคว้นโจวเขาจะเดินทางมาซื้อผลผลิตถึงที่”
น้ำเสียงของเสี่ยวหานเจือด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าใส ๆ ของเด็กหนุ่มเปล่งประกายแทบจะมีดอกไม้เบ่งบานรอบหัว
“ปกติพวกเราต้องขนงาเข้าเมืองไปขายกันเอง เหนื่อยก็เหนื่อยได้เงินก็น้อยแถมยังต้องเสียค่าผ่านทางอีก แต่นี่เขาจะมารับถึงหมู่บ้านเลย!”
เหยาเหยาหันขวับมามองหน้าของเด็กหนุ่มทันที สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างชัดเจนเพราะชื่อของคนที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยิน
“ตระกูลซูงั้นเหรอ”
“ใช่ขอรับ! คนจากตระกูลซูพ่อค้าใหญ่จากแคว้นโจวนั่นแหละ ข้าจำได้ว่าท่านตากับผู้ใหญ่บ้านพูดชื่อกันแบบนั้นข้าได้ยินมากับหูเลย!”
เสี่ยวหานพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลดประหนึ่งรอคนดังมาทัวร์คอนเสิร์ตที่หมู่บ้าน แต่เหยาเหยากลับยืนนิ่งสีหน้าแข็งค้างเหมือนคนโดนตบกลางอากาศ
“ซูอวี่..” เธอพึมพำชื่อเบา ๆ ราวกับกำลังถามฟ้าถามดินมากกว่าถามเสี่ยวหาน
“ใช่เขาหรือเปล่านะ”
มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่ไหม แต่ว่านะ.. มาจากแคว้นโจว แถมยังเป็ตระกูลซู และยังเป็พ่อค้านั่นอีก หัวใจเธอเต้นไม่เป็จังหวะ
“แล้ว.. รู้หรือไม่ว่าคนที่จะมาเป็ใคร” เสียงของเหยาเหยาอ่อนลงแต่ซ่อนไม่มิดเลยว่ากำลังเครียด
“เื่นั้นข้าเองก็ไม่รู้ขอรับ.. รู้แค่ว่าอีกสามวันเขาจะมารับของที่พวกเรารวบรวมไว้ ข้าตื่นเต้นจะแย่ ไม่เคยเห็นพ่อค้าใหญ่ตัวจริงมาก่อนเลยท่านพี่อาเหยา” เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองข้างมาจับกันไว้แล้วแนบหน้าอก สีหน้าแสดงความพึงพอใจอย่างชายหนุ่มที่ฝันหวาน
“ข้าว่าเขาน่าจะเป็คนที่ใส่ชุดหรูขี่ม้าขาวมีข้ารับใช้เดินตามเป็แถวแน่เลย”
เหยาเหยาฝืนยิ้มบาง ๆ ในขณะที่ลมหายใจเธอเริ่มสั่นเครือ อีกสามวัน หากเป็ซูอวี่จริงเขาจะจำเธอได้หรือไม่ แล้วถ้าเขาจำได้เธอจะยังมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ หรือว่าเขาจะฆ่าเธอซ้ำอีกครั้งด้วยมือของเขาเองหรือเปล่า
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็วในความรู้สึกของเธอ เหยาเหยาหลบอยู่ในห้องไม้ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็จังหวะ เธอแนบดวงตาไปกับรอยร้าวของไม้เก่า แอบมองขบวนพ่อค้าที่เดินเรียงแถวกันเข้ามาในหมู่บ้าน เสื้อผ้าเรียบหรูแต่ไม่เวอร์วัง ข้างหลังมีเกวียนบรรทุกของมากมายและแน่นอน ว่าธงที่โบกสะบัดอยู่นั้นเป็ตราประทับของตระกูลซูจากแคว้นโจวที่สะท้อนกับแสงแดดเป็ประกาย ยิ่งตอกย้ำให้หัวใจของหญิงสาวหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“ใช่จริง ๆ ด้วย”
สัญลักษณ์นั้นเป็ตราเดียวกับที่เธอเห็นในความทรงจำของร่างนี้ไม่ผิดแน่ แต่เมื่อเธอกวาดสายตาไปทั่วขบวนก็พบว่าคนที่เดินนำหน้าและดูเหมือนจะเป็คนจัดการทั้งหมดนั้น คือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมแต่ไม่เ็าเสียทีเดียว
"หว่างตัน.. งั้นเหรอ"
ชายคนนี้เป็ผู้ช่วยคนสนิทของซูอวี่ เื่ฝีมือการเจรจาจัดได้ว่าหาใดเปรียบ แต่ที่มากกว่านั้นคือชายผู้นี้เคยเป็อดีตนักฆ่าที่พ่ายแพ้ให้ซูอวี่และให้เขามาทำงานด้วย เหยาเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยผู้ที่มาก็ไม่ใช่ชายผู้นั้น ความกลัวที่บีบคั้นในอกเริ่มคลายลงทีละนิด
“ดีแล้ว.. ดีจริง ๆ ที่ไม่มีเขา”
เธอลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปหยิบตะกร้าไม้เก่าขึ้นพาดแขน การหมกตัวอยู่แต่ในเรือนก็ไม่ใช่เื่ที่ดีสักเท่าไหร่ จะออกไปช่วยคนในหมู่บ้านดูการขนย้ายสินค้าก็ไม่ได้ จึงตั้งใจจะออกไปเดินเล่นเงียบ ๆ ทางหลังหมู่บ้าน เธอเดินไปเรื่อย ๆ ผ่านแปลงงา กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากดอกงาที่ยังไม่ถูกเก็บเกี่ยวลอยฟุ้ง ลมเย็นพัดเส้นผมพลิ้วเบา ๆ จนเธอเผลอยิ้ม
“ต่อไปนี้จะขอเป็แค่เหยาเหยาคนที่หลงมาโลกนี้ก็พอ”
เธอเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงลำธารใสที่ไหลพาดผ่านแนวป่า เสียงน้ำกระเซ็นพร้อมเสียงหัวเราะแ่เบาเรียกให้เธอหันไปมอง ตรงส่วนที่ไม่ได้ลึกมากแต่ก็ยังดูอันตรายนั้นพบเด็ก ๆ ชายหญิงคู่หนึ่ง มองจากสายตาแล้วอายุน่าจะราว ๆ ห้าหกขวบได้ ทั้งคู่ยืนหันหลังเล่นน้ำพร้อมร่างกายที่เปลือยเปล่าแต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส
“ตายแล้ว! ลูกหลานบ้านไหนทำไมมาเล่นน้ำกันอยู่ตรงนี้ ไม่มีผู้ใหญ่เลยเหรอ”
เธอรีบก้าวเข้าไปใกล้หมายจะเข้าไปเตือนเด็ก ๆ ให้ขึ้นจากน้ำก่อนจะเกิดอันตราย แต่ยังไม่ทันถึงตัวเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากอีกฟากหนึ่งของลำธาร เธอหยุดชะงักหันขวับไปตามเสียงนั้น และในวินาทีนั้นเองที่เธอรู้สึกลึกซึ้งของคำว่าฟ้ากำลังถล่มดินกำลังทลายอยู่ตรงหน้าเธอ
ร่างสูงในชุดสีเข้มเดินแทรกต้นไม้ออกมาช้า ๆ พร้อมผลไม้ในมือ ชายผู้มีใบหน้าคมเข้มเ็าราวกับน้ำแข็งขั้วโลก ใบหน้าที่เพียงแค่เห็นก็ทำให้เธอเย็นเฉียบไปถึงกระดูกสันหลัง
“ซูอวี่..”
เธอเบิกตากว้างลมหายใจสะดุด หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะะเิออกมานอกอก ดวงตาคมของชายหนุ่มสบเข้ากับสายตาเธอในทันที ราวกับชะตากรรมนำพาให้พบกันไม่ว่าจะหลบไปไกลแค่ไหน จนเมื่อหญิงสาวได้สติ เธอรีบหันหลังเตรียมจะวิ่งหนีแบบสี่คูณร้อย แต่ยังไม่ทันจะได้ทำเช่นนั้น
หมับ!
มือหนาได้พุ่งมาคว้าข้อมือเธอเอาไว้ เขาออกแรงบีบแน่นจนเจ็บแปลบ
“เ้า..”
เสียงเขาเย็นเฉียบ เย็นเสียยิ่งกว่าคืนที่เขาฆ่าเ้าของร่างในคืนนั้นเสียอีก เหยาเหยาหันหน้าไปมองเขาเล็กน้อย สีหน้านั้นซีดเผือดไร้เืฝาด ร่างกายสั่นไหวเล็กน้อยแต่รู้สึกว่าเย็นวาบั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า
'เขาจะคิดว่าเราเป็ฮั่วเฉาซีไหมนะ ถ้าแกล้งว่าเป็คนหน้าเหมือนเขาจะเชื่อหรือเปล่านะ'
แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ตั้งคำถามกับโชคชะตาซูอวี่ก็จ้องเธอเขม็ง
“เหตุใดเ้าถึงมาอยู่ที่นี่ ฮั่ว.. เฉา.. ซี”
เสียงของเขาเอ่ยชื่อเต็มของเ้าของร่างอย่างชัดถ้อยชัดคำ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยไฟของความเคียดแค้นปะปนกับความใและความสับสน
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงยังมีชีวิตอยู่ เขาไม่มีวันลืมว่านางนั้นได้ตายจากไปแล้วด้วยยาพิษในคืนนั้น เหตุใดวันนี้นางถึงมายืนอยู่ที่นี่ ต่อหน้าเขา เหยาเหยาเบิกตาด้วยความใขณะถูกดึงเข้าไปใกล้จนหน้าแทบชิดกับอกกว้างของชายตรงหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ไม่ถาม ไม่สบถ ไม่เอะอะ แต่ดวงตานั้นแสดงให้เห็นว่ากำลังรอคำตอบ
“ปล่อย! ข้าไม่ใช่ใครที่ท่านคิด!” เหยาเหยาพยายามดิ้น ร้องโต้เสียงสั่น
“ข้าชื่อเหยาเหยา! เป็แค่คนปลูกงา ข้าไม่รู้จักคนที่ท่านพูดถึง ใครคือฮั่วอะไรนั่น ข้าไม่รู้จัก!”